สายของศัตรู?! ทหารปีศาจตกตะลึงเมื่อเห็นร่างทั้งสองกระโจนออกไปทางหน้าต่าง ในเวลาเดียวกันพวกนั้นตะโกนบางอย่างออกมา
จากนั้นพวกเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะคนที่กระโดดออกไปคือคนที่ปลอมตัวเป็นเมิ่งเทียน
แล้วมันคือเรื่องบ้าอะไรกัน?
ทหารปีศาจที่ยืนอยู่บนชั้นสองไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน
ศัตรูบอกให้จับคนฝ่ายตัวเอง?
ปิงหยางที่กำลังกระโดดลงมาจากชั้นสองเองก็ตกใจเช่นกันนางรู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของฟางเจิ้งจือ
ศัตรู?เจ้าไร้ยางอายเจ้ากล้า… ปิงหยางได้สติอย่างรวดเร็ว นางพุ่งตามฟางเจิ้งจือไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนางก็ชี้ไปที่ฟางเจิ้งจือและตะโกนออกมา เร็วเข้าพวกอสูร…เอ้ยไม่ใช่ พวกปีศาจมาจับเขาไปเลย เขาเป็นสายของศัตรู!
…
..
ทหารปีศาจต่างพูดไม่ออกอะไรคือการที่เมิ่งเทียนสองคนกล่าวหากันเองว่าอีกฝ่ายเป็นสายของศัตรู?
นอกจากพวกเขาแล้วแม้แต่ราชาอสูรที่เฝ้าอยู่บริเวณหน้าผาด้านหน้าศาลาเต๋าสวรรค์ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง
จับพวกมัน! แม้ราชาอสูรไม่รู้ว่าเมิ่งเทียนทั้งสองคนพยายามจะทำอะไร แต่เขาก็ออกคำสั่งทันที
หลังจากได้ยินคำสั่งทหารปีศาจที่อยู่รอบๆก็ได้สติ พวกเขาโจมตีปิงหยางและฟางเจิ้งจือด้วยหอกในมือทันที
ฟางเจิ้งจือตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาคว้ามือปิงหยางที่กำลังตะโกนโวยวายแล้วออกวิ่งไปด้วยกัน
ฮ่าฮ่าฮ่า… ปิงหยางหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ไม่นานนางก็เงียบไปเพราะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับทิศทางที่ฟางเจิ้งจือกำลังมุ่งหน้าไป
เขาวิ่งไปหาราชาอสูรที่ยืนอยู่บริเวณหน้าผาพร้อมตะโกนออกมา วิ่งเร็วๆหน่อย เดี๋ยวก็ถูกจับหรอก!
… หน้าของปิงหยางกลายเป็นสีแดงก่ำ
มันเป็นเพราะความตื่นเต้นจนถึงขีดสุดของนางร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความสุขราวกับนางพึ่งดื่มของมึนเมา
ในสายตาของราชาอสูรฉากแปลกๆตรงหน้าทำให้เขาสับสนมาก
เกิดอะไรขึ้น?!
ทำไมพวกมันทั้งสองถึงวิ่งมาทางพวกเรา?
อย่าบอกนะว่าพวกมันก็หลงทาง? ราชาอสูรมองหน้ากันพวกเขาไม่รู้จะตอบสนองเหตุการณ์ตรงหน้าเช่นไร
เอ๋?พวกเรามาผิดที่หรือเปล่า? ขณะที่ราชาอสูรกำลังงุนงง เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
…
…
ราชาอสูรรู้สึกตัวเองถูกสบประมาทอย่างรุนแรงราวกับพวกเขาเป็นคนโง่
’พวกแกพึ่งรู้ตัวหรือไงว่าวิ่งมาผิดทาง?’
ราชาอสูรต้องการจะถามออกไปแต่ฉากที่เกิดขึ้นกับมู่ฉิงเฟิงก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่กล้าถามออกไป
ฮ่าฮ่าฮ่า… ปิงหยางไม่สามารถทนเก็บเสียงหัวเราะได้อีกต่อไปนางกำลังมีความสุขมากจริงๆ
ฆ่าพวกมัน! อย่างไรก็ตามราชาอสูรกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนดูถูกถึงขีดสุด
มีราชาอสูรน้อยกว่าสิบห้าคนในศาลาเต๋าสวรรค์ในจำนวนนั้นสี่คนตายไปแล้ว อีกแปดคนอยู่ที่หน้าผาส่วนหน้าของศาลาเต๋าสวรรค์
ในอดีตการปรากฎตัวของราชาอสูรเพียงคนเดียวสามารถทำลายสำนักเล็กๆลงได้ทันทีอย่างไรก็ตามตอนนี้ราชาอสูรทั้งแปดคนพึ่งตัดสินใจโจมตีเมิ่งเทียนที่บอกว่าตัวเองมาผิดที่…
นอกจากพวกเขาแล้วทหารปีศาจที่อยู่รอบๆต่างยกธนูขึ้น
โจมตี! คำสั่งถูกถ่ายทอดออกมา
ลูกธนูนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนอากาศ
ว้าว!สนุกที่สุดเลย! ปิงหยางตื่นเต้นมาก
แน่นอนว่าขณะที่นางพูดแสงสีแดงราวเปลวไฟปรากฎขึ้นบนร่างของนาง
ลูกธนูไม่สามารถเจาะทะลุแสงสีแดงนั้นเข้าไปได้พวกมันกลายเป็นขี้เถ้าทันทีเมื่อสัมผัสแสงสีแดง
เซียน?! ทหารปีศาจตกตะลึง มันคือเรื่องบ้าอะไรกัน? เมิ่งเทียนที่พวกเขาเจอทั้งหมดในวันนี้อยู่ในระดับเซียน
ทหารปีศาจไม่สามารถทนรับความจริงได้อีกต่อไป
ถ้าศัตรูเป็นเซียนนั่นหมายความว่าพวกเขาก็เป็นเพียงแค่’ไก่ตัวน้อยๆ’ที่ยืนประกอบฉากอยู่ในสนามรบ
แล้วเมิ่งเทียนกว่าสองพันคนที่ยืนนอยู่ที่ตีนเขาพวกนั้นก็เป็นเซียนด้วยใช่ไหม?
มันเป็นการคาดเดาที่ไร้เหตุผล
แต่ความกลัวนี้ก่อตัวขึ้นในใจของปีศาจทุกคน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปทำให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดฟางเจิ้งจือได้ซ่อนตัวหลังหินก้อนหนึ่งทันทีหลังจากแสงสีแดงส่องออกมาจากร่างของปิงหยาง
…
เขาซ่อนตัวทำไมเขาเป็นเซียนไม่ใช่หรือ?
เกิดอะไรขึ้น?!อย่าบอกนะว่าเขาไม่สามารถป้องกันลูกธนูได้
ทหารปีศาจรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่สมเหตุสมผลมาก
ไม่พวกมันไม่ใช่เซียนทั้งหมด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเซียน! แน่นอนว่าทหารปีศาจบางคนก็ฉลาดพอจะวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ใช่เซียนเพียงคนเดียว! ราชาอสูรเองก็สังเกตุเห็นความจริงข้อนี้เช่นกัน พวกเขามองตากันและแบ่งออกเป็นสองกลุ่มทันที
ราชาอสูรเจ็ดคนล้อมปิงหยางส่วนอีกคนพุ่งไปหาฟางเจิ้งจือ
ตาย! มือของราชาอสูรกลายเป็นกลงเล็บสีเขียวเข้ม
แม้ฟางเจิ้งจือจะทำราวกับตัวเองอ่อนแอแต่ราชาอสูรก็โจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่มีด้วยความไม่ประมาท
กรงเล็บข้างหนึ่งเล็งไปที่หัวส่วนอีกข้างเล็งไปที่หัวใจของฟางเจิ้งจือ มันเป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบ
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดูน่าพึงพอใจเช่นกันเพราะฟางเจิ้งจือตกตะลึงกับการปรากฎตัวของราชาอสูรที่กำลังพุ่งมาหาเขามาก
ราชาอสูรยิ่งได้ใจเขาเคยเห็นมนุษย์แสดงความหวาดกลัวเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง
จากนั้นฟางเจิ้งจือก็หันหลัง
แทนที่จะหลบแต่ฟางเจิ้งจือกลับวิ่งหนีไปทันที
มันโง่หรือไงกัน?ฮ่าฮ่า… แม้เขาจะสับสนเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะออกมาทันที
อะไรคือข้อห้ามระหว่างการต่อสู้?
การเปิดเผยแผ่นหลังที่ว่างเปล่าให้กับศัตรู!
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งเทียนตรงหน้าจะไม่เข้าใจเรื่องนี้เขากลัวจนวิ่งหนีออกไปโดยไม่คิดชีวิต
ตาย! ราชาอสูรไม่คิดจะเมตตา และโจมตีไปที่หัวของฟางเจิ้งจือ อย่างไรก็ตามเขาพลาดเป้า
เพราะตอนนั้นเองดูเหมือนว่าฟางเจิ้งจือจะสะดุดบางอย่างโดยไม่ตั้งใจร่างของเขาเซไปข้างหน้าทำให้หัวลดต่ำลง
หืม?! ราชาอสูรประหลาดใจ แต่ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น
แต่เขาจะปล่อยให้ฟางเจิ้งจือหนีต่อไปแบบนี้งั้นหรือ?
ไม่มีทาง!
เช่นนั้นเขาจึงใช้กรงเล็บอีกข้างโจมตีใส่ฟางเจิ้งจือ
เรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นอีกครั้ง
อยู่ดีๆฟางเจิ้งจือก็หันหน้ากลับมากรงเล็บที่ตอนแรกเล็งไปที่หลังของฟางเจิ้งจือ กลับพุ่งเข้าใส่หน้าอกของฟางเจิ้งจือที่ตำแหน่งหัวใจแทน
… ราชาอสูรไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะกลับกลายเป็นง่ายดายเช่นนี้
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างแปลกๆ มันแข็ง!
แข็งมาก!
สีหน้าของราชาอสูรเปลี่ยนไปกรงเล็บของเขาราวกับกระแทกเข้ากับโลหะแทนที่จะเป็นหัวใจของฟางเจิ้งจือ
สมบัติงั้นรึ?
เด็กเหลือขอนี้มีสมบัติป้องกันหัวใจ?
ไม่น่าแปลกใจเลย!
เดี๋ยวก่อน!ถ้ามันเป็นแค่สมบัติป้องกันหัวใจธรรมดาๆมันจะป้องกันการโจมตีของเขาได้งั้นรึ?
ไม่มีทาง!
ราชาอสูรรู้ว่าบนโลกมีสมบัติที่ทรงพลังอยู่แต่การที่จะใช้มันได้อย่างเต็มที่เจ้าของเองก็ต้องมีพลังระดับหนึ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งแม้สมบัติจะช่วยป้องกันแต่เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของร่างจะไม่ได้รับแรงกระแทกหรืออาการบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย ถูกต้องแล้วเมื่อกรงเล็บของราชาอสูรปะทะเข้ากับกระจกป้องกันใจ ดูเหมือนร่างของฟางเจิ้งจือไม่เคลื่อนไหวอะไรแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะกระเด็นถอยหลังออกไป
ประหลาดใจไหม?ตกใจไหมล่ะ? ขณะที่ราชาอสูรคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้น
จากนั้นเขาก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่มีประกายแสงสีเงินที่ราวกับมองเห็นทุกอย่างบนโลก
ไม่นะ!! ราชาอสูรกำลังจะล่าถอย
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปเมื่อเขาอ้าปาก หมัดของฟางเจิ้งจือก็พุ่งเข้ามาที่ปากของเขา
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่น่ากลัว
หมัดทะลวงเข้าไปในลำคอแรงปะทะส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาถูกบดขยี้
อั้ก… ราชาอสูรเบิกตากว้างสัญชาตญาณบอกเขาว่าให้กัดมือที่เข้ามาในปากของเขาให้ขาด
อย่างไรก็ตามอีกสัญชาตญานบอกเขาว่าควรวิ่งหนีทันที
อ้าก!!! ทันใดนั้นเสียงร้องอันน่าหวาดกลัวได้ดังก้องไปทั้งหน้าผา มันทำให้ราชาอสูรเจ็ดคนที่ล้อมปิงหยางอยู่ตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?!
เกิดอะไรขึ้นกับกูหนี่?
พวกเขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นเสียงของราชาอสูรที่เข้าไปโจมตีฟางเจิ้งจือจากนั้นสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกับหิมะ
นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นฟางเจิ้งจือกำลังบีบคอของราชาอสูรในเวลาเดียวกันฟางเจิ้งจือพยายามดึงร่างอสูรสีเขียวเข้มออกมาจากปากของราชาอสูรด้วยวิธีที่น่าสะพรึงกลัว
ราชาอสูรกำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด
มันทั้งน่าขนลุกและหวาดกลัว ราชาอสูรคนอื่นๆต่างประหลาดใจ
นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่เคยมีใครเคยพบร่างอสูรที่ซ่อนอยู่ในร่างมนุษย์ที่เป็นเปลือก
นั่นเพราะร่างอสูรนั่นไม่ได้มีตำแหน่งตรงกับร่างมนุษย์ที่เป็นเปลือกเมื่อร่างเปลือกได้รับความเสียหายรุนแรง ร่างอสูรถึงจะเปิดเผยออกมา ไม่มีทางที่ใครจะบังคับให้ราชาอสูรเปิดเผยร่างที่แท้จริงได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าราชาอสูร
อย่างไรก็ตามเมิ่งเทียนผู้ลึกลับตรงหน้ากลับทำเช่นนั้น
เขายื่นมือเข้าไปในปากของราชาอสูรงั้นหรือ?
มันเป็นไปได้ยังไง!
ยกเว้นว่าเขาจะเห็นตำแหน่งร่างอสูรที่แท้จริงของกูหนี่!
……………………………………..