Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1897 ระเบิดพลังอย่างสมบูรณ์

ตอนที่ 1897 ระเบิดพลังอย่างสมบูรณ์
ชั้นที่หก แดนลับหมอกดำ

ต้องเอาชนะวิญญาณศึกหลอมมรรคสี่ตนจึงจะเข้าไปในชั้นที่เจ็ดได้

แต่ใครต่างก็รู้ว่าชั้นในเจดีย์สมบัติยิ่งสูง พลังต่อสู้ของวิญญาณศึกหลอมมรรคก็ยิ่งแข็งแกร่ง

ก็เหมือนวิญญาณศึกหลอมมรรคในชั้นหกนี้ที่ราวกับรวมตัวกันจากหมอกดำไร้รูป แต่ละตนต่างมีพลังต่อสู้ที่สามารถเทียบได้กับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์!

อีกทั้งพวกมันยังถือครองมรรคและวิชาที่ชวนตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แม้จะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่ความแข็งแกร่งของฝีมือการต่อสู้กลับสามารถทำให้คนทั่วไปหน้าเปลี่ยนสี

บุคคลแห่งยุคสิบกว่าคนอย่างเซี่ยอวี่ฮวา หวังถู หยวนเหอ ซูมู่หาน ล้วนเรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่เจิดจรัสที่สุดในแคว้นเมฆา

แต่ตอนนี้แค่ชั้นหกนี่ก็รู้สึกว่ากดดันมากแล้ว ทำให้ความเร็วเปลี่ยนเป็นเนิบช้า สถานการณ์ต่อสู้ก็ดูดุเดือดหาใดเปรียบ

ทว่าหลินสวินกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

กำลังทยอยสลัดพวกเฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอ โหยวเทียนซิงไว้เบื้องหลังทีละคน หลังจากมาถึงชั้นที่หก เขายังคงคมปลาบไม่ถดถอย รักษาความเร็วของการโจมตีได้เหมือนก่อนหน้านี้!

นี่ทำให้คนใหญ่คนโตที่เห็นภาพนี้อดเผยแววประหลาดไม่ได้ พาให้ไหวหวั่น

“ตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าหมอนี่ยังเผยท่าทางการต่อสู้ที่ไม่ช้าไม่เร็ว ไม่หยิ่งทะนงไม่เร่งร้อนออกมา ความเร็วในการทะลวงด่านไม่อาจพูดได้ว่าเร็ว แต่ก็พูดไม่ได้ว่าช้า EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq กลับยิ่งทำให้คนตกตะลึง…”

มีคนใหญ่คนโตสูดหายใจเย็นเยียบ

“ไม่ผิด อย่างลู่ตู๋ปู้และอู่หวง ทั้งสองอานุภาพไม่อาจต้าน เดินหน้าไปอย่างองอาจ ตอนนี้แม้จะนำหน้าทิ้งห่างทุกคนไป แต่ยามอยู่ในชั้นที่หกนี้ก็เจอกับแรงกดดันเช่นกัน”

มีคนวิเคราะห์ “แต่จินตู๋อีนี่ก็มั่นคงเกินไปแล้ว ตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นหกนี้ เวลาที่เขาใช้ในการฝ่าด่าน รวมถึงรูปแบบวิชายุทธ์แทบจะเหมือนเดิม ช่างน่าสะพรึงนัก”

“หากคาดเดาตามนี้ ถ้าอยากทำได้ถึงขั้นนี้จำเป็นต้องมีพลังที่สยบทุกสิ่งจึงจะทำได้ และวิญญาณศึกหลอมมรรคในชั้นที่หกนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหมอนี่อย่างเห็นได้ชัด!”

คำพูดนี้ทำให้คนใหญ่คนโตมากมายผงกศีรษะเห็นด้วย

พวกเขาหากไม่ใช่เจ้าสำนักก็เป็นผู้นำตระกูลเก่าแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีสายตาที่หลักแหลมระดับใด ล้วนมองออกว่าหากจินตู๋อีคนนี้รักษาท่าทีในการฝ่าด่านเช่นนี้ต่อไปได้ ก็เป็นไปได้สูงว่าจะแซงหน้าไปก่อน!

พอเห็นว่าทุกคนชื่นชมยกย่องหลินสวิน เหิงเซียวก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ ในใจแอบพูดว่า อาจารย์อาเล็กของบรรพจารย์แห่งสำนักยุทธ์เสวียนจีของข้า มีหรือจะธรรมดา

มีเพียงสีหน้าของนักพรตหลันที่ค่อนข้างอึมครึมอยู่บ้าง

ก่อนหน้านี้เขายังยืนยันว่าวิธีการต่อสู้ที่เหมือนบุกเข้าไปในอึดใจเดียวนี้ของหลินสวิน ย่อมถูกลิขิตให้แผ่วปลายและสิ้นสุด ยืนหยัดได้ไม่นาน

แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ห้ามา ตลอดทางหลินสวินไม่เพียงแต่เหนือกว่าคู่แข่งทุกคน หลังจากมาถึงชั้นที่หกก็ยังไม่เห็นสัญญาณอ่อนกำลังที่ยืนหยัดไม่อยู่ใดๆ!

นี่ทำให้เขาจนคำพูดอยู่บ้าง รู้สึกเหมือนถูกฝ่ามือหนึ่งฟาดใส่โดยไร้สุ้มเสียง ออกจะวางหน้าไม่สนิทเท่าไร

นักพรตหลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงขรึม “ตอนนี้ในชั้นที่หกมีผู้กล้าหญิงแห่งยุคอย่างเซี่ยอวี่ฮวา มีอัจฉริยะนิรันดร์อย่างหวังถู คนอื่นอย่างพวกซูมู่หานก็ไม่มีใครที่ไม่ใช่ผู้ปรีชาสามารถในหมู่ยอดบุคคล เขาจินตู๋อีคิดอยากแซงหน้าไปก่อน… เกรงว่าคงเป็นไปได้ยาก”

ทุกคนอึ้งไป หลายคนต่างลอบส่ายหัว มีหรือจะฟังไม่ออกว่าคำพูดนี้ของนักพรตหลันเจือความอคติแล้ว

“เป็นไปได้ยากหรือไม่ ไม่ใช่เจ้านักพรตหลันพูดแล้วจะเป็นตามนั้น!”

เหิงเซียวทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เอ่ยเสียงเย็นชา “เป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักแห่งหนึ่ง ยังพุ่งเป้าไปที่เจ้าหนุ่มคนหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยคำพูดโหดร้ายเช่นนี้อีก นักพรตหลัน เจ้าไม่กลัวว่าจะทำให้คนทั่วไปเยาะหยันหรือ”

นักพรตหลันสีหน้าอึมครึม เพิ่งหมายจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงร้องอุทานดังขึ้น

“รีบดูเร็ว เจ้าหนุ่มนี่สังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคตนที่สองของชั้นที่หกแล้ว นำหน้าคู่ต่อสู้เก้าคนไปได้ในชั่วขณะเดียว!”

ประโยคเดียวทำให้ทั้งที่นั้นสั่นสะเทือน พากันหันสายตามองไป

แดนลับหมอกดำชั้นที่หก ขอแค่เอาชนะวิญญาณศึกหลอมมรรคได้สี่ตนก็จะเข้าสู่ชั้นที่เจ็ด

ส่วนพวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถู หยวนเหอ ซูมู่หานทั้งสิบกว่าคนก่อนหน้านี้ เกือบทั้งหมดล้วนกำลังห้ำหั่นกับวิญญาณศึกหลอมมรรคสี่ตนนี้อย่างสุดกำลัง

บุคคลร้ายกาจอย่างเซี่ยอวี่ฮวาและหวังถูต่างสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคได้สามตน กำลังห้ำหั่นกับคู่ต่อสู้ตัวสุดท้าย

ส่วนพวกหยวนเหอและซูมู่หานก็สังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคไปสองตนแล้ว กำลังห้ำหั่นอยู่กับวิญญาณศึกหลอมมรรคตัวที่สาม

อีกเก้าคนก็กำลังโรมรันอยู่กับวิญญาณศึกหลอมมรรคตัวที่สอง

ตอนนี้หลินสวินเพิ่งมาถึงชั้นที่หกก็สังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคไปสองตัวแล้ว เท่ากับนำคู่ต่อสู้เก้าคนไปได้ในคราเดียว!

เหตุการณ์นี้ย่อมสะเทือนใจคนมากเป็นธรรมดา

นักพรตหลันที่เดิมทีคิดจะแย้งเหิงเซียวเห็นดังนี้ก็เงียบกริบไปทันที เพลิงโทสะทั่วท้องไร้ที่ระบาย อึดอัดจนใบหน้าชราปรวนแปรไม่หยุด

ในใจเหิงเซียวกลับชื่นมื่นหาใดเปรียบ กล่าวว่า “นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่ามาทีหลังแต่แซงหน้าไปก่อน ทั้งยังมีอนาคต!”

คนใหญ่คนโตอื่นๆ ในที่นั้นต่างมองหน้ากันไปมา สีหน้าแตกต่างกันออกไป

พวกเขาเจอจินตู๋อีเป็นครั้งแรก หาใช่ศัตรูคู่อาฆาต ย่อมไม่มีอคติอะไรเป็นธรรมดา

แต่พวกเขากลับมองออกนานแล้ว ว่าจินตู๋อีคนนี้น่าจะเคยล่วงเกินเกาะเทพเวหาทมิฬมาก่อน จึงถูกนักพรตหลันหมายหัวเช่นนี้!

สำหรับเรื่องนี้พวกเขาย่อมไม่มีทางพูดอะไรมาก และไม่มีทางไปเป็นศัตรูกับบุคคลอย่างเจ้าสำนักของเกาะเทพเวหาทมิฬเพราะจินตู๋อีเผยความโดดเด่นแน่

แต่ไม่ทันไรคนใหญ่คนโตเหล่านี้ก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้

ทั้งเจ้าสำนักสำนักกระบี่จรดฟ้า เจ้าสำนักลัทธิเทพดาราเมฆ ผู้นำเผ่าจักรพรรดิตระกูลซู เจ้าอาวาสสำนักธรรมคานาอัน… แต่ละคนต่างเผยสีหน้าจริงจัง

ด้วยเพราะตอนนี้หลินสวินสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคตัวที่สามแล้ว อยู่ในระดับที่แทบจะเหมือนพวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถู ซูมู่หาน หยวนเหอทุกประการ!

บรรยากาศในที่นั้นเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องไปบนม่านแสงมหึมานั่น

“ดี!”

“ไม่เลว!”

ไม่นานเจ้าสำนักลัทธิเทพดาราเมฆและเจ้าสำนักสำนักกระบี่จรดฟ้าต่างเผยสีหน้ายินดีพร้อมกัน

ด้วยพวกเซี่ยอวี่ฮวาและหวังถูแทบจะฆ่าวิญญาณศึกหลอมมรรคตัวที่สี่ได้พร้อมกัน เข้าไปในชั้นที่เจ็ดแล้ว!

ส่วนคนใหญ่คนโตอย่างผู้นำเผ่าจักรพรรดิตระกูลซู เจ้าอาวาสสำนักธรรมคานาอันก็ส่ายหัวไม่หยุด สีหน้าซับซ้อน

ด้วยคนที่สามที่บุกเข้าไปในชั้นที่เจ็ดได้คือหลินสวิน!

นี่ก็หมายความว่า พวกซูมู่หาน หยวนเหอ ถูกหลินสวินสลัดทิ้งไว้ด้านหลังแล้ว

“จินตู๋อีนี่เป็นคนที่น่ากลัวยิ่งนัก เก็บซ่อนตัวตนแนบเนียน มั่นคงดุจหินผา”

ผู้นำตระกูลซูทอดถอนใจ

“วิชากระบี่แท้จริงไม่พึ่งคมกระบี่ คนฉลาดที่แท้จริงไม่เผยตัว โยมน้อยจินตู๋อีไม่ธรรมดาจริงๆ”

เจ้าอาวาสสำนักธรรมคานาอันพยักหน้า

มาถึงตอนนี้แล้ว EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ว่าจินตู๋อีที่มาจากการคัดเลือกในเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิง เป็นบุคคลแห่งยุคที่เยี่ยมยอดคนหนึ่ง!

การชนะติดต่อกันเก้าสิบเก้าครั้ง ทำให้เขาประกาศศักดาในแคว้นเมฆา

การกำราบเฮ่อเหลียนฉีในคราเดียว ยิ่งทำให้เขาเข้าไปอยู่ในสายตาของเจ็ดสำนักใหญ่ ดึงดูดความสนใจมากมาย

และตอนนี้ในการคัดเลือกรอบที่สองนี่ ความเร็วในการฝ่าด่านที่ไม่ช้าไม่เร็ว มั่นคงดุจภูเขาเทพนั้นของเขา ก็ทำให้คนใหญ่คนโตทั้งหมดในที่นั้นตกใจ!

มีเพียงนักพรตหลันที่อึดอัดใจ กล่าวอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป “รอเขาเหนือกว่าอู่หวงและลู่ตู๋ปู้เมื่อไหร่ ให้ข้าขอโทษเขาด้วยตัวเอง ยอมรับว่าข้ามีตาหามีแววไม่ก็ยังได้!”

ประโยคเดียวทำให้ทั้งที่นั้นหันมองมา

แต่เมื่อไตร่ตรองโดยละเอียด ทุกคนก็ไม่ใส่ใจ

ลู่ตู๋ปู้และอู่หวงต่างบุกเข้าไปในชั้นที่แปดแล้ว แต่จินตู๋อีเพิ่งเข้าไปในชั้นที่เจ็ด คิดจะไล่ตามสองคนนี้ให้ทันคงเป็นเรื่องยาก

นอกเสียจากว่ายามบุกทะลวงชั้นที่เจ็ด ชั้นที่แปด ชั้นที่เก้า จินตู๋อียังรักษาความเร็วในการโจมตีที่มั่นคงจนน่ากลัวเช่นนั้นได้ บางทีอาจมีความหวังเสี้ยวหนึ่ง

แต่…

จะเป็นไปได้หรือ

‘เป็นไปได้!’ มีเพียงเหิงเซียวที่ลอบยืนยันอยู่ในใจ

ตอนนี้การคัดเลือกรอบที่สองผ่านไปสี่เค่อแล้ว

ลู่ตู๋ปู้และอู่หวงต่างบุกเข้าไปในชั้นที่แปดแล้ว อันดับแทบจะไม่แบ่งสูงต่ำ ดึงดูดจิตใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไป

ในชั้นที่เจ็ด พวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถู หลินสวินสามคนก็ดึงดูดความสนใจมากเช่นกัน

ชั้นที่หกเป็นพวกซูมู่หาน หยวนเหอ

ในชั้นที่ห้าพวกเฮ่อเหลียนฉี โหยวเทียนซิง ฉู่ชิว มีหลายคนมีสัญญาณว่าจะเข้าไปในชั้นที่หกแล้ว

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าชั้นที่ห้า แทบจะดึงดูดความสนใจของทุกคน ณ ที่นั้นไม่ได้แล้ว

ด้วยใครต่างก็รู้ว่าเวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว คนที่ยังติดอยู่ใต้ชั้นที่ห้าตอนนี้ แทบไม่มีทางผ่านการคัดเลือกรอบที่สอง!

เหตุการณ์ต่างๆ ในโลกภายนอก ผู้แข็งแกร่งที่กำลังฝ่าด่านอยู่ในเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าต่างไม่อาจสังเกตเห็น

ตามเวลาที่ล่วงเลย แต่ละคนต่างทำทุกวิธีเพื่อพุ่งจู่โจมสุดกำลัง

บ้างมีใจต่อสู้ฮึกเหิม

บ้างห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง

บ้างสุขุมใจเย็น

…แต่คนส่วนใหญ่กลับเริ่มรู้สึกสิ้นหวังและไร้พลัง

ในครั้งนี้ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการคัดเลือกรอบที่สองมีจำนวนถึงเก้าร้อยกว่าคน มีผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่นเหนือผู้อื่นจากสิบเขตเข้าร่วมต่อสู้ใหญ่ และมีผู้สืบทอดของเจ็ดสำนักใหญ่ด้วย

แต่ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าชั้นห้าต่างค่อยๆ สูญเสียความมั่นใจ ด้วยต่อให้ยืนหยัดต่อไปได้ เวลาก็ไม่พอแล้ว!

แต่ทุกอย่างนี้ไม่ส่งผลต่อหลินสวินอย่างสิ้นเชิง

ชั้นที่เจ็ด

แดนลับทะเลเมฆ

ถ้าอยากผ่านชั้นนี้ไป ต้องเอาชนะวิญญาณศึกหลอมมรรคสามตัวให้ได้

หลินสวินในตอนนี้ยังรักษาสภาวะจิตที่สุขุมและยากจับต้องได้เหมือนก่อนหน้านี้ ยามต่อสู้ฆ่าฟันจะปรับพลังต่อสู้ของตัวเองตามสถานการณ์

ต่อให้วิญญาณศึกหลอมมรรคของชั้นที่เจ็ดนี้จะแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ แต่ยังไม่อาจทำให้เขารู้สึกกดดันเท่าไหร่

อย่างมากแค่ใช้สองสามกระบวนท่าก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้อย่างง่ายดายแล้ว!

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน เขาใส่ใจเพียง ‘พลังต้นกำเนิดวิถียุทธ์’ ที่จะได้รับหลังจากฆ่าวิญญาณศึกหลอมมรรคแล้วเท่านั้น!

ตูม!

เสียงระเบิดดังขึ้น หลังจากฆ่าวิญญาณศึกหลอมมรรคและชิงพลังต้นกำเนิดวิถียุทธ์ที่หนาแน่นมาได้อีกครั้ง หลินสวินก็นัยน์ตาเป็นประกาย

‘ใกล้จะทะลวงขั้นแล้ว เหลือแค่ก้าวสุดท้ายก็จะควบรวมกายมรรคเพลิงแดงออกมาได้!’

‘ก้าวสุดท้ายนี้จำเป็นต้องทำให้สำเร็จในอึดใจเดียว ดูท่าว่าต้องพุ่งเข้าไปสุดกำลังสักหน่อยแล้ว…’

หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ

เกือบจะเวลาเดียวกัน ในโลกภายนอก

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่มากมายก็ไม่อาจนิ่งสงบ

“ลู่ตู๋ปู้เริ่มพุ่งทะยานสุดแรงแล้ว!”

“อู่หวงก็เริ่มปลดปล่อยพลังเช่นกัน”

เสียงร้องอุทานดังขึ้น เกือบทุกสายตาต่างมองไปในชั้นแปดพร้อมกัน จับจ้องไปที่ลู่ตู๋ปู้และอู่หวง

ในชั้นแปดต้องเอาชนะวิญญาณศึกหลอมมรรคสองตัว จึงจะไปถึงชั้นเก้าที่อยู่สูงสุดได้!

เพียงแต่พลังของวิญญาณศึกหลอมมรรคสองตัวนี้ แต่ละตัวล้วนวิปริตและน่ากลัว พวกลู่ตู๋ปู้และอู่หวงต่อสู้ดุเดือดเกือบครึ่งเค่อจึงสังหารไปได้คนละตัว

ตอนนี้ทั้งสองคนพลันปลดปล่อยพลัง เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะยั้งมือ ระเบิดพลังอย่างสมบูรณ์แล้ว!

………………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset