Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1896 มั่นคงจนน่ากลัว

เวลาไม่ถึงสองเค่อ ทะยานขึ้นสู่ชั้นที่หก!

สำหรับตอนนี้ ลู่ตู๋ปู้นำโดด ห้อทะยานไม่เห็นฝุ่นจริงๆ

ยามที่เขามาถึงชั้นหกของเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า

บุคคลแห่งยุคสิบกว่าคนอย่างพวกอู่หวง เซี่ยอวี่ฮวา หวังถู หยวนเหอ ซูมู่หาน… ยังคงโรมรันต่อสู้อยู่ที่ชั้นห้าของเจดีย์

ชั้นที่สี่มีประมาณอีกสี่สิบกว่าคน พวกร้ายกาจอย่างเฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอ โหยวเทียนซิง ฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิงล้วนอยู่ในนั้น

ชั้นที่สาม มีราวๆ สี่ร้อยกว่าคน

ชั้นหนึ่งกับชั้นสอง แต่ละชั้นมีกันอยู่สองร้อยกว่าคน

สถานการณ์มองแวบเดียวก็เข้าใจ คนใหญ่คนโตในที่นี้ล้วนมองออกอย่างชัดเจน เวลาสองเค่อผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่ตอนนี้ยังคงติดอยู่ที่ชั้นหนึ่งและชั้นสอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านการคัดเลือกครั้งนี้

นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ความสนใจหลักของพวกคนใหญ่คนโตล้วนตกไปอยู่ที่ผู้แข็งแกร่งซึ่งอยู่บนชั้นสามขึ้นไป

“หากจัดแบ่งเหล่าคนที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ ลู่ตู๋ปู้ย่อมเป็นคนที่อยู่เหนือสุด”

นักพรตหลันจากเกาะเทพเวหาทมิฬเอ่ยปากเนิบๆ “อีกสิบกว่าคนอย่างพวกอู่หวง เซี่ยอวี่ฮวา หวังถู สามารถจัดอยู่ในระดับหนึ่ง”

“พวกเฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอสามารถจัดอยู่ในระดับสอง”

เขาพูดคล่องปาก และได้รับการคล้อยตามจากคนใหญ่คนโตไม่น้อย

แต่ไม่นานนักพรตหลันก็เปลี่ยนประเด็น “อิงตามการแบ่งเช่นนี้ จินตู๋อีนั่น… เฮอะๆ ก็คงเป็นได้แค่พวกระดับสอง ดูท่าจะไม่ธรรมดายิ่งจริงๆ ถึงได้กลายเป็นหนึ่งในอันดับหนึ่งของเขตเข้าร่วมต่อสู้”

สีหน้าของคนใหญ่คนโตบางส่วนเปลี่ยนเป็นแปลกพิกลขึ้นมาทันที คนโง่ยังฟังออก ดูคล้ายเป็นการยอมรับความแข็งแกร่งของจินตู๋อี แต่ความเป็นจริง เห็นได้ชัดว่าเจือความเหยียดหยัน

ในความเป็นจริง หลินสวินในตอนนี้ก็อยู่ชั้นที่สี่จริงๆ กำลังสังหารคู่ต่อสู้ตนสุดท้ายอยู่

แต่เหิงเซียวจากสำนักยุทธ์เสวียนจีกลับสีหน้าขรึมเคร่ง ในใจไม่เบิกบานยิ่ง จินตู๋อีคนนี้เป็นถึงอาจารย์อาเล็กของบรรพจารย์ป๋อหยาจื่อ ไหนเลยจะปล่อยให้ผู้อื่นเหยียบย่ำดูหมิ่นเช่นนี้ได้

เหิงเซียวย่อมรู้ดี นักพรตหลันทำเช่นนี้เป็นเพราะเรื่องที่จินตู๋อีกำราบเสอหลิง เสอจื่อก่อนหน้านี้เป็นแน่!

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ระงับความเกลียดชังภายในใจเอาไว้แล้วกล่าวว่า “นักพรตหลัน จากฐานะของท่าน จงใจเล่นงานคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งเช่นนี้ออกจะเสียศักดิ์ศรีไปหน่อยหรือไม่”

นักพรตหลันคลี่ยิ้มบางๆ “ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง”

เหิงเซียวกล่าวเสียงเย็น “เช่นนั้นข้าก็จะบอกท่าน ไม่ว่าจะเป็นจินตู๋อีหรือคนอื่น ตอนนี้อาจจะจัดอยู่ในระดับสอง ถ้ายังไม่ถึงตอนที่การคัดเลือกสิ้นสุดก็ยังเป็นเช่นนี้”

“เช่นนั้นก็ตั้งตารอชมเถิด”

นักพรตหลันหัวเราะร่วน ทำท่าคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้ว

“ทุกท่านดูเร็ว หลังจากลู่ตู๋ปู้ไปถึงชั้นหก ความเร็วในการรุดหน้าก็ชะลอลงไม่น้อย”

จู่ๆ ก็มีคนโพล่งขึ้นมา “ตอนนี้อู่หวงก็บุกเข้าสู่ชั้นหกแล้ว หนำซ้ำดูจากความเร็วในการมุ่งหน้าของเขา มีแววสูงว่าจะนำลู่ตู๋ปู้”

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา จิตใจของคนใหญ่คนโตทั้งที่นั้นล้วนถูกดึงดูด

ชั้นที่หกเป็นแดนลับหมอกดำ ขอแค่กำราบวิญญาณศึกหลอมมรรคสี่ตนก็สามารถขึ้นไปชั้นเจ็ดได้

ยามนี้ลู่ตู๋ปู้สังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคตนที่สองแล้ว กำลังจะสู้กับวิญญาณศึกหลอมมรรคตนที่สาม

และอู่หวงที่เพิ่งเข้าสู้ชั้นหก ก็เห็นได้ชัดว่าน่าทึ่งถึงขีดสุด หลังจากสังหารวิญญาณศึกหลอมมรรคตนแรกได้อย่างง่ายดาย ก็เข้าโรมรันกับวิญญาณศึกหลอมมรรคตนที่สองแล้ว

ดูจากอานุภาพและความเร็วในการบุกโจมตีของเขาแล้ว ก็มีทีท่าว่าแซงหน้าลู่ตู๋ปู้อยู่รำไรจริงๆ!

“อู่หวงนี่ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นักพรตหลัน เกาะเทพเวหาทมิฬของพวกท่านมีผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดายิ่งจริงๆ บนกายเปี่ยมด้วยความเผด็จการราวกับข้าอยู่เหนือทุกคน รากฐานพลัง พรสวรรค์ ล้วนเรียกได้ว่าหาตัวจับยากอย่างที่สุด”

“คิดไม่ถึงว่าเกาะเทพเวหาทมิฬของท่านจะถึงกับซ่อนคมได้ลึกเช่นนี้ นักพรตหลัน จนป่านนี้แล้วท่านยังไม่พูดถึงอู่หวงคนนี้ให้พวกข้าฟังหน่อยหรือ”

ชั่วขณะนั้นเสียงแปลกใจใคร่รู้มากมายต่างดังขึ้น

ถูกคนใหญ่คนโตให้ความสนใจเช่นนี้ ทำเอานักพรตหลันอดทระนงตนไม่ได้ เขายิ้มสงวนท่าทีกล่าวว่า “เฮ้อ ไม่นับเป็นอะไรหรอก ก็แค่เหนือกว่าจินตู๋อีที่ชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวดนั่นอยู่หน่อยเท่านั้นเอง”

เขาไม่กล้าบอกว่าลู่ตู๋ปู้ก็เทียบอู่หวงไม่ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อเลี่ยงไม่ให้ล่วงเกินก้วนซวีจากสำนักยุทธ์ว่างเปล่า

แต่ยามวิจารณ์โจมตีหลินสวิน กลับไม่สงวนคำพูดเลยสักนิด

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าเหิงเซียวมืดทะมึนลงไปอีก เจ้าเฒ่านี่ จะงัดข้อกับตนจริงๆ!

แต่ฝีมือของหลินสวินในยามนี้ ก็ถูกอู่หวงเหวี่ยงไปอยู่ข้างหลังจริงอย่างว่า สิ่งนี้ทำให้เหิงเซียวคิดอยากโต้เถียงก็ยังไม่อาจทำได้อยู่บ้าง

ภายในใจเขาลอบร้อนรน บรรพจารย์เล็กคนนี้ เหตุใดจึงยังไม่สำแดงบารมีเสียที

เวลาสามเค่อให้หลัง

อู่หวง ลู่ตู๋ปู้เข้าสู่ชั้นเจ็ดเกือบจะในเวลาเดียวกัน

ภาพเหตุการณ์นี้เรียกเสียงอุทานในที่นั้นขึ้นอีกระลอก

ทว่านับจากตอนนี้เป็นต้นไปเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอู่หวงหรือลู่ตู๋ปู้ ความเร็วในการบุกทะลวงเห็นชัดว่าเริ่มชะลอลง

เพราะพลังของวิญญาณศึกหลอมมรรคที่พวกเขาพบเจอ ล้วนกร้าวแกร่งถึงขั้นทำให้พวกเขายังรู้สึกกดดันอย่างที่สุด!

และในชั้นที่หก เหล่าบุคคลแห่งยุคสิบกว่าคนอย่างพวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถู หยวนเหอต่างกำลังไล่ตีตื้นขึ้นมาสุดแรง

ความเร็วในการต่อสู้ของพวกเขา เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ก็แผ่วลงไปไม่น้อยเช่นกัน

ชั้นที่ห้า ผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนอย่างพวกเฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอ โหยวเทียนซิงก็เป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน

ส่วนพวกที่อยู่ต่ำกว่าชั้นห้า…

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่เดิมทีฝีมือโดดเด่นยิ่ง เห็นได้ชัดว่าต่างก็เริ่มรู้สึกหมดแรงกันแล้ว เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา ยิ่งห่างชั้นกันมากขึ้นทุกที

“ตอนนี้ผ่านไปแล้วสามเค่อ แต่ข้าสงสัยยิ่งว่าผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่เข้าสู่ชั้นที่ห้า เกรงว่าคงถูกคัดออกจากการแข่งขัน…”

มีคนถอนหายใจ

ต่ำกว่าชั้นห้า มีผู้เข้าร่วมการต่อสู้อยู่เกือบแปดร้อยกว่าคน

ผู้เข้าร่วมการต่อสู้แต่ละคนล้วนเป็นพวกเลอเลิศที่ปรากฏตัวในการคัดเลือกรอบแรก บางส่วนยิ่งสามารถจัดอยู่ในสิบอันดับต้นของเขตเข้าร่วมต่อสู้บางแห่งด้วยซ้ำ

อย่างพวกตงหลิวซื่อ สือหลงจากเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิง ตอนนี้ล้วนอยู่ที่ชั้นสี่ หากไม่ผิดจากที่คาด เมื่อเวลาหนึ่งก้านธูปสิ้นสุดลง พวกเขาล้วนไม่มีหวังจะไปถึงชั้นเก้า และย่อมไม่อาจผ่านการคัดเลือกในรอบนี้อย่างแน่นอน

“การต่อสู้ในมหามรรคเดิมก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว นี่เพิ่งคัดเลือกรอบสองเท่านั้น ซ้ำยังจำกัดวงแค่ภายในแคว้นเมฆาของพวกเรา”

ก้วนซวีเอ่ยปากเรียบๆ “และโลกใหญ่หงเหมิงนี่มีทั้งสิ้นสี่สิบเก้าแคว้น นอกจากแคว้นกลางมรรคแล้ว ในเขตแคว้นอื่นๆ ล้วนเหมือนกับแคว้นเมฆาของพวกเรา กำลังทำการคัดเลือกทีละขั้นเช่นนี้อยู่”

“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้มีพรสวรรค์พื้นๆ ล้วนหม่นราศีอย่างแน่นอน”

“มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่สามารถชักนำคลื่นลมในสี่สิบเก้าแคว้นอย่างแท้จริงเท่านั้น จึงจะสามารถเฉิดฉายยิ่งใหญ่ในโลกใหญ่หงเหมิงได้!”

ประโยคเดียวทำให้เหล่าคนใหญ่คนโตในที่นี้ต่างจิตใจไหวกระเพื่อม

โลกใหญ่หงเหมิงกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป อาณาเขตหนึ่งแคว้น ที่เล็กที่สุดยังเรียกได้ว่าเป็นโลกใบใหญ่แห่งหนึ่ง และอย่างแคว้นกลางมรรค ยิ่งกว้างใหญ่อย่างไม่อาจจินตนาการได้!

คิดอยากเรียกคลื่นลมทั่วหล้า เฉิดฉายโดดเด่นเหนือคนรุ่นเดียวกันในโลกใหญ่หงเหมิง…

ลำบากตรากตรำปานใด!

บุคคลเช่นนี้ล้วนเรียกได้ว่าหาตัวจับยากชั่วกาล หมื่นยุคยากจะพานพบ เมื่อเทียบเช่นนี้ เหล่าผู้กล้าที่ทำได้เพียงสร้างชื่อในหนึ่งเขตแคว้นเหล่านั้น ล้วนเห็นได้ชัดว่าอับแสงลงจริงๆ

นี่ก็คือเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน!

คำพูดที่ดูเหมือนไร้อารมณ์หาใดเปรียบนี้ อันที่จริงเป็นหลักการสูงสุดที่ไม่อาจหักล้างได้ตั้งแต่อดีตกาลสืบมา

“ข้าหวังเพียงว่าในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาของพวกเราครั้งนี้ จะปรากฏผู้เป็นเลิศแห่งยุคได้สักหลายคน สามารถเป็นตัวแทนแคว้นเมฆาของพวกเรา ไปชิงชัยกับพวกปีศาจที่โดดเด่นที่สุด สะดุดตาที่สุด ชวนตะลึงที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ในงานชุมนุมถกมรรคที่จัดขึ้นโดยหกเรือนมรรคใหญ่นั่น!”

เสียงของก้วนซวีต่ำลึก เจือแววตั้งตาคอยอย่างแรงกล้า “ถึงตอนนั้นก็สามารถพิสูจน์ต่อใต้หล้า ต่อโลกใหญ่ในฟ้าดาราทั้งหมดได้ว่า แคว้นเมฆาของพวกเรา… หาได้ไร้ผู้คน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนในที่นี้ต่างไม่มีใครไม่ไหวหวั่น

สายตาของก้วนซวีมองเลยอาณาเขตแคว้นเมฆา ทอดมองไปยังทั่วหล้านานแล้ว บุคลิกและความห้าวหาญระดับนั้น ทำให้เหล่าคนใหญ่คนโตพวกนั้นอดเลื่อมใสไม่ได้

นี่ก็คือปณิธานของเจ้าสำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเมฆา!

“เฮ้อ หกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ บวกกับพวกปีศาจแห่งยุคบางส่วนจากโลกอื่นในฟ้าดารา ยามงานชุมนุมถกมรรคนั่นเริ่มขึ้น แค่คิดก็รู้ว่าการชิงชัยจะดุเดือดปานใด”

มีคนทอดถอนใจ

ประโยคเดียวทำเอาคนไม่น้อยต่างก็ลอบถอนหายใจกับตัวเองไม่สิ้น

“ความสำเร็จขึ้นอยู่กับคน การต่อสู้ของคนระดับเดียวกัน สิ่งที่ประชันก็คือพลังสูงสุดของระดับนั้น รากฐานของใครแข็งแกร่งที่สุด มหามรรคที่ครอบครองเป็นเลิศที่สุด พลังยุทธ์ที่มีอยู่กร้างแกร่งที่สุด ผู้นั้นก็มีหวังจะโดดเด่นแซงหน้าผู้กล้าทั้งปวง!”

น้ำเสียงของก้วนซวีราบเรียบ

“เอ๋ ทุกท่านดูเร็ว ในชั้นห้านั่น เจ้าหนุ่มจินตู๋อีนั่นถึงกับเริ่มแซงคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่องแล้ว!”

ทันใดนั้นก็มีคนอุทานตกใจขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ทุกคนกำลังพูดคุยถกเรื่องอื่น เวลานี้ได้ยินประโยคนี้กะทันหันจึงล้วนอึ้งไป จากนั้นต่างก็มองไปที่ชั้นห้า

ภายในชั้นห้า ฝีมือของหลินสวินยังคงเหมือนเดิม ความเร็วในการบุกโจมตีก็เช่นกัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักนิด

แต่ก็เพราะท่าทีไร้การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคงเช่นนี้ กลับทำให้ในใจของเหล่าคนใหญ่คนโตในที่นี้รู้สึกตกใจไปพักหนึ่ง

ควรรู้ว่าเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าเก้าชั้น วิญญาณศึกหลอมมรรคที่กระจายตัวอยู่แข็งแกร่งและน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละชั้น

ยามที่รุดหน้าบุกทะลวง ความยากลำบากและอันตรายที่พานพบจะไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนอย่างลู่ตู๋ปู้และอู่หวงที่นำหน้าสุด ตอนที่ไปถึงชั้นหก ระดับความเร็วเริ่มแผ่วลงแล้ว ยามไปถึงชั้นเจ็ดยิ่งประสบกับแรงกดดันมหาศาล ความเร็วในการบุกทะลวงก็ยิ่งลดลงไปด้วย

เช่นเดียวกัน ในชั้นห้าพวกเฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอ โหยวเทียนซิงก็ตกอยู่ใต้สถานการณ์คล้ายคลึงกัน ความเร็วในการบุกโจมตีไม่ได้รวดเร็วเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลินสวินที่รักษาความเร็วในการโจมตีได้อย่างมั่นคงตั้งแต่ต้นจนจบ จึงเตะตายิ่งอย่างเห็นได้ชัด!

นี่เข้าใจง่ายยิ่ง ความตรากตรำและอันตรายที่หนักหนาขึ้นเรื่อยๆ คนอื่นเริ่มช้ากันหมด แต่เขาไม่ได้ช้า

เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว ความเร็วในการบุกทะลวงของเขาจึงยิ่งปรากฏท่าทางทะลวงผ่านอย่างรวดเร็ว!

“เฮอะ ไม่รู้จักถนอมพลังกาย ตอนนี้ก็ทุ่มสู้เช่นนี้เสียแล้ว ไม่รู้จักหลักการที่ว่าเริ่มแรงแผ่วปลายหรือ เจ้าหนุ่มนี่ย่อมไม่อาจไปได้ไกลสักเท่าไหร่แน่นอน”

นักพรตหลันแค่นเสียงเย็น

เขาตั้งแง่กับหลินสวินยิ่ง ก่อนหน้านี้เกาะเทพเวหาทมิฬส่งผู้สืบทอดไปท้าสู้ที่สำนักยุทธ์เสวียนจี เดิมทีก็มั่นใจอยู่เก้าส่วน แต่ใครเลยจะคาดคิดว่าสุดท้ายดันกลับมาด้วยสภาพหน้าม่อยคอตก

สาเหตุก็เพราะจินตู๋อีที่หลินสวินปลอมตัวอยู่ยื่นมือเข้าแทรก

สิ่งนี่ย่อมทำให้นักพรตหลันเห็นหลินสวินแล้วขัดหูขัดตาเป็นพิเศษ

คนไม่น้อยต่างก็คิดว่าคำพูดนี้ของนักพรตหลันมีเหตุผล สงสัยว่าหลินสวินกำลังต่อสู้เต็มกำลังเพื่อเร่งตามให้ทัน นี่ย่อมสูญเสียพลังกายมหาศาลอย่างแน่นอน

เวลานานเข้าจะส่งผลเสียอย่างที่สุดต่อการทะลวงด่านของเขา!

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสะท้านคือ เมื่อเวลาผันผ่าน หลินสวินไม่เพียงนำหน้าเหนือพวกเฮ่อเหลียนฉีมาถึงชั้นที่หก ความเร็วในการบุกก็ยังคงรักษามาตรฐานเหมือนก่อนหน้านี้อยู่

มั่นคงจนน่ากลัว!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset