ภายใต้สถานการณ์ปกติเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับเฉิงอี้ที่จะรับเคสสองเคสในเวลาเดียวกัน นอกจากว่าเคสที่กำลังทำอยู่นั้นได้ไปถึงคอขวดหรือจำเป็นที่จะต้องรอกระบวนการนั้นเกิดผลเป็นระยะเวลานาน
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เฉิงอี้ก็กล่าวต่อว่า “แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว”
“อะไรอีกเนี่ย เจ้าเด็กบ้านี่พูดกับพี่สาวให้จบไปในทีเดียวไม่ได้หรือไง ทำไมนายถึงพูดกลับไปกลับมา”
เฉิงอี้มองไปยังเจี่ยนอีหลิง “เพราะว่าน้องสาวอีหลิงอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นสถานการณ์จึงได้เปลี่ยนไป”
เจี่ยนอีหลิงก็ได้มองไปยังเฉิงอี้เช่นเดียวกันพร้อมกับเครื่องหมายคำถามในดวงตา
เฉิงอี้ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับมีรอยยิ้ม “เคสที่พี่ทำอยู่จะต้องจบลงได้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยความช่วยเหลือของเธอ ดังนั้นฉันจึงสามารถที่จะรับเคสใหม่นี้ได้ในอีกไม่กี่วัน”
แม้ว่าเจี่ยนอีหลิงจะยังไม่ได้ทำงานอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แต่เธอก็ได้พูดคุยกับผู้คนในสถาบัน และคนหนึ่งในคนเหล่านั้นที่พูดคุยกับเธอเป็นส่วนใหญ่ก็คือเฉิงอี้
เก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์ของเนื้อหาการพูดคุยจะเป็นโครงงานวิจัยของเฉิงอี้
ในโครงการนี้ เจี่ยนอีหลิงได้ให้คำแนะนำและแนวทางให้กับเขามากมาย และเฉิงอี้ก็ได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก
สายตาของเจึี่ยนอีหลิงตกลงไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอเอง
ตามเรื่องราวของนิยายต้นฉบับนั้น ฉินชวนจะได้กลับไปยังตระกูลฉินอย่างแน่นอน และก็จะกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกับจ๋ายหวินเชิ่ง
ถ้าหากว่าเรื่องราวยังคงเหมือนเดิม จ๋ายหวินเชิ่ง ซึ่งเป็นผู้ร้ายตามนิยายต้นฉบับ ก็ควรจะไม่สามารถที่จะหลีกหนีความพ่ายแพ้ได้ เป็นเรื่องที่เจี่ยนอีหลิงไม่สามารถทราบได้ว่าเขานั้นจะต้องตายหรือประสบกับเรื่องราวอย่างไร แต่โดยรวมแล้วมันคงจะไม่จบด้วยดีแน่นอน
เจี่ยนอีหลิงจดจำได้ถึงความใจดีของจ๋ายหวินเชิ่ง ไม่ว่าเขาจะมีเจตนาอะไรในการช่วยเธอ แต่ก็เป็นจริงที่ว่าเขานั้นได้ช่วยเธอเป็นเวลาหลายครั้งแล้ว
เจี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้งและกล่าวกับเฉิงอี้ว่า “ในเคสเดิมฉันจะช่วยนาย ส่วนเคสใหม่นี้เราจะรับด้วยกัน”
เฉิงอี้ครุ่นคิด “ถ้าน้องสาวอีหลิงช่วยพี่ พี่ต้องไม่มีปัญหากับเรื่องเหล่านี้ตอนนี้อย่างแน่นอน แต่น้องสาวอีหลิง ไม่ใช่เธอพูดว่าเธอมีอีกเคสที่จะต้องทำในเดือนนี้หรือไง อย่าปล่อยตัวเองทำงานหนักเกินไป”
“ฉันไม่เป็นไร”
เจี่ยนอีหลิงจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
หลัวซิ่วเอินรีบกล่าวกับเจี่ยนอีหลิงว่า “น้องสาวอีหลิง พี่สาวคนนี้ขอบอกน้องว่าเธอยังเด็กและเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอหลายคนจะชอบพูดจาถ้อยคำหวานๆ เธอจะต้องไม่ฟังพวกเขานะ พวกนั้นมีแต่เพียงหน้าตาดี เธอดูไม่ออกหรอกว่าข้างในใจนั้นเป็นภูตผีปีศาจประเภทไหน อย่าโง่ไปให้พวกนั้นหลอกนะ”
หลัวซิ่วเอินกังวลว่าเจี่ยนอีหลิงจะมอบหัวใจเด็กสาวนั้นให้กับคนที่เธอเรียกเขาว่า “ครูสอนพิเศษ”
ในฐานะ”ผู้มีประสบการณ์” หลัวซิ่วเอินเข้าใจถึงแรงดึงดูดของชายที่มาที่ประตูสถาบันต่อเด็กสาวโดยทั่วไป
สำหรับคนในสถาบันวิจัยนั้น การพัฒนาการทางสมองของพวกเขาส่วนใหญ่นั้นจะมีไว้ใช้ในประเด็นทางวิชาการ ส่วนด้านอื่นนั้นไม่ได้เรื่อง และโอกาสที่จะถูกหลอกนั้นค่อนข้างสูง
เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า “ไม่ใช่เพื่อเขา”
เจี่ยนอีหลิงมั่นใจว่าตัวฉินชวนนั้นไม่มีทางที่จะตัดสินใจทำแบบนั้น
อีกทั้งเธอยังจะไม่ยอมให้ฉินชวนรู้ด้วยซ้ำว่าเธอนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
แต่เธอจะขอค่าตอบแทนจากฉินชวนสำหรับเรื่องนี้ แต่ค่าตอบแทนนั้นจะไม่ใช่เงินทองแต่เป็นคำสัญญา
เจี่ยนอีหลิงซึ่งได้อ่านนิยายต้นฉบับรู้ว่าฉินชวนนั้นเป็นผู้ชายที่รักษาคำสัญญาของตนเอง
“จริงเหรอ” หลัวซิ่วเอินมองดูเจี่ยนอีหลิงเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง
“จริง” ดวงตาของเจี่ยนอีหลิงนั้นมั่นคง
“ก็ได้ งั้นก็ไม่มีปัญหา” หลัวซิ่วเอินกลัวว่าทารกสาวของสถาบันวิจัยของพวกเราจะถูกลักพาตัวไปโดยเด็กหนุ่มเหม็นเน่าที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีน
ส่วนสำหรับเรื่องโครงการที่เจี่ยนอีหลิงต้องการรับนั้น เป็นอิสระของเธอ
จากนั้น เจี่ยนอีหลิงและเฉิงอี้ก็ได้ปรึกษาหารือถึงการเตรียมการเฉพาะเจาะจงสำหรับในแต่ละโครงการทั้งสองโครงการนั้น
จากนั้นเฉิงอี้ก็ยืนยันรับเวชระเบียนของแม่ของฉินชวน