“แค่ก แค่ก” เฉิงอี้ไอเล็กน้อยเพื่อเตือนหลัวซิ่วเอินผู้ซึ่งมัวแต่ให้ความสนใจแต่เจี่ยนอีหลิง
หลัวซิ่วเอินมองไปที่หงไป่จางด้วยท่าทางรังเกียจอยู่บ้าง “เฒ่าหง พวกเรามาที่โรงพยาบาลนี้เพื่อที่จะเยี่ยมเพื่อน ไม่ได้คิดมาทำงาน ดังนั้นอย่าพูดถึงเรื่องงานกับพวกเรา พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องงานกันสำหรับในวันนี้”
“เพื่อนเหรอ เพื่อนของพวกคุณเหรอ อยู่ไหนเหรอ” หงไป่จางดูมีท่าทางอยากรู้
เพื่อนของหลัวซิ่วเอินกับเฉิงอี้หน้าตาเป็นอย่างไร นั่นทำให้เขาเกิดความสงสัยอย่างเปี่ยมล้นแท้จริง
“ฉันพูดว่ามาเยี่ยมเพื่อน แน่นอนว่าเพื่อนของฉันก็ต้องนอนป่วยอยู่ ไม่งั้นเขาจะยืนอยู่อย่างงั้นเรอะ แล้วจะมาเยี่ยมคนที่ยืนสบายอยู่ที่โรงพยาบาลทำไมกัน”
หงไป่จางดูท่าทางอับอาย ด็อกเตอร์หลัวคุณควร… ไว้หน้ากันบ้าง
จากนั้นเขาก็มองตามหงไป่จางด้วยท่าทางจริงจังไปยังคนที่อยู่บนเตียงพยาบาล
สิ่งที่เขาเห็นก็คือหน้าตาของเด็กหญิงผอมบางและอ่อนแอ
อายุของเด็กหญิงเห็นได้ชัดว่ายังไม่เป็นผู้ใหญ่ เหมือนกับเด็กนักเรียนมัธยมต้น ซึ่งแตกต่างจากอายุของหลัวซิ่วเอินกับเฉิงอี้ค่อนข้างมาก
นี่ค่อนข้างจะแปลกอยู่บ้าง
“ด็อกเตอร์หลัว คุณพูดว่าเธอเป็น…”
นี่เป็น “เพื่อน” ที่คนทั้งสองคนนี้มาเยี่ยมอย่างงั้นหรือไง
“มีอะไร มีปัญหาอะไรอย่างงั้นเรอะ” หลัวซิ่วเอินถามกลับ
แน่นอนว่าหงไป่จางย่อมไม่มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ
เขาเพียงแค่คิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะ “พิเศษ” อยู่สักหน่อย
ปกติแล้วเขาก็มักจะรู้สึกว่าตัวเขาเองไม่สามารถที่จะตามทันความคิดของหลัวซิ่วเอินกับเฉิงอี้ เมื่อตอนที่เขาพูดกับพวกเขา
เด็กหญิงตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาลนี่กลายไปเป็น “เพื่อน” กับคนทั้งสองคนนี้ได้อย่างไรกัน
หงไป่จางมีแต่ความสงสัยอยู่ในใจ และเช่นเดียวกันคนอื่นๆในห้องก็มีความสงสัยเหมือนกัน อีกทั้งความสงสัยนั้นก็มีมากมายกว่าหงไปจางยิ่งนัก
“ผู้อำนวยการหง คุณรู้จักสองคนนี้เหรอ” เจี่ยนชูฉิงถาม
“ใช่ พวกเขาสองคนเป็นนักวิจัยจากสถาบันฮุ่ยหลิง”
คำว่า “นักวิจัย” ตอนแรกนั้นฟังดูค่อนข้างธรรมดาในตอนแรก แต่เมื่อเติมคำว่า “สถาบันวิจัยฮุ่ยหลิง” เข้าไปทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างลิบลับ
“นักวิจัย” ที่นั่นทั้งหมดล้วนเป็นอัจฉริยะระดับสูงในวงการ
เจี่ยนชูฉิงคิดออกแล้วว่าทำไมเขาจึงรู้สึกว่าคนสองคนนี้ดูคุ้นหน้า
เมื่อตอนที่ค้นหาแพทย์ผู้ที่สามารถผ่าตัดเจี่ยนหยุ่นน่าวก่อนหน้านั้น เขาได้เห็นรูปของคนทั้งสองคนนี้ในข้อมูลพวกนั้น
พวกเขาทั้งคู่นั้นเป็นนักวิจัยชั้นยอดในสาขาเฉพาะทาง
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ก็เป็นสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิงที่จะดำเนินการผ่าตัดเส้นประสาทมือของลูกชายของพวกเขา
ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่ “สถาบันฮุ่ยหลิง” สีหน้าของทุกคนจึงเปลี่ยนไปทันที
เจี่ยนหยุ่นน่าวผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู ก็ยิ่งเกิดความสนใจกว่าทุกคน เขามองตรงไปยังชายและหญิงที่อยู่ในห้องนั้น
เขารู้ว่าแพทย์ผ่าตัดซึ่งจะทำการผ่าตัดให้กับเขานั้นเป็นคนของสถาบันแห่งนี้
และเขาก็จะเข้าสู่กระบวนการและเข้าสู่หอผู้ป่วยของสถาบันในเร็วๆนี้
นี่ยิ่งทำให้เจี่ยนหยุ่นน่าวอดไม่ได้สำหรับความต้องการที่จะเห็นคนทั้งสองนี้ให้ชัดเจนขึ้น และยิ่งมีความต้องการที่จะถามพวกเขาเกี่ยวกับแพทย์ผ่าตัดลึกลับผู้ที่จะทำการผ่าตัดเขา
ในใจของเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้น สถาบันวิจัยฮุ่ยหลิงก็คือความหวัง ดังนั้นคนทุกคนและสิ่งของทุกอย่างที่มีความเกี่ยวพันกับสถาบันวิจัยก็จะมีแสงแห่งความหวังอยู่ด้วยเช่นกัน
กระทั่งย่าเจี่ยนเองก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลัวซิ่วเอินกับเฉิงอี้มากขึ้นกว่าเดิมอีกสองสามครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉิงอี้ สายตาของย่าเจี่ยนจับจ้องมองเขาเป็นเวลาชั่วขณะ
คนผู้นี้มีหน้าตาสุภาพ ภาพลักษณ์ที่ดี อายุน้อย และความรู้ที่ไม่ธรรมดา
ไม่เพียงแต่หลานรักจะได้เป็นเพื่อนกับเขา แต่เขายังเป็นเพื่อนที่ทั้งฉลาดและจริงใจ ย่าเจี่ยนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“ด็อกเตอร์หลัว ด็อกเตอร์เฉิง ผมไม่คาดคิดว่าจะได้พบคุณสองคนที่นี่”
เจี่ยนชูฉิงถือโอกาสเริ่มต้นพูดจาทักทายคนทั้งคู่ ด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อม