หยูซีไม่กล้าที่จะชักช้า คาดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วและกระทืบคันเร่งกระชากรถออกจากที่แห่งนั้นในทันที
ในขณะที่ขับรถราวกับรถไฟด่วนเซี่ยงไฮ้เเม็กเลฟนั้น หยูซีก็บ่นพึมพัม
“เกิดอะไรขึ้นกับกระต่ายขาวตัวน้อยนี้ ทำไมเธอจึงวิ่งออกจากโรงพยาบาลในขณะที่เธอยังป่วยอยู่ ผมคิดว่าเธอออกจากโรงพยาบาลตอนที่เธออาการดีขึ้นแล้วเสียอีก”
จ๋ายหวินเชิ่งประคองเธอไว้ในอ้อมแขน เจี่ยนอีหลิงที่ตัวร้อนรุ่มได้สิ้นสติไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่ามีใครกอดเธอไว้อยู่
หยูซีบ่นต่อไปว่า “ยังดีที่กระต่ายขาวนี้ตามหาพวกเรา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอเกิดเป็นลมขึ้นกลางถนน”
หยูซีนั้นบ่นพึมพัมสาปแช่งไปตลอดทาง
เร่งความเร็วไปตลอดการเดินทาง ไฟแดงไหนที่สามารถฝ่าได้ก็ฝ่า ฝ่าไม่ได้เพราะมีรถกีดขวางมากเกินไปก็ไม่ฝ่า
เขาประเมินว่าใบขับขี่ของเขานั้นคงถูกยึดหลังจากการขับรถเที่ยวนี้
ใบขับขี่ถูกยึดนั้นเป็นเรึ่องเล็กน้อย ถ้ามันเกิดเป็นเรึ่องใหญ่ขึ้นมาอย่างมากก็สอบใบขับขี่อีกครั้ง เจี่ยนอีหลิงตัวร้อนจึงเป็นเรื่องใหญ่
รถจอดที่ประตูโรงพยาบาล จ๋ายหวินเชิ่งออกจากรถโดยอุ้มเจี่ยนอีหลิงไว้และรีบเข้าไปในโรงพยาบาล
“นายท่านเชิ่งไม่ต้องกังวล นายท่านเชิ่งให้ผมช่วย”
หลังจากที่หยูซีจอดรถแล้ว เขาก็รีบตามไปจนทัน เขาต้องการที่จะรับช่วงต่อเจี่ยนอีหลิงจากนายท่านเชิ่ง
หยูซีกลัวว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะกระวนกระวาย และสิ่งสุดท้ายที่จ๋ายหวินเชิ่งควรทำก็คือกระวนกระวาย
“ไปให้พ้น”
เสียงของเขานั้นทั้งเร่งร้อนและโกรธเคือง
จ๋ายหวินเชิ่งเดินอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจหยูซีแม้แต่น้อย
หยูซีได้แต่เดินตามให้ทัน
เจี่ยนอีหลิงนั้นถูกส่งตัวเขัาหอผู้ป่วย
“นายท่านเชิ่ง คุณชายหยู โปรดวางใจ คุณหนูเจี่ยนเป็นแค่เพียงไข้หวัด ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไข้ของเธอควรจะลดลงในไม่ช้า”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หงไป่จาง มาด้วยตนเอง
ถ้ามีแต่เพียงหยูซีคนเดียวก็คงไม่เป็นไร แต่ในเมื่อนายท่านเชิ่งอยู่ที่นี่ เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่สนใจไม่ได้
แพทย์ของโรงพยาบาลเองชนถงเต๋อรีบเข้ามาจัดการกับสถานการณ์ของเจี่ยนอีหลิงอย่างรวดเร็วพร้อมกับให้น้ำเกลือเธอด้วย
“เธอจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่” จ๋ายหวินเชิ่งถามหงไป่จางอย่างเหนือกว่าด้วยความเย็นชา
หงไป่จางรู้สึกใจหายวูบขึ้นมาในทันที เขาตอบกลับอย่างระมัดระวังว่า
“นี่… ต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเธอ เพราะว่าร่างกายของคุณหนูเจี่ยนยังค่อนข้างอ่อนแอ…”
หงไป่จางตรวจสอบสีหน้าจ๋ายหวินเชิ่งอย่างระมัดระวังขณะที่เขากำลังอธิบาย
แม้ว่าจะไม่มีปัญหากับการรักษาในโรงพยาบาลของเขาและคนไข้ก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็รู้สึกเหมือนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นอาจจะอารมณ์เสียขึ้นมาได้ง่ายๆ
จ๋ายหวินเชิ่งไม่ได้พูดต่อ เขาเดินผ่านตัวหงไป่จางซึ่งอยู่ตรงหน้าของเขาตรงไปยังเตียง
หยูซีพูดกับหงไป่จางว่า “ขอบคุณ ผู้อำนวยการหง”
“ด้วยความยินดี ด้วยความยินดี” เขากล่าว แล้วคิดในใจว่า ถึงแม้จะไม่มีคุณชายสองคนนี้มาด้วย เขาก็ยังจะต้องมาในคราวนี้ มิเช่นนั้นเขาเกรงว่าคนสองคนจากสถาบันจะมาขยี้เขา
หงไป่จางจากไปหลังจากอธิบายแล้ว
“ออกไปหาของกินมา” จ๋ายหวินเชิ่งบอกหยูซี
เจี่ยนอีหลิงยังคงหลับอยู่ในตอนนี้ และเธอต้องตื่นขึ้นมาเพื่อหาอะไรกินในภายหลัง เธอวิ่งวุ่นอยู่ภายนอกมาทั้งวันในวันนี้ และเธอก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย
“ได้ ผมจะให้เชฟที่บ้านทำอาหารเบาๆส่งมาให้”
หยูซีรีบออกไปคุยโทรศัพท์
หลังจากหยูซีออกไปแล้ว ก็เหลือเพียงจ๋ายหวินเชิ่งคอยเฝ้าเจี่ยนอีหลิงข้างเตียง
เขาไม่รู้ว่ายาที่ฉีดนั้นได้ผลหรือไม่ เจี่ยนอีหลิงดูเหมือนจะมีสติขึ้นมา ร่างกายของเธอเหมือนจะมีปฏิกิริยาบางอย่าง
คิ้วของเธอเริ่มขมวด และมือของเธอก็เริ่มกำเป็นหมัด
ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นในฝันของเธอ
จ๋ายหวินเชิ่งมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
จ๋ายหวินเชิ่งจับมือของเจี่ยนอีหลิงที่ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลืออย่างระมัดระวัง
กำปั้นนั้นเล็กแต่กำไว้แน่น
จ๋ายหวินเชิ่งวางกำปั้นเล็กๆนั้นไว้ในฝ่ามือของเขา
ฝ่ามือของเขานั้นสามารถกำรอบกำปั้นเล็กๆนั้น