ปู่เจี่ยนและย่าเจี่ยนค่อนข้างจะเงียบสงบและแยกตัวออกเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง
เจี่ยนหยุ่นเฉิงถูกทิ้งไว้ตามลำพัง โดยมีดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและอันตรายคอยจ้องมองไปยังน้องสาวกับลูกพี่ลูกน้องของตนเองอย่างไม่รู้สึกตัว
ถ้าเหอเยี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอต้องแอบดีอกดีใจไปหลายวัน
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วเจี่ยนอีหลิงก็ยังไม่ให้ความสนใจเจี่ยนหยุ่นเฉิง และเมื่อจิตใจของเธอมัวมุ่งมั่นอยู่กับการทำงาน เจี่ยนอีหลิงจึงตรงไปยังห้องทำงาน
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น พวกเขาคุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้ พวกเขาจะยุ่งอยู่กับธุระการงานของตนเองหลังจากทานอาหาร
เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็ตามเธอไปเช่นเดียวกัน เขาเอาการบ้านของเขามาทำที่นี่ทั้งหมด
พี่น้องสองคนตรงไปที่ห้องทำงานเพื่อทำธุระของตนเองด้วยกัน
เจี่ยนหยุ่นเฉิงผู้ที่ควรจะเป็นคนที่โดดเด่นสะดุดตา ถูกพวกเขาสองคนทอดทิ้งไม่ใยดีอย่างสิ้นเชิง
ย่าเจี่ยนเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตสนใจหลานชายของตนเองเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงหันไปคุยโทรศัพท์กับพี่สาวของเธอเองแทน
โชคยังดี สุดท้ายปู่เจี่ยนก็เรียกเจี่ยนหยุ่นเฉิงไปยังห้องทำงานของเขาเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ
###
โม่ชืออวิ้นกลับบ้านหลังจากเลิกเรียนแล้วและก็เห็นแม่ของเธอยืนสั่นสะท้านด้วยน้ำตานองหน้า
“แม่ เกิดอะไรขึ้นกับแม่เหรอ”
โม่ชืออวิ้นวางกระเป๋านักเรียนลงแล้ววิ่งไปกอดแม่ของเธอเอาไว้
ในความทรงจำของเธอ ครั้งสุดท้ายที่แม่ของเธอเป็นแบบนี้ก็ตอนที่เธอเป็นเด็ก ตอนที่เจ้าคนเลวนั่นยังไม่หายไปจากชีวิตของพวกเธอ
“ชืออวิ้น แม่ควรทำยังไงดี เขากลับมา เขากลับมาแล้ว…”
เสียงของป้าโม่สั่นเครือ เต็มไปด้วยความกลัว
ความกลัวที่เธอมีต่อเหอเจี่ยนจวินนั้นมาจากส่วนลึกในกระดูกของเธอ
ความเจ็บปวดหลายปีที่ผ่านมานั้นฝังลึกประทับอยู่ในใจของเธอ
จริงแล้วโม่ชืออวิ้นก็รู้ว่าชายคนนั้นจะต้องมาหาแม่ของเธอ ไม่เพียงแต่เขาจะสร้างปัญหาที่โรงเรียน แต่ก็ยังตามมารังควานชีวิตอันสงบสุขของเธอและแม่ด้วย
“แม่ ไม่ต้องกลัวเขา เขาทำอะไรเราไม่ได้ เราไม่ต้องกลัวเขา” โม่ชืออวิ้นปลอบแม่ของเธอเอง
“ไม่ ลูกไม่รู้อะไร ชืออวิ้น แม่กับเขา… ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน…”
“แม่พูดอะไรนะ” โม่ชืออวิ้นถึงกับอึ้ง
“เขาหนีไปกับเซี่ยวซานตอนนั้น แม่ไม่คิดว่าเขาจะยังมีความเป็นคนเหลืออีก ไม่คิดว่าเขาจะกลับมา”
ป้าโม่ไม่ได้รู้หนังสือมากนัก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนนั้นเธอเพียงแค่คิดในเรื่องการหาเงินเพื่อนำมาประคับประคองตัวเธอกับลูกของเธอ และเธอก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น
เมื่อโม่ชืออวิ้นได้ยิน เธอก็รู้สึกหนาวเยือกลึกเข้าไปข้างใน
“แม่ เราไปหานักกฏหมายกันเถอะ ไปตอนนี้เลย เขาหายไปตั้งหลายปีไม่ได้ดูแลพวกเราแม่ลูกเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อหรือเป็นสามี พวกเราไปฟ้องศาลให้ตัดสินหย่าขาดจากกัน”
“แต่แม่ได้ยินว่านักกฏหมายต้องใช้เงินจำนวนมาก แม่…”
“แม่ ไม่ใช่ว่าแม่เก็บเงินไว้ก้อนหนึ่งหรอกเหรอ พวกเราเอามันออกมาให้กับนักกฏหมายก่อน จากนั้นค่อยเก็บสะสมเงินค่าเรียนพิเศษของหนู สิ่งที่สำคัญอันดับแรกสุดก็คือให้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิตของพวกเรา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว”
“ไม่ ทำอย่างนั้นไม่ได้ แม่… เงินแม่ไม่มีแล้ว…”
“เป็นไปได้ยังไง เงินเก็บของแม่หายเหรอ”
“แม่… แม่เสียมันไป… เงินติดอยู่ในตลาดหุ้น…”
“เงินติดอยู่ในตลาดหุ้นเหรอ หุ้นตกเหรอ” โม่ชืออวิ้นดูแม่เธอด้วยท่าทางตกใจ
“แม่… แม่ไม่ได้ต้องการแบบนั้น… แม่คิดว่ามันจะทำเงิน…”
“แม่เสียเงินไปเท่าไหร่”
“ทั้งหมด.. ทั้งหมดเลย…”
ป้าโม่ก้มหน้าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ในเวลาสองปีที่ผ่านมา ป้าโม่เก็บเงินไว้ได้ถึงแปดหมื่นถึงเก้าหมื่น เพราะว่าเงินที่ลูกสาวเธอใช้ไปโรงเรียนมัธยมเอกชนเชิ่งหัวนั้นได้รับมาจากเหอเยี่ยน เงินนี้จึงเป็นเงินส่วนที่เกินมา