เฉิงอี้มาที่หอผู้ป่วยของเจี่ยนหยุ่นน่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่หลายคนในชุดกาวน์สีขาว
“คุณเจี่ยนหยุ่นน่าว วันนี้เราจะพาคุณไปตรวจร่างกายสองสามอย่างเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” เฉิงอี้ดูท่าทางจริงจังและเหมือนกับนักธุรกิจ
เมื่อเห็นเฉิงอี้ เจี่ยนหยุ่นน่าวก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
อาจจะเป็นเพราะว่าครั้งที่แล้วนั้นเขาโดนเฉิงอี้ฉีดยาที่ก้นจึงทำให้เขาเกิดเงาทะมึนในใจ
เจ้าหน้าที่สองคนในเสื้อกาวน์สีขาวเดินมาข้างหน้าและเอาผ้าปิดตาเจี่ยนหยุ่นน่าวไว้
“ทำไมต้องใส่ผ้าปิดตา” เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ แต่ใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
“เพราะว่าการตรวจที่เราจะพาคุณไป ในห้องนั้นจะมีแสงพิเศษที่เป็นอันตรายต่อดวงตา เราจึงต้องใส่ผ้าปิดตาคุณไว้เพื่อปกป้องดวงตาคุณ”
เฉิงอี้มีน้ำเสียงที่จริงจังและน่าเชื่อถือ
เจี่ยนหยุ่นน่าวสามารถเลือกที่จะเชื่อได้เท่านั้น
เจี่ยนหยุ่นน่าวนอนอยู่บนรถเข็นผู้ป่วยและถูกผลักออกจากหอผู้ป่วย และเพราะว่าเขาสวมผ้าปิดตาจึงไม่รู้ว่าตัวเขานั้นถูกพาไปที่ใด
เจี่ยนหยุ่นน่าวถูกพาไปยังห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือและรอคอยอยู่ในนั้น
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าว่ามีคนเข้ามาอีกสองสามคน
ที่เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่รู้ก็คือในบรรดาคนใหม่ที่เข้ามา หนึ่งในนั้นคือเจี่ยนอีหลิง
ดังนั้นที่เจี่ยนหยุ่นน่าวใส่ผ้าปิดตานั้นก็ไม่ใช่เพราะว่าจะมีการตรวจพิเศษใดๆ
แต่เป็นเพราะเฉิงอี้ ซึ่งพวกเขาจะไม่ยอมให้เจี่ยนหยุ่นน่าวรู้ว่าคนที่จะทำการผ่าตัดเขานั้นคือเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงเริ่มทำการตรวจร่างกายของเจี่ยนหยุ่นน่าว
เจี่ยนหยุ่นน่าวสวมผ้าปิดตา เขาไม่คิดว่าหมอที่กำลังตรวจร่างกายของตัวเองนั้นก็คือน้องสาวของเขาเอง
ยกเว้นเจี่ยนหยุ่นน่าวแล้ว ในห้องนี้ทุกคนเป็นคนของสถาบันวิจัย และมีความเข้าใจโดยปริยายว่าจะไม่มีใครเปิดเผยข้อมูลใดๆของเจี่ยนอีหลิงให้กับเจี่ยนหยุ่นน่าว
ในความมืดมิด เจี่ยนหยุ่นน่าวรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่รู้ว่ามีการตรวจสอบร่างกายแบบไหนอยู่ เขาได้แต่นอนนิ่งไม่กล้าขยับตัว
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายนั้นเงียบเหลือเกิน
“ต้องใช้เวลานานแค่ไหนครับ” เจี่ยนหยุ่นน่าวกระซิบถาม
เฉิงอี้ตอบอย่างมีหลักการเป็นขั้นเป็นตอนว่า “คุณเจี่ยนหยุ่นน่าว อย่าใจร้อน ตอนนี้แพทย์ประจำตัวคุณ Dr.FS กำลังตรวจร่างกายของคุณอยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ การตรวจสอบจึงต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก คุณเจี่ยนหยุ่นน่าวโปรดอดทนไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารมณ์ของเจี่ยนหยุ่นน่าวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“Dr.FS คุณอยู่ที่นี่จริงๆเหรอครับ” เจี่ยนหยุ่นน่าวถาม
หางเสียงของเขาสั่นระริก ยากที่จะซ่อนความตื่นเต้น
เขายังไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของแพทย์ประจำตัวของเขามาจนบัดนี้
เจี่ยนหยุ่นน่าวเต็มไปด้วยความคาดหวังกับหมอที่จะมารักษาเขา
เขาเฝ้ารอคอยว่าจะได้พบกับอีกฝ่ายจริงๆ
เจี่ยนอีหลิงหยุดมือชั่วคราวแล้วเงยหน้าหันไปหาเฉิงอี้
เธอไม่สะดวกที่จะคุยด้วย
เฉิงอี้ช่วยเจี่ยนอีหลิงตอบ “แน่นอนสิ”
จากนั้นเฉิงอี้ก็มองไปยังเจี่ยนอีหลิงและกระพริบตาให้บอกใบ้ว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้สามารถมอบให้เขาได้เลย เธอเพียงแค่จดจ่ออยู่กับการทำงานก็พอ
“คือว่า…” เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกประหม่าอยู่บ้าง เขาอยากจะได้ยินเสียงของ Dr.FS แต่ไม่รู้ว่าจะเปิดปากพูดว่าอย่างไร
เฉิงอี้ยิ้มและพูดว่า “คุณเจี่ยนหยุ่นน่าว คุณมีอะไรที่จะบอก Dr.FS เหรอ”
“ครับ” เจี่ยนหยุ่นน่าวตั้งสติและพูดออกมาว่า “Dr.FS ครับ ผมอยากจะขอบคุณสำหรับการผ่าตัด เปิดโอกาสให้ผมได้มีโอกาสที่จะเล่นเปียโนได้อีกครั้ง และทำให้ผมได้มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอนาคต”
เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่รู้ว่าชื่อเต็มของ Dr.FS นั้นเรียกว่าอะไร แต่เมื่อคนในสถาบันวิจัยเรียกเขาแบบนั้น เขาก็ได้แต่เรียกตามนั้น