เฉิงอี้ช่วยเจี่ยนอีหลิงตอบคำถามนี้ “คุณเจี่ยนหยุ่นน่าวไม่ต้องเกรงใจ เพราะว่า Dr.FS ต้องคิดค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว และจะราคานั้นจะเป็นที่เปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ไม่มีการรังแกกัน ถ้าคุณเจี่ยนหยุ่นน่าวรู้สึกซาบซึ้งใจ คุณก็สามารถที่จะจ่ายเพิ่มได้ตอนออกจากสถาบัน”
ความคิดเพ้อฝันเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร หากว่าเขามีความสามารถเขาให้ดีก็จ่ายเงินให้เจี่ยนอีหลิงมากกว่านี้
เพราะว่าการกล่าวขอบคุณนั้นก็เพียงพูดเพิ่มอีกไม่กี่ประโยคแต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่น้อย
“ครับ แน่นอนอยู่แล้ว” เจี่ยนหยุ่นน่าวเห็นด้วยอย่างมีความสุข
เจี่ยนหยุ่นน่าวได้ยินพ่อและพี่ชายคุยกันในเรื่องนี้
หากการผ่าตัดประสบความสำเร็จจริงๆ พวกเขาก็ต้องขอบคุณ Dr.FS เป็นพิเศษ
เฉิงอี้กล่าวเพิ่มเติมว่า “หากว่าคุณเจี่ยนหยุ่นน่าวหายดีแล้ว ผมหวังว่าคุณจะมองคนอื่นและสิ่งรอบข้างคุณอย่างใจเย็นกว่าเดิมเมื่อคุณกลับไปแล้ว จำไว้ว่าอย่าอาฆาตมาดร้าย แม้ว่าคุณจะพบเจอเรื่องร้ายๆ ก็อย่ายอมแพ้ มีความหวังต่อชีวิต อย่าลืมว่ามีคนรอบกายที่ยังห่วงใยคุณ”
“ผมจะจำไว้” เจี่ยนหยุ่นน่าวตกลง
ตอนนี้เขามีความหวังใหม่แล้ว เขาจะไม่หมกมุ่นอยู่กับความเกลียดชังเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานการตรวจร่างกายก็สิ้นสุดลง เจี่ยนอีหลิงก็เดินออกไปจากห้อง
เจี่ยนหยุ่นน่าวถูกปล่อยทิ้งไว้ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะมีคนถอดผ้าปิดตาออกและพาเขากลับไปที่ห้อง
หลังจากที่ยืนยันสภาพมือของเจี่ยนหยุ่นน่าวแล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ไปที่หอผู้ป่วยแม่ของฉินชวนที่อยู่อีกฟากหนึ่ง
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็ไปอยู่ในห้องปฏิบัติการตลอดทั้งบ่าย
นอกเหนือจากเวลาที่เธอใช้พูดคุยกับเฉิงอี้ในเรื่องของอาการป่วยของแม่ของฉินชวนแล้ว เจี่ยนอีหลิงก็ยังใช้เวลาเพื่อสร้างครีมลบรอยแผลเป็นที่เธอได้ตรวจสอบแล้วว่าได้ผลจากการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และตอนนี้เธอจำเป็นจะต้องทำการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับครีมสูตรนี้ เพื่อว่าเธอจะได้รับอนุมัติการขอจดสิทธิบัตรในภายหลัง
###
ในวันเสาร์นี้ หูเจียวเจียวจะไปเรียนพิเศษ สถานที่เรียนพิเศษนั้นอยู่ใกล้กับบ้านของเธอ ใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีจากบ้าน
เมื่อหูเจียวเจียวเรียนเสร็จก็มืดแล้ว
เมื่อออกมาจากโรงเรียนกวดวิชาและเลี้ยวเข้าไปในซอย ถุงใบหนึ่งก็ตกลงมาจากด้านบนครอบลงไปบนหัวเธอ
“อ๊าา” การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ทำให้หูเจียวเจียวส่งเสียงกรีดร้อง
มันมืดมากจนเธอมองไม่เห็นอะไรเลย
จากนั้นก็มีแรงลากเธอเข้าไปในซอยลึกกว่าเดิม
หูเจียวเจียวรู้สึกว่ามีคนหลายคนรายล้อมตัวเธอ พวกเขาฉุดกระชากเธออย่างรุนแรง
เมื่อถูกจับต้องเธอก็รู้สึกหวาดกลัวลึกเข้าไปข้างใน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” หูเจียวเจียวตัวสั่นสะท้านและหวาดกลัว
หูเจียวเจียวกรีดร้องตามสัญชาตญาณและพยายามที่จะหนีจากคนเหล่านั้น
แต่ความแข็งแรงของเธอนั้นมีไม่พอเมื่อเทียบกับคนรอบข้าง
หูเจียวเจียวที่มองไม่เห็นนั้นสามารถรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนจับแขนเธอและดึงตัวเธอไป
“อ๊ะ อ๊ะ ปล่อย อ๊ะ…”
เธอใช้แรงที่มีมาจากทั้งชีวิต
แต่เธอก็ยังไม่สามารถที่จะพ้นไปจากคนรอบข้างได้
คนรอบข้างนั้นจับมือ แขน และกระทั่งคอของเธอด้วย
หูเจียวเจียวถูกความกลัวครอบงำ เธอคำรามอย่างบ้าคลั่งและกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
ขณะที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของผู้ชายที่น่ารังเกียจ
“ไม่ต้องดิ้นแล้ว ใครให้เธอเป็นเพื่อนกับคนอย่างเจี่ยนอีหลิง สมควรโดนแล้ว”
น้ำเสียงล้อเล่นนั้นดูเหมือนจะเยาะเย้ยหูเจียวเจียวว่าคบเพื่อนผิด
หูเจียวเจียวไม่ยอมแพ้ที่จะดิ้นรน แต่ความแข็งแรงของเธอนั้นมีน้อยเกินไป