ขณะที่โม่ชืออวิ้นคิดถึงคำถามเหล่านี้อยู่ นักเรียนคนอื่นๆในชั้นเรียนก็ได้รายล้อมรอบเจี่ยนหยุ่นน่าว และแสดงความยินดีกับเจี่ยนหยุ่นน่าวสำหรับการที่ประสบความสำเร็จในการผ่าตัด
“ขอบคุณ ขอบคุณ สำหรับความห่วงใย” เจี่ยนหยุ่นน่าวตอบกลับต่อการแสดงความยินดีของทุกคน
ใช้ประโยชน์จากการที่มีผู้คนจำนวนมาก เจี่ยนหยุ่นน่าวได้กล่าวอย่างจริงจังกับทุกคนในทันทีว่า “ฉันได้เห็นโพสต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตแล้ว น้องสาวอีหลิงฉันถูกว่าร้ายในทางที่ผิด จริงแล้วเธอต้องการช่วยฉัน ไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายฉัน ฉันหวังว่าทุกคนอย่าคาดเดาว่าเธอคิดร้าย แล้วทำร้ายเธอด้วยคำพูด”
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ เจี่ยนหยุ่นน่าวก็ยังรู้สึกขมขื่น
เขาไม่รู้หรือว่าคนที่ทำร้ายเจี่ยนอีหลิงมากที่สุด คนที่ทำผิดต่อเจี่ยนอีหลิงมากที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้จริงแล้วก็คือตัวเขาเอง
คำพูดของเจี่ยนหยุ่นน่าวทำลายความสงสัยที่ยังเหลืออยู่ของทุกคน
ถึงแม้ว่าจะยังมีคนปากแข็งบางคนที่ยืนกรานถึงความเป็นไปได้ถึงการปลอมแปลงวิดีโอกล้องวงจรปิด ตอนนี้ผู้เคราะห์ร้ายออกมาพูดเอง พวกเขาจะยังไม่เชื่ออีกเหรอ
“มันกลายเป็นความเข้าใจผิดนี่เอง พวกเราเข้าใจเพื่อนนักเรียนของเรา เจี่ยนอีหลิง ผิด”
“ใช่ ฉันจะโทษคนที่ลงโพสต์ในตอนแรกที่แย่มาก สร้างเรื่องราวยังกับเหมือนของจริง พวกเราทั้งหมดถูกเขาหลอก”
อ่านบทล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
“เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ พวกเราจะไม่เข้าใจผิดอีกแล้ว”
“ก่อนหน้านี้พวกเราทำผิดพลาด ต้องขอโทษจริงๆ ฉันของถือโอกาสขอโทษทั้งพี่ชายและน้องสาว หวังว่านายจะไม่รังเกียจนะ”
“… “
ทุกคนต่างพากันมาแสดงความคิดเห็นกับเจี่ยนหยุ่นน่าว
นอกจากนี้ ยังรวมถึงชูชาที่ยังคงกระซิบเรื่องเจี่ยนอีหลิงกับโม่ชืออวิ้นจนถึงเมื่อวานนี้ด้วย
ชูชาชอบเจี่ยนหยุ่นน่าว ไม่ว่าเจี่ยนหยุ่นน่าวจะพูดอะไรที่เขาอยากพูด เธอก็จะไม่พลาดโอกาสที่จะสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้าเจี่ยนหยุ่นน่าว
อารมณ์ของโม่ชืออวิ้นซับซ้อนมาก เธอมองไปที่เจี่ยนหยุ่นน่าวและเธอรู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ในใจเธอ
เจี่ยนหยุ่นน่าวพูดอย่างชัดเจนหนักแน่นว่าไม่ใช่เจี่ยนอีหลิงที่ผลักเขา แต่แม่เธอบอกว่าสิ่งที่เธอเห็นด้วยตาเธอเองก็คือ เป็นเจี่ยนอีหลิงที่ผลักเจี่ยนหยุ่นน่าวตกบันได
เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นกับเจี่ยนหยุ่นน่าว มันเป็นคำขอของครอบครัว หรือว่าเขากำลังเอาใจเจี่ยนอีหลิงจนถึงจุดที่เขาต้องเลือกที่จะปกป้องเธอ แม้ว่าเขานั้นถูกผลักตกลงไปชั้นล่าง
โม่ชืออวิ้นไม่เข้าใจ
###
คาบสุดท้ายในตอนเช้าจบลง นักเรียนทุกคนต่างพากันไปที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
เพื่อนร่วมชั้นของเจี่ยนหยุ่นน่าวตรวจสอบมือของเจี่ยนหยุ่นน่าวแล้ว และต้องการจะช่วยเจี่ยนหยุ่นน่าวในด้านอาหาร
แต่เจี่ยนหยุ่นน่าวยืนยันว่าจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร
เพราะสำหรับเขาในตอนนี้ โรงอาหารของโรงเรียนเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่เขาจะได้พบกับน้องสาวเจี่ยนอีหลิงตรงๆ
เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ดีหลายคนของเจี่ยนหยุ่นน่าวจึงพาเขาไปที่โรงอาหาร พวกเขาขอให้เจี่ยนหยุ่นน่าวหาสถานที่ และพวกเขาจะรับผิดชอบในการเข้าคิวซื้ออาหาร
ยังมีพื้นที่ว่างมากมายในโรงอาหาร แต่เจี่ยนหยุ่นน่าวกลับเดินวนไปมาในโรงอาหารเป็นเวลานาน
จุดประสงค์เขาไม่ใช่เพื่อหาตำแหน่งว่าง แต่เพื่อตามหาเจี่ยนอีหลิง
ในที่สุดเจี่ยนหยุ่นน่าวก็พบร่างเล็กๆของเจี่ยนอีหลิงที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร เธอกำลังทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ
นอกจากอาหารในโรงอาหารแล้ว เจี่ยนอีหลิงยังนำกล่องอาหารกลางวันมาด้วยเป็นการเฉพาะ
ในกล่องอาหารกลางวันสีชมพูของเจี่ยนอีหลิงคือเนื้อวัวที่หมักในช่วงเวลาว่างเมื่อสองวันก่อน เป็นอาหารเสริมสำหรับเธอและหูเจียวเจียว
นอกจากนี้ยังมี นมถั่วเหลืองจากเมล็ดธัญพืชในกระติกน้ำร้อนสองกระติกที่เจี่ยนอีหลิงเตรียมนำมาที่โรงเรียนล่วงหน้า เธอและหูเจียวเจียวต่างพากันมีคนละหนึ่งถ้วย
เจี่ยนหยุ่นน่าวพบตำแหน่งที่สามารถมองเห็นเจี่ยนอีหลิงได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ใกล้จนเกินไป
เมื่อเพื่อนร่วมชั้นกลับมา เขาจะแอบมองเจี่ยนอีหลิงขณะกินอาหาร
เพื่อนร่วมชั้นเห็นเจี่ยนอีหลิงอยู่ไม่ไกลออกไปนัก จึงถามเจี่ยนหยุ่นน่าวว่า “หยุ่นน่าวนั่นไม่ใช่น้องสาวนายเหรอ ไม่ต้องการที่จะเข้าไปทักทายเหรอ”
“ไม่ ไม่จำเป็น … เธอ … เธอกับเพื่อนกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข ไม่ต้องไปรบกวนเธอ … “
เมื่อตอนที่เจี่ยนหยุ่นน่าวพูดอย่างนี้ น้ำเสียงของเขาก็ว่างเปล่าอยู่บัาง
“งั้นก็ไม่เป็นไร” เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ไม่ได้บังคับ แต่ก็ยังมองไปที่เจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง “แต่หยุ่นน่าว น้องสาวของนายดูดีมาก ราวกับว่าเธอออกมาจากการ์ตูนเลยหละ”
“ห้ามคิดเลยนะ” เจี่ยนหยุ่นน่าวจ้องมองเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาดุดันทันที
“ฉันแค่พูดถึงเฉยๆ ไม่มีอะไร …” เพื่อนร่วมชั้นรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
หลังจากเพื่อนร่วมชั้นชายคนนั้นอธิบายแล้ว เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ “ใช่จริงด้วยที่นายกังวลเกี่ยวกับน้องสาวของนายมากขนาดนั้น ทั้งความสัมพันธ์ะระหว่างพี่ชายกับน้องสาวของนายเองก็ดีขนาดนี้ แต่ก็ยังมีข่าวลือว่าเธอเคยทำร้ายนายมาก่อน และยังถูกเผยแพร่ไปทั่ว เฮ้ …”
ด้วยความรู้สึกผิด เจี่ยนหยุ่นน่าวก้มหน้าลง ดวงตาของเขาเพียงมองไปที่อาหารตรงหน้า “ใช่ ใช่ … “
คนเริ่มเรื่องนี้ก็คือตัวเขาเอง
เมื่อเจี่ยนหยุ่นน่าวเห็นเจี่ยนอีหลิงกินข้าวเสร็จแล้ว เขาก็รีบกินอาหารไม่กี่คำอย่างรีบร้อนและตามเธอไป
เขาเฝ้าดูเจี่ยนอีหลิงกลับไปที่ห้องเรียน จากนั้นเจี่ยนหยุ่นน่าวจึงค่อยกลับไปที่ห้องเรียนของเขา
###
โม่ชืออวิ้นและชูชาทานอาหารกลางวันด้วยกัน ระหว่างทานอาหาร ชูชาและโม่ชืออวิ้นก็ซุบซิบกัน
“ฉันไม่คิดว่าที่เขาไม่ถูกเจี่ยนอีหลิงผลักนั้นจะเป็นจริง แต่นี่ก็ดีเหมือนกัน เจี่ยนหยุ่นน่าวมีความสุขสำคัญกว่า”
โม่ชืออวิ้นเพียงแต่กินเท่านั้นโดยไม่ตอบสนองกับคำพูดนี้
“ว่าแต่ว่า ชืออวิ้น ไม่ใช่ว่าเธอมักจะทานอาหารกลางวันกับเจี่ยนหยุ่นน่าวมาก่อนเหรอ ทำไมวันนี้เธอไม่ไปหาเขา”
ชูชายังคงคิดว่าเธอจะได้ใช้โม่ชืออวิ้นเป็นตัวกลางในการติดต่อกับเจี่ยนหยุ่นน่าว
ก่อนที่เจี่ยนหยุ่นน่าวจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เจี่ยนหยุ่นน่าวและโม่ชืออวิ้นมักจะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
หลังจากที่เจี่ยนหยุ่นน่าวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว โม่ชืออวิ้นกลับรับประทานอาหารกลางวันกับชูชา
หลังจากที่โม่ชืออวิ้นหยุดชะงักไปชั่วขณะ เธอก็กล่าวว่า “น้องสาวเขาจะไม่พอใจ”
“จะไปสนใจเธอทำไม เธอเป็นแค่ผู้หญิงเจ้ากี้เจ้าการเท่านั้น ยังกับว่าพี่ชายเธอเป็นของเธอห้ามคนอื่นแตะ ใครก็เข้าไปไม่ได้ ฉันมองเธอทะลุ ใช่ ฉันหวังว่าพี่น้องของเธอจะกลายเป็นโสดไปตลอดชีวิต”
ชูชามีสายตาดูถูก และสามารถที่จะรู้สึกถึงความไม่ชอบเจี่ยนอีหลิงของเธอได้จากการแค่เพียงฟังน้ำเสียงของเธอ
“หยุดพูด พูดมากกว่านี้มันไม่ดี” โม่ชืออวิ้นตักเตือนชูชา
“ฉันไม่กลัวเธอ” ชูชาพึมพำอย่างไม่มั่นใจนัก
ชูชานึกถึงเรื่องใหม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง และรีบเล่าให้โม่ชืออวิ้นฟังว่า “ยังไงก็ตามเธอรู้ไหมว่า โรงเรียนของเรามีผู้อำนวยการคนใหม่”
“แล้วไม่ปกติเหรอ”
“แน่นอนว่าถ้าผู้อำนวยการโรงเรียนธรรมดาก็คงไม่มีอะไร แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่นี้หล่อมาก”
ดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความรักของหญิงสาวปรากฏขึ้นบนใบหน้ากลมของชูชา
“อือ” ใจของโม่ชืออวิ้นทั้งหมดนั้นอยู่ที่ฉินชวน และเธอก็ไม่ได้สนใจผู้อำนวยการโรงเรียนนี้
อีกอย่างผู้อำนวยการโรงเรียนก็มักมีอายุมาก
“แต่ฉันคิดว่าเจี่ยนหยุ่นน่าวหล่อกว่า และฉันก็หวังว่าเขาจะสามารถเล่นเปียโนได้ต่อไปหลังจากที่เขาฟื้นสภาพแล้ว” ชูชาพูดถึงท่าทางของเจี่ยนหยุ่นน่าวเผยให้เห็นความคิดที่แท้จริงของเธอ
“อือ”
โม่ชืออวิ้นพูดกับชูชาสองสามคำ และทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
โทรศัพท์ต้องปิดในระหว่างเวลาเรียน และเมื่อตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวัน เธอจึงเปิดเครื่อง
มันเป็นสายจากแม่เธอ
ทันทีที่เธอเห็นหมายเลขผู้โทร โม่ชืออวิ้นรู้สึกเหมือนเป็นลางร้าย
แม่ให้ความสำคัญกับการเรียนมากที่สุด ถ้าไม่มีอะไรสำคัญเธอจะไม่โทรหาเธอในช่วงเวลาเรียน
ทันทีที่โม่ชืออวิ้นรับโทรศัพท์ เธอก็ได้ยินเสียงกระวนกระวายของป้าโม่
“ชืออวิ้น แม่ แม่… “