เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 287-288

 

แต่สำหรับจ๋ายหวินเชิ่งแล้ว เวลาในการนอนปัจจุบันของเจี่ยนอีหลิงยังไม่ผ่าน

 

คนที่กำลังโตนอนแค่หกหรือเจ็ดชั่วโมงต่อวัน

 

เธอจะสูงขึ้นได้ยังไงถ้าเธอไม่ได้นอนเป็นเวลาถึงแปดชั่วโมง

 

สุดท้าย เจี่ยนอีหลิงก็ยอมเพื่อที่จะโตสูงขึ้น เธอก็เลือกที่จะนอนบนเตียงเล็กในห้องทำงานในเช้านั้น

 

จ๋ายหวินเชิ่งยุ่งอยู่กับงานของตัวเองที่โต๊ะข้างๆ และบางครั้งบางคราว เขาก็จะมองลงไปยังเจี่ยนอีหลิงที่ขดตัวเป็นก้อนกลม

 

เธอช่างดูโดดเดี่ยวเดียวดาย เมื่อเธอนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้านวม ผ้านวมก็พองออกมาเป็นเพียงถุงเล็กๆ

 

เป็นแค่ถุงเล็กๆแต่ดื้อมาก เก็บซ่อนทุกอย่างไว้กับตัวไม่เคยบอกใคร

 

เจี่ยนอีหลิงนอนไปครึ่งชม

 

หลังจากตื่นนอน จ๋ายหวินเชิ่งก็นำขนมมาให้เธอ

 

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

เจี่ยนอีหลิงก็ไม่ปฏิเสธเช่นเดียวกัน ในเรื่องบางอย่าง อย่างเช่นการกินเธอไม่จำเป็นต้องสุภาพกับจ๋ายหวินเชิ่ง

 

เมื่อออกจากสำนักงานของหัวหน้าฝ่ายวิชาการ จ๋ายหวินเชิ่งก็พูดกับเธอว่า “ไม่ต้องถักถุงมือ ผ้าพันคอ หมวกอีกถ้าเธอไม่มีอะไรทำ”

 

###

 

หลังจากประกาศผลของเจี่ยนอีหลิง ไม่ใช่เพียงแค่หวังเซี่ยงจ้งแต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของปีที่หนึ่งมัธยมปลายเกรดแปดทั้งหมด

 

ปีที่หนึ่งของมัธยมปลายทั้งชั้นปีที่รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้

 

แม้แต่นักเรียนจากเกรดอื่นๆ ก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากความโด่งดังของเจี่ยนอีหลิง

 

กระโดดขึ้นมาจากอันดับสุดท้ายสู่อันดับหนึ่งของชั้นปีโดยตรง นี่เป็นความคิดวาดฝันของนักเรียนที่มีคะแนนต่ำหลายคนไม่เคยที่จะได้รับสักครั้งในชีวิต

 

ห้องเรียนพิเศษของชั้นมัธยมปลายปีที่สาม ห้องเรียนของเจี่ยนหยุ่นน่าวและโม่ชืออวิ้น

 

เมื่อนักเรียนคนอื่นๆได้เห็นข่าวนี้ พวกเขาก็ไปหาเจี่ยนหยุ่นน่าวและกล่าวชม

 

“เจี่ยนหยุ่นน่าว ฉันไม่คิดว่าน้องสาวของนายจะเจ๋งขนาดนี้ การแข่งขันเคมีครั้งล่าสุดเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น และการสอบกลางภาคนี้ถือเป็นอาหารจานหลักเลยทีเดียว”

 

“ใช่ ใช่ คะแนนการทดสอบรายเดือนสองเดือนแรกของน้องสาวนายตอนเข้ามาเรียนมัธยมปลายไม่ดีเท่าไรนัก ใครๆก็คิดว่าเธอเป็นคนที่แปลกแยกของตระกูลเจี่ยน เป็นขยะหายาก ฉันไม่คิดว่าจะเป็นขยะแค่ผิวหน้า แต่ข้างในเธอเป็นหนอนหนังสือ”

 

เมื่อได้ยินเสียงบรรดานักเรียนชื่นชมเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนหยุ่นน่าวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ

 

ขณะที่เขากำลังจะตอบ ท่าทางที่เฉยเมยของเจี่ยนอีหลิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เหมือนน้ำเหน็บหนาวอ่างหนึ่งสาดซัดใส่เขา

 

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่มีความสุข ตอบกลับเพื่อนร่วมชั้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“ใช่ ก่อนหน้านี้น้องสาวฉันฉลาดมาก และชอบอยู่ในห้องทดลองกับพี่ชายรอง”

 

“งั้นน้องสาวนายคงจะถูกรังแกจริงๆ”

 

“แน่นอน เป็นอย่างนั้นจริงๆ” เจี่ยนหยุ่นน่าวให้คำตอบที่เป็นบวกโดยไม่ลังเล

 

“โอ มันอยู่ในสายเลือดจริงๆ ฉันอิจฉานายไม่ได้ด้วยซ้ำ” เพื่อนร่วมชั้นส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

 

โม่ชืออวิ้นดูชื่อของเจี่ยนอีหลิงในผลการจัดอันดับที่เผยแพร่บนเว็บไซต์หลักของโรงเรียน และเธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองนั้นมีอารมณ์แบบไหน

 

การสอบกลางภาคสำหรับเกรดสามของโรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัวก็สอบในเวลาเดียวกัน และก็ประกาศผลในเวลาเดียวกัน

 

ในขณะที่เจี่ยนอีหลิงได้อันดับที่หนึ่ง โม่ชืออวิ้นกลับได้อันดับที่สามของมัธยมปลายปีที่สาม

 

การที่สามารถอยู่ในสิบอันดับแรกของโรงเรียนมัธยมปลายเชิ่งหัวนั้น การเข้าสู่สองมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศนั้นมั่นคงโดยพื้นฐานอยู่แล้ว

 

ถ้าเป็นเรื่องปกติโม่ชืออวิ้นจะค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่เธอได้รับ

 

ไม่ว่าอย่างไร อันดับแรกกับอันดับสองต่างเป็นยอดฝีมือด้านการศึกษาสองคน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเหนือกว่า

 

แต่ตอนนี้ โม่ชืออวิ้นไม่มีความสุข

 

เธอไม่สามารถบอกได้ว่านี่เป็นอารมณ์แบบไหน

 

เธอรู้ดีว่าคะแนนและอันดับของเจี่ยนอีหลิงในระดับมัธยมปลายปีหนึ่งนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อเธอ

 

แต่การกระทำของเจี่ยนอีหลิงเหมือนเป็นการเย้ยหยันในความพยายามของเธอ

 

 

ชูชาเข้ามาหาหลังจากที่รู้ผลของเจี่ยนอีหลิงแล้ว “ชืออวิ้น ดูเจี่ยนอีหลิงสิ เธอทำเกินไปอีกแล้วใช่ไหม เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้รับความนิยมจริงๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการแข่งขันเคมี คราวนี้ก็เป็นสอบกลางภาคอีก นี่ยังไม่จบอีกเหรอ”

 

ชูชากระซิบกับโม่ชืออวิ้นเพราะเจี่ยนหยุ่นน่าวกลับมาเรียนแล้ว และเธอกลัวว่าเจี่ยนหยุ่นน่าวจะได้ยิน ถ้าเธอพูดเสียงดังเกินไป

 

“อย่าคิดมาก” สุดท้ายโม่ชืออวิ้นก็ใจเย็นลงได้ “ยังไงเราก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ปล่อยเธอไป”

 

“เฮ้อ” ชูชาถอนหายใจ “มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ใครให้เรามีโชคน้อยกว่าเธอ ก่อนนี้ฉันเคยโพสต์ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีแม้สิทธิ์ที่จะโพสต์ด้วยซ้ำ”

 

ครั้งสุดท้ายที่ชูชาได้โพสต์เกี่ยวกับเจี่ยนอีหลิงพูดคุยกับหนุ่ม มันอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะถูกลบ และต่อมาเธอต้องการโพสต์อีกครั้ง เธอก็พบว่าบัญชีของเธอนั้นไม่สามารถโพสต์ได้อีกแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้ชูชาจึงมีความกังวลอยู่เป็นเวลานาน แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่มีใครมาอุ้มตัวเธอไป ดังนั้นเธอจึงค่อยโล่งใจ

 

“เรามาดูแลตัวเองกันเถอะ” โม่ชืออวิ้นกล่าว

 

โม่ชืออวิ้นในตอนนี้พยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเจี่ยนอีหลิง

 

สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือหาเงินให้มากขึ้น และพัฒนาอาชีพควบคู่ไปกับการเรียนหนังสือ เพื่อให้เธอและแม่มีชีวิตที่มั่นคง

 

###

 

ย่าเจี่ยนอยู่กับเจนหยุ่นโม่

 

ในเมื่อเขาปฏิเสธที่จะบอกว่าทำไมเขาถึงไม่สบายใจ ดังนั้นย่าเจี่ยนจึงอยากให้เขาเปิดเผยมันออกมา

 

เพื่อบังคับให้เจนหยุ่นโม่ “ยอม” ย่าเจี่ยนจึงส่งมอบงานรับส่งเจี่ยนอีหลิงไปกลับโรงเรียนให้กับเจี่ยนหยุ่นโม่

 

“ก่อนหน้านี้หญิงชราอย่างฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ฉันจะปล่อยให้งานรับส่งหลานรักไว้ให้เธอ ถ้าเธอไม่สามารถทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้เป็นที่น่าพอใจ ก็ไม่ต้องบอกใครว่าเธอเป็นคนสกุลเจี่ยน”

 

ย่าเจี่ยนมีท่าทีแข็งกร้าว และไม่มีที่ว่างให้ปฏิเสธ

 

เมื่อต้องเผชิญกับงานที่หญิงชราเจี่ยนมอบหมายให้ เจี่ยนหยุ่นโม่ก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้

 

อันที่จริง ในใจของเจี่ยนหยุ่นโม่ เขาเองก็อยากจะอยู่กับเจี่ยนอีหลิงให้มากกว่านี้

 

ก็แค่ … เขาไม่อยากทำร้ายเธอ

 

เมื่อเจี่ยนอีหลิงตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็มีดอกไม้นิรันดร์มาอยู่ที่ประตูอีก

 

วันนี้เป็นดอกลำโพงม่วง และเป็นดอกลำโพงม่วงสายพันธุ์ที่หายากมาก

 

ดอกลำโพงม่วงสีม่วงอมฟ้า เป็นสีที่ทั้งโรแมนติกและลึกลับ

 

ในสองวันที่ผ่านมา เจี่ยนอีหลิงได้เห็นดอกไม้นิรันดร์ที่ประตูห้องทุกเช้า สายพันธุ์จะแตกต่างกันไปทุกวัน และล้วนเป็นสายพันธุ์ที่หายากน่าทะนุถนอม

 

เจี่ยนอีหลิงรู้ดีว่าดอกไม้นิรันดร์เหล่านี้หาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด แต่ถูกจัดสร้างขึ้นมาโดยเจี่ยนหยุ่นโม่

 

และกว่าจะรวบรวมดอกไม้มีค่ามากมายเหล่านี้ได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก

 

ดอกไม้ที่เก็บในแต่ละครั้งยังจะต้องเป็นดอกไม้ที่บานสะพรั่งด้วย

 

ต้องใช้เวลาและพลังงานในงานนี้อย่างมาก

 

ก็เหมือนกับวันก่อน เจี่ยนอีหลิงได้เก็บสะสมดอกไม้นิรันดร์เหล่านั้นไว้ในห้องนอน

 

เมื่อเธอลงไปชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้า เธอก็พบว่าเจี่ยนหยุ่นโม่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วย

 

เจี่ยนอีหลิงไม่ได้เห็นเขาในช่วงอาหารเช้าเมื่อสองสามวันก่อน เห็นได้ชัดว่าเขาวางดอกไม้นิรันดร์ไว้ที่ประตูห้องเธอก่อนที่เธอจะลุกขึ้น

 

“วันนี้พี่จะพาน้องไปโรงเรียน” นี่เป็นครั้งแรกในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ที่เจี่ยนหยุ่นโม่เริ่มต้นพูดกับเจี่ยนอีหลิง

 

น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวล

 

“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงรู้เหตุผลของจิตใจที่สับสนของเขาแล้ว

 

เพียงแค่ว่าเจี่ยนอีหลิงยังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ยังไง

 

หลังอาหารเช้าเจี่ยนหยุ่นโม่ก็ขับรถพาเจี่ยนอีหลิงไปโรงเรียน หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงลงจากรถแล้ว เจี่ยนหยุ่นโม่ก็เฝ้าดูเจี่ยนอีหลิงเข้าไปในโรงเรียนจนเธอลับสายตา

 

ในตอนเย็น เจี่ยนหยุ่นโม่ก็มารับเจี่ยนอีหลิงที่โรงเรียนตรงเวลา เจี่ยนหยุ่นโม่ได้จัดเตรียมอาหารสำหรับเจี่ยนอีหลิงในรถ เตรียมผ้าห่มผืนเล็กและเตรียมเครื่องเล่นเกม แต่ไม่มีการสื่อสารระหว่างคนทั้งสองต่อจากนั้น

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset