เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 289-290

 

ตอนกลางคืนเจี่ยนอีหลิงเอาครีมที่เธอผลิตไปที่บ้านข้างๆ

 

จ๋ายหวินเชิ่งกลายเป็นตัวอย่างทดลองทางคลินิกในมนุษย์คนแรกของเจี่ยนอีหลิง ครีมลบรอยแผลเป็น

 

ก่อนหน้านี้ข้อมูลการทดลองทั้งหมดของเจี่ยนอีหลิงยังคงเป็นสัตว์

 

เนื่องจากตามข้อบังคับจะต้องได้รับข้อมูลการทดลองในสัตว์ให้เพียงพอก่อนจึงจะนำมาใช้กับมนุษย์ได้

 

และเจี่ยนอีหลิงกล้าที่จะใช้จ๋ายหวินเชิ่งเพื่อเป็นตัวอย่างทดลองแรกเนื่องจากสูตรของเธอถูกใช้กันอย่างแพร่หลายก่อนที่เธอจะข้ามมาอยู่ในร่างนี้ และข้อมูลการทดลองในมนุษย์จริงก็มีเพียงพอแล้ว

 

เจี่ยนอีหลิงขอให้หยูซีช่วยทาครีมให้จ๋ายหวินเชิ่ง

 

แผลของจ๋ายหวินเชิ่งยังค่อนข้างใหม่ ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่ดีที่จะใช้ครีม

 

ตามคำร้องขอของเจี่ยนอีหลิง หยูซีก็ได้บริจาค “ครั้งแรก” ของตัวเองอีกครั้ง ครั้งแรกที่ได้ทายาให้กับคนอื่น

 

จ๋ายหวินเชิ่งเผยแขนให้กับเจี่ยนอีหลิง ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะอ่านใจเธอ

 

อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“เธอทำครีมนี้เองเหรอ”

 

“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงตอบตามความจริง

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มือของหยูซีที่กำลังทาครีมก็สั่น

 

เทพหลิงผลิตมันขึ้นมาเองเหรอ ไม่มีอะไรผิดปกติใช่มั้ย

 

แขนของนายท่านเชิ่งมีค่ามาก ถ้านี่เป็นปัญหาขึ้นมา…

 

หยูซีไม่กล้าที่จะคิด

 

หยูซีรู้สึกว่าขาเขาอ่อนยวบเมื่อเพียงแค่นึกถึงสายตาที่น่ากลัวของท่านผู้เฒ่าจ๋ายและนายท่านสองจ๋าย

 

หยูซีอดไม่ได้ที่จะเริ่มอธิษฐานในใจ อมิตตพุทธ ขอพระเจ้าทรงอวยพร ให้นายท่านเชิ่งทาครีมนี้แล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ผมไม่หวังที่จะให้สามารถกำจัดแผลเป็นได้จริงๆ แต่ผมต้องการให้นายท่านเชิ่งปลอดภัย

 

“เธอยังไม่มีนักลงทุนสำหรับครีมนี้ใช่ไหม” จ๋ายหวินเชิ่งถาม

 

“ยังไม่มี”

 

มันยังอยู่ในการทดลองทางคลินิก

 

มันสามารถใช้ได้กับคนรอบตัว และกำลังจะผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องมีข้อมูลการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมเพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุน

 

จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็จะได้ยื่นขอสิทธิบัตรและใบอนุญาตก่อนการผลิตจำนวนมาก

 

ดังนั้นการลงทุนจึงยังเป็นหนทางอีกยาวไกล และเจี่ยนอีหลิงก็ยังไม่ได้พิจารณา

 

“นายท่านคนนี้ลงทุนให้เป็นไง”

 

“ไม่ดี” เจี่ยนอีหลิงปฏิเสธ

 

“หือ”

 

“มีความสัมพันธ์แบบอื่น ไม่เหมาะกับธุรกิจ”

 

เจี่ยนอีหลิงรู้สึกว่าการทำธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับความรู้สึก

 

เพราะว่า มีคำกล่าวว่าการพูดคุยเกี่ยวกับเงินล้วนทำร้ายความรู้สึก

 

เจี่ยนอีหลิงไม่รู้วิธีจัดการกับปัญหาด้านความสัมพันธ์ แต่เธอรู้วิธีจัดการกับการหาเงินทอง

 

ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายกับอารมณ์ความรู้สึกเมื่อเธอหาเงิน เพราะนั่นจะทำให้ปัญหาง่ายๆกลายเป็นซับซ้อนขึ้น

 

“ความสัมพันธ์อื่นๆเหรอ ความสัมพันธ์อะไร” จ๋ายหวินเชิ่งถาม

 

เจี่ยนอีหลิงลังเลไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขายังไง

 

การบอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก

 

เจี่ยนอีหลิงจำได้ว่าจ๋ายหวินเชิ่งไม่ค่อยยอมรับว่าคนอื่นเป็นเพื่อนเขา

 

สำหรับผู้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนเขานั้น จ๋ายหวินเชิ่งจะรื้อทิ้งความสัมพันธ์อย่างไร้ความปรานี

 

“นายเป็นเพื่อนกับหยูซี” เจี่ยนอีหลิงพบคำตอบที่ค่อนข้างสมเหตุผล

 

คำตอบนี้ทำให้ใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่งมืดหม่นลงในทันใด

 

แม้แต่หยูซีที่ทายาให้กับจ๋ายหวินเชิ่งก็ยังตะลึง

 

“นั่นหมายความว่า ที่เธอรักษาแผลให้กับนายท่านคนนี้ และรักษารอยแผลเป็นให้กับนายท่านคนนี้มาเป็นเวลานาน เป็นเพราะไว้หน้าหยูซีอย่างงั้นเหรอ”

 

ใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่งมีรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

 

หยูซีมองเห็นก็รู้สึกขานุ่มนิ่ม

 

เขามองไปที่เจี่ยนอีหลิงอย่างรวดเร็ว

 

แต่เขากลับเห็นใบหน้าอันเยือกเย็นและดวงตาแจ่มกระจ่างของเจี่ยนอีหลิงราวกับว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นอันตราย

 

“เทพหลิง น้อง น้อง …”

 

หยูซีพยายามช่วยชีวิตเธอ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

 

หยูซีมองไปที่ดวงตาของจ๋ายหวินเชิ่งและก็รู้สึกอยากจะวิ่งหนี

 

ไม่ ถ้าจะวิ่งหนี ต้องลากเทพหลิงไปด้วย

 

เขาไม่สามารถที่จะตัดใจได้ ร่างเล็กๆของเทพหลิงทนความโกรธของนายท่านเชิ่งไม่ได้

 

เจี่ยนอีหลิงตอบจ๋ายหวินเชิ่ง “นายยังไม่ได้ยอมรับว่าฉันเป็นเพื่อนนาย ดังนั้นฉันอ้างมั่วไม่ได้”

 

เจี่ยนอีหลิงนั้นจริงจังมาก สายตาของเธอจริงจัง น้ำเสียงของเธอยิ่งจริงจังมากกว่า

 

แววเย็นเยียบบนใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่งจางหายไปในทันที และรอยยิ้มที่แท้จริงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา

 

“อือ นายท่านคนนี้ยอมรับ”

 

หยูซีที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวาย

 

ในใจเขานั้นอดที่จะพึมพำไม่ได้ว่า ใบหน้าของนายท่านเชิ่งนั้นเปลี่ยนเหมือนพลิกหน้าหนังสือ เขาเกือบหัวใจวาย

 

เทพหลิงนั้นสมกับเป็นเทพหลิง ไท่ซานถล่มลงตรงหน้า สีหน้าเธอก็ไม่เปลี่ยน พี่ชื่นชมเธอจริงๆ

 

เขาต้องเรียนรู้จากเทพหลิงให้มากขึ้น

 

ทางด้านนี้เพิ่งได้รับยาดี ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก และเจี่ยนหยุ่นโม่ก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

“เอ๋ พี่หยุ่นโม่” หยูซีจำเจี่ยนหยุ่นโม่ได้ในแวบเดียวและกำลังจะทักทาย แต่พบว่าเจี่ยนหยุ่นโม่นั้นผิดปกติไป

 

เขาเดินเข้ามาโดยไม่ทักทายหยูซีหรือให้ความสนใจจ๋ายหวินเชิ่งแม้แต่น้อย

 

เขามองลงไปที่เจี่ยนอีหลิงพลางขมวดคิ้ว

 

“ได้เวลากลับบ้านแล้ว” เจี่ยนหยุ่นโม่พูดเสียงต่ำ มองไปที่เจี่ยนอีหลิง น้ำเสียงเขาอ่อนโยนแต่ดูเคร่งขรึมอยู่บ้าง

 

“ก็ดี”

 

เจี่ยนอีหลิงเดินตามเจี่ยนหยุ่นโม่ออกจากบ้านไป

 

ระหว่างทางเจี่ยนอีหลิงสังเกตเห็นว่ามือของเจี่ยนหยุ่นโม่ที่ห้อยลงมากำเป็นหมัดแน่น

 

เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าเขากำลังต่อสู้กับโรคอารมณ์สองขั้ว

 

คนที่มีบุคลิกอ่อนโยนอยู่ๆก็ต้องประสบกับอาการป่วยทางจิตซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ปกติของเขาอย่างสิ้นเชิง

 

แต่อาการป่วยทางจิตก็เป็นแบบนี้ บางคนที่ปกติจะร่าเริงก็อาจต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน ยิ้มให้ทุกคนตอนกลางวันแล้วกลับบ้านโศกเศร้าอยู่คนเดียวในตอนกลางคืนนอนเลียแผลอยู่ตามลำพัง

 

ความเจ็บป่วยทางจิตสามารถกลืนกินนิสัยและเหตุผลดั้งเดิมของบุคคลได้

 

หลังจากที่เจี่ยนหยุ่นโม่รู้ว่าตัวเขาป่วย เขาก็กังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อน้องสาวซึ่งเดิมทีเขาต้องการจะปกป้อง

 

เพื่อป้องกันตัวเองจากการทำร้ายน้องสาว เขาเลือกที่จะเว้นระยะห่างจากเจี่ยนอีหลิง

 

แม้ว่าเขาจะไปต่างประเทศในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับเจี่ยนอีหลิง จดจำข้อตกลงกับเจี่ยนอีหลิง

 

เขาเตรียมดอกไม้นิรันดร์ที่ไม่เคยเหี่ยวเฉา นำสิ่งดีๆทั้งหมดในโลกนี้มาสู่เธอ ดอกแล้วดอกเล่า

 

แต่เว้นระยะห่างระหว่างตัวเขาเองจากเธอ

 

ถ้าไม่ใช่เกิดเหตุการณ์นี้ เขาก็ไม่คิดวางแผนที่จะกลับมาในช่วงเวลาสั้นๆนี้

 

ระหว่างทางกลับมาที่ตระกูลเจี่ยน เจี่ยนหยุ่นโม่เดินช้าๆ จงใจชะลอความเร็วเพื่อให้เจี่ยนอีหลิงติดตามเขาได้ทัน

 

เจี่ยนหยุ่นโม่ไม่รู้ว่าเจี่ยนอีหลิงคิดอะไรอยู่ข้างหลัง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเธอและรู้ว่าเธอกำลังตามเขามาด้านหลัง

 

ทั้งสองคนเดินกลับมาที่ตระกูลเจี่ยนอย่างเงียบๆ

 

ไม่มีใครพูดระหว่างเส้นทาง

 

ไม่ได้ถามอีกฝ่ายว่าทำไม

 

แต่พวกเขาดูเหมือนจะเข้าใจทั้งหมด

 

###

 

หลังจากกลับมาที่ตระกูลเจี่ยน สองพี่น้องถูกเรียกไปที่เรือนดอกกล้วยไม้โดยปู่เจี่ยน และอยู่เป็นเพื่อนชายชราปลูกกล้วยไม้อยู่พักหนึ่ง

 

ในด้านนี้ ในตระกูลเจี่ยนทั้งหมด มีเพียงเจี่ยนหยุ่นโม่และเจี่ยนอีหลิงที่สามารถพูดคุยกับชายชราได้

 

เมเจอร์ของเจี่ยนหยุ่นโม่ไม่ใช่พฤกษศาสตร์ แต่เป็นจุลชีววิทยาและไวรัสวิทยา

 

แต่ในแง่ของพืชแล้ว เขามีงานวิจัยมากกว่าใครในตระกูล

 

“ปู่ กล้วยไม้นี้จำเป็นต้องแยกหน่อแล้ว”

 

เจี่ยนหยุ่นโม่กำลังตรวจดูกล้วยไม้ทุกดอกในห้องดอกไม้ของคุณปู่อย่างจริงจัง

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว เธอแก้ให้ฉันเลย ฉันไม่สบายใจที่จะให้อยู่ในมือของคนอื่น มีแต่เธอพี่น้องที่ฉันเชื่อใจ”

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset