“ที่งานเต้นรำบอลรูมในมหาวิทยาลัย ฉันเต้นรำกับหยูซี เขาเป็นคู่เต้นรำประจำของฉัน” จ๋ายหวินเชิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยนอีหลิงก็หันหน้าไปมองอดีตคู่เต้นรำที่ถูกทอดทิ้ง หยูซียังคงยืนอยู่ที่เดิม
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ หยูซีไม่ได้เสียใจที่ถูกจ๋ายหวินเชิ่งทอดทิ้ง แต่เขาพร้อมที่จะจุดประทัดเฉลิมฉลอง
ในที่สุดเทพก็เมตตาเขาเสียที ตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัย มีสาวสวยมากมายอยู่ตรงหน้าเขา ย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาอยากเต้นรำกับพวกเธอ
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่ง ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน นายท่านเชิ่งได้ลากเขาไปเต้นรำด้วยกัน
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ไปร่วมงานบอลรูมอีกเลย
นี่เป็นเพราะเขากลัวว่านายท่านเชิ่งจะขอให้เขาเต้นอีกครั้ง เขารู้สึกอายเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านเชิ่งยังขอให้เขาเต้นรำต่อหน้าหญิงสาวทุกคนในมหาวิทยาลัยอีกด้วย…
ดังนั้น หยูซีก็เริ่มค้นหาคู่เต้นรำ ในวันนี้ ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสเต้นรำกับผู้หญิง
หยูซีพบเป้าหมายที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว ด้วยสถานะของเขา ในฐานะทายาทของตระกูลหยูรูปร่างหน้าตาที่ดีและทัศนคติที่สุภาพเขาทำให้เขาสามารถหาผู้หญิงมาเป็นคู่เต้นรำเขาได้สำเร็จ
จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปในฟลอร์เต้นรำด้วยกัน แล้วก็เริ่มเต้นรำอย่างมีความสุข
ต่างจากคนอื่นๆ สายตาของโม่ชืออวิ้นนั้นมักจะจับจ้องไปที่ฉินชวน
เกือบตั้งแต่ตอนที่ฉินชวนปรากฏตัว เธอก็จ้องมองเขานับแต่นั้นมา
เธอไม่กล้าที่จะมองจนชัดเจนเกินไป อย่างไรก็ตาม เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เขา
เธอมีความรู้สึกบางอย่างกับฉินชวนแล้ว
และตอนนี้เขาก็ได้เปล่งประกายเจิดจ้ากว่าแต่ก่อน และด้วยเหตุนี้ สายตาเธอก็อดไม่ได้ที่จะเฝ้าติดตามเขา
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
คุณนายเฉียนมองไปที่เจี่ยนอีหลิงบนฟลอร์เต้นรำ เธอก็ยิ้มและถอนหายใจ “คุณหนูอีหลิงค่อนข้างโชคดี”
โม่ชืออวิ้นมองไปที่คุณนายเฉียน สงสัยว่าเธอพูดถึงอะไร
“เธอไม่รู้เหรอว่าคุณหนูอีหลิงเต้นรำอยู่กับใครตอนนี้ เธอน่าจะรู้สึกว่าทั้งห้องกำลังมองไปที่เขาตอนที่เขาเข้ามาบ้าง ไม่ใช่เหรอ”
“อืม ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” โม่ชืออวิ้นตอบ เมื่อกี้นี้เธอไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก อย่างไรก็ตามตอนนี้ เมื่อเธอได้ยินคุณนายเฉียนพูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นความจริง
“คนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายน้อยของตระกูลจ๋าย เขาเป็นคนที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในเมืองเหิงหยวนมาระยะหนึ่งแล้ว” คุณนายเฉียนอธิบาย
มีหลายคนที่ไม่เคยเห็นนายท่านเชิ่งด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น โม่ชืออวิ้นก็ไม่ได้มาจากแวดวงชนชั้นสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
เขาคือจ๋ายหวินเชิ่งงั้นเหรอ
“โอ ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินชื่อเขา แต่สุขภาพเขา…”
ชิวหยีเจนได้บอกเธอเกี่ยวกับจ๋ายหวินเชิ่ง
“อย่าพูดแบบนั้น” คุณนายเฉียนขัดจังหวะโม่ชืออวิ้น จากนั้นเธอก็อธิบายเหตุผลให้โม่ชืออวิ้นด้วยสีหน้าหนักใจ “ซืออวิ้น ฟังให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิงหรือแวดวงคนชนชั้นสูง มีบางสิ่งที่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ ในความเป็นจริง อย่าแม้แต่จะพูดถึงมันสักคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธออยู่ข้างนอก หากเธอต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะต้องกับคนที่เธอไว้วางใจเท่านั้น เข้าใจไหม”
โม่ชืออวิ้นอึ้งไปนิด เธอต้องใช้เวลาสองสามวินาทีในการตอบกลับ “ค่ะ…”
และด้วยเหตุนี้ จากคำพูดของคุณนายเฉียน ทำให้โม่ชืออวิ้นมองจ๋ายหวินเชิ่งได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในเวลานี้ จ๋ายหวินเชิ่งกำลังสอนวิธีเต้นรำให้กับเจี่ยนอีหลิง ดวงตาและการเคลื่อนไหวของเขานั้นอ่อนโยนกว่าปกติมาก
โม่ชืออวิ้นอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างโดดเด่น
เจี่ยนอีหลิงโชคดีจริงๆ เธอเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ผู้คนใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อให้ได้มา จุดเริ่มต้นในชีวิตเธอคือเส้นชัยสำหรับคนอื่นๆ
ในเวลานี้ ภายใต้การชี้แนะของจ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิงก็เริ่มมีความเชี่ยวชาญในการเต้นรำมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการทำอย่างอื่นแล้ว เจี่ยนอีหลิงยังไม่มีพรสวรรค์ในการเต้นรำ อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้โง่เช่นกัน และด้วยเหตุนี้เธอจึงค่อยเรียนรู้วิธีการเต้นรำ
“เธอได้เรียนแล้ว” จ๋ายหวินเชิ่งกล่าว มุมปากเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเขาก็ดูขบขัน
เจี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นมองจ๋ายหวินเชิ่ง
“ไม่ต้องมองมาที่ฉัน ถ้าเธอมัวแต่เงยหน้า คอเธอไม่เมื่อยเหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี่ยนอีหลิงก็รีบก้มหน้าลง
จากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆมาจากจ๋ายหวินเชิ่ง
เขาหัวเราะเธอ…
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนก็ยังคงเต้นรำอยู่บนฟลอร์เต้นรำต่อไป
เนื่องจากทั้งคู่ดูดีอย่างมาก พวกเขาจึงได้รับความสนใจมากกว่าคู่อื่นๆ
เป็นครั้งแรกที่ฉินหยูฝานได้เห็นจ๋ายหวินเชิ่งอดทนกับหญิงคนหนึ่ง
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเต้นรำกับเด็กสาวอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น จ๋ายหวินเชิ่งยังอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด เมื่อเขาสอนเด็กสาวคนนั้นถึงวิธีการเต้นรำ
ฉินหยูฝานแน่ใจว่าเธอไม่ได้เข้าใจผิด เขาอ่อนโยนกว่าปกติจริงๆ
ฉินชวนก็กำลังดูจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงด้วยเช่นกัน และในขณะนั้นพ่อบ้านตระกูลฉินก็เข้ามาบอกเขา
“นายน้อย คุณควรไปเชิญหญิงสาวมาเต้นรำด้วยสักคนเช่นกัน”
“ได้เลย” ฉินชวนตอบกลับ เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่อยากชวนใครมาเต้นรำเลยจริงๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ต้องการเพิกเฉยต่อคำแนะนำของพ่อบ้านเช่นกัน
เขารู้ดีว่าตนเองจะต้องเผชิญกับเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้ หลังจากที่เขาได้เข้าร่วมวงศ์ตระกูลตนเอง
โม่ชืออวิ้นก็ยืนอยู่ในฝูงชนเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ฉินชวนก็เดินมาหาเธอและชวนเธอไปเต้นรำ
อย่างไรก็ตาม ฉินชวนจำโม่ชืออวิ้นไม่ได้ เขาแค่มองเข้าไปในฝูงชนหาผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
นอกจากนี้ โม่ชืออวิ้นก็ยังเป็นคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดด้วย
โม่ชืออวิ้นตกตะลึงกับคำชวนอย่างกะทันหัน
ความประหลาดใจที่น่ายินดีนี้เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ก็ต่อเมื่อ คุณนายเฉียนเตือนเธอ โม่ชืออวิ้นจึงค่อยคืนสติ
จากนั้น เธอก็ยื่นมือออกและวางไว้บนมือฉินชวน
ฉินชวนนำโม่ชืออวิ้นไปที่ฟลอร์เต้นรำ
ฉินชวนและโม่ชืออวิ้นต่างก็รู้วิธีเต้นรำ นอกจากนี้พวกเขาทั้งคู่ยังเป็นนักเต้นที่เก่งมาก
คู่นี้เต้นรำได้ดีมากจนเอาชนะจุดโฟกัสเดิมไปในทันที
โม่ชืออวิ้นรู้สึกว่าเธอกำลังฝันไป
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสเต้นรำกับฉินชวน
ในตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ หัวใจเธอเปี่ยล้นไปด้วยความสุข
คนรอบตัวเธอเริ่มกระซิบกระซาบและพูดคุยกัน ขณะที่ดูเธอเต้นรำกับฉินชวน
“ผู้หญิงคนนั้นที่เต้นรำกับนายน้อยฉินเป็นใครกัน เธอสวยมากทีเดียว ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”
“ฉันก็ไม่รู้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเธอ เธอค่อนข้างสวยและเธอก็เป็นนักเต้นที่เก่งเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเธอจะต้องได้รับการศึกษาค่อนข้างดีเช่นกัน เธอต้องเป็นหญิงสาวที่มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงแน่ๆ”
“ว้าว ฉันล่ะอิจฉา นายน้อยฉินเก่งจัง เขาและหญิงสาวนั่นดูเหมือนจะเป็นคู่ที่เหมาะสม”
“ใช่ ผู้ชายมีความสามารถและผู้หญิงก็สวยอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาสมที่จะเป็นคู่รักในอุดมคติจริงๆ แค่ดูพวกเขาก็ทำให้ฉันเจริญตาแล้ว ไม่ว่ายังไงฉันก็อดจะรู้สึกอิจฉาไม่ได้”
“ทำไมเธอถึงคิดว่านายน้อยฉินเลือกเธอเป็นคู่เต้น”
“เอ้อ ก็เพราะว่าเธอสวย ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็เลือกเธอเหมือนกัน มองดูเธอสิ เธอดูสง่างามและมีอารมณ์ร่วมเมื่อตอนเต้นรำ ตรงกันข้ามกับเด็กสาวอีกคน…”
…
หลังจากจบเพลงทุกคนก็ออกจากฟลอร์เต้นรำ
โม่ชืออวิ้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับฉินชวน แต่เขาก็ปล่อยมือเธอไป แล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเจี่ยนอีหลิง
เขายื่นกล่องที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้กับเจี่ยนอีหลิง
“ขอบคุณ”
ก่อนหน้านี้ ฉินชวนไม่มีฐานะทางการเงินที่จะให้ของขวัญราคาแพงเช่นนี้แก่เจี่ยนอีหลิง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงระลึกถึงความมีน้ำใจและความสง่างามของเจี่ยนอีหลิงเสมอ
สองสามครั้งสุดท้ายที่เขาไปเยี่ยมแม่ที่สถาบันการวิจัย เขาก็ไม่เห็นเจี่ยนอีหลิงด้วยเช่นกัน