ตอนที่ 70 : คืนก่อนการออกเดินทาง
วันที่ 2 – เวลา 18.07 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาควร์, ลานจอดรถชั้นใต้ดิน, โซนพื้นที่ส่วนกลาง
งานปาร์ตี้นั้นยังคงไม่จบลงสําหรับผู้ รอดชีวิตและเหล่าทหารจนร้อยตรีราฟาเอลได้ลงมายังชั้นล่างที่อาคารจอดรถชั้นใต้ดินและเริ่มออกคําสั่งกับเหล่าทหาร ทหารออกจากกลุ่มทันทีและกลับไปทําหน้าที่ของพวกเขาในขณะที่บางคนวิ่งขึ้นบันไดทางปีกตะวันออก
หน่วยกู้ภัยที่ส่งมาก็มาถึงโดยใช้เวล าประมาณสามสิบนาที ทหารวางแผนที่ จะเลียนแบบสิ่งที่มาร์คและกลุ่มของเขา ทําเมื่อคืนนี้เพื่อล่อให้ผู้ติดเชื้อออกไป จากทางเข้าของลานจอดรถใต้ดิน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาวางแผนที่จะทําให้ตัวเลขลดลงโดยการขว้างระเบิดไปยังผู้ติดเชื้อที่ถูกล่อ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเนื่องจากการออกจากห้างสรรพสินค้าจะยากขึ้นในภายหลังหากจํานวนผู้ติดเชื้อไม่ลดลงแม้แต่นิดเดียว
การมาถึงของหน่วยกู้ภัยก็ได้ทําให้ผู้รอดชีวิตนั้นมีกําลังใจมากยิ่งขึ้น ในที่สุด พวกเขาก็สามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ไปสู่สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยกว่านี้ได้หลายเท่า
เมื่อทีมกู้ภัยมาถึง มาร์คก็ได้เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน เขาบอกให้โอเดลินาพาลูกๆของเธอไปรอข้างในยานพหนะด้วยกันกับแอ็บบีเกล เพราะพวกเขาจะกลับเข้าไปยังโซนขายสินค้าไอทีเพื่อรวบรวมของใช้ของพวกเขาและของอื่นๆ กลับมา แอ็บบีเกลนั้นก็อยากจะตาม ปะป๋าของเธอไปด้วย แต่มาร์คนั้นมอบหน้าที่สําคัญให้กับเธอโดยการให้เธอ ช่วยปกป้องลูกๆของโอเดลินา แม้ว่าเธอจะดูทิ้งตึง แต่เธอก็ไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืน คําสั่งปะป๋าของเธอและนั่งบนรถอย่างอดทน เธอทําตามคําสั่งของเขาอย่างเชื่อฟัง มาร์คสัญญาว่าจะหาขนมและของเล่นให้เธอเมื่อพวกเขากลับมา
กลับไปยังโซนขายสินค้าไอที มาร์คได้รวบรวมแล็ปท็อปที่เขาได้ตั้งค่าเอาไว้ แล้วเมื่อวานนี้ เขาวางแผนที่จะนําแล็ปท็อปไปด้วยสามเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นเน็ตบุ๊กขนาดเล็กกะทัดรัดที่เขาสามารถใช้เล่นจิปาถะ ส่วนเครื่องที่ใหญ่ กว่าเขาสามารถใช้เล่นเกมได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ และอีกเครื่องหนึ่งสําหรับ สํารองในกรณีที่แล็ปท็อปเครื่องอื่นฟัง และไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ ทั้งสามเครื่องนั้นที่เขาตัดสินใจนํามานั้น มีราคาแพงที่สุดและมีคุณสมบัติดีที่สุดในโซนขายสินค้าไอที
เมื่อเขาได้ตรวจสอบแล็ปท็อปเขาก็ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย ไม่ใช่เกมส์ทั้งหมดที่จะโหลดเสร็จทันเวลา อินเทอร์เน็ตนั้นได้ล่มไปหลายชั่วโมงก่อนหน้า
มาร์คยังไม่ลืมที่จะนําอุปกรณ์บางอย่างที่เป็นประโยชน์สําหรับพวกเขาโดยเฉพาะอุปกรณ์ usb ที่พวกเขาเคยใช้มาก่อน เขายังนําโทรศัพท์มือถือราคาแพงหลายเครื่อง วิทยุและเครื่องชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์
ในขณะที่มาร์คได้ค้นทั่วร้านขายสินค้าในโซนขายสินค้าไอที เหมยและโอเดลนาก็ได้ทําหน้าที่รวบรวมเสื้อผ้าและของจําเป็นอย่างเช่นสบู่และยารักษาโรค
กลุ่มของพวกเขาเดินกลับไปที่รถโดยใช้ลิฟต์ขนของและบรรทุกสิ่งของไว้ที่ด้านหลังของรถ สําหรับอาหารพวกเขา เพียงแค่ขับรถไปที่ทางเข้าโกดังและรับเสบียงจากที่นั่น
ภายในโกดังพวกเขาบังเอิญไปเจอกล่องขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ากับ CPU ของคอมพิวเตอร์ในโซนพื้นที่จัดเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บนพื้นผิวกล่องขนาดใหญ่มีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จริงๆแล้ว มันเป็นกล้องที่ติดตั้งโดรนควบคุมระยะไกล แน่นอนว่ามาร์คตัดสินใจคว้ามัน ดูเหมือนว่ามันจะต้องคว้าไว้ จากนั้นมาร์คก็นึกขึ้นได้เมื่อพวกเขาไปที่พื้นที่เก็บของเล่นเพื่อเอาของเล่นที่เขาสัญญากับแอ็บบีเกลไว้ พวกเขาก็คว้ารถบังคับควบคุมระยะไกล และของเล่นที่บินได้ โดยการควบคุมรีโมท มีหลายโอกาสที่เป็นไปได้ในการใช้ของเล่นเหล่านี้เพื่อความสนุกสนานในช่วงโลกาวินาศในตอนนี้
รถเต็มไปด้วยเสบียงแม้กระทั่งใต้เบาะ และช่องว่างบนรถ การคาดคะเนปริมาณอาหารที่พวกเขาบรรจุไว้มันจะคงอยู่ได้ อย่างน้อยสองสัปดาห์หากกินในระดับปริมาณที่พอดี
หน่วยกู้ภัยมาถึงก่อนที่พวกเขาจะเสร็จสิ้นการเตรียมการที่พื้นที่ส่วนกลางของที่จอดรถชั้นใต้ดิน รถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคันจอดอยู่พร้อมกับยานพาหนะทางทหารมากกว่าสิบคัน
และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่มาร์คจะนําของชิ้นสุดท้ายไปด้วย มันคือผู้ติดเชื้อที่ว่านอนสอนง่ายที่เขาเก็บไว้ในห้องเก็บของในโซนขายสินค้าไอที มาร์คได้ไปเอาปลอกคอ โซ่และหน้ากากสําหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซ เมื่อมาร์คกลับไปยังห้อง ซอมบี้นักกัดนั้นก็ได้ตื่นแล้วแต่ก็เหมือนเดิม เธอทําเพียงแค่ต้องมาที่พวกเขาโดยไม่ปฏิกิริยารุนแรงใดๆ มาร์คนําหน้ากากไปสวมที่ปากของเธอ และผูกคอเสื้อของเธอไว้กับโซ่ พวกเขายังเปลี่ยนสายไฟที่มัดแขนเธอด้วยสายหนังและถอดสายไฟที่ขาของเธอออกจนหมด
มาร์คยังขอให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและทําความสะอาดร่างกายของซอมบี้นักกัด เพื่อไม่ให้ด้านในของรถสกปรก เมื่อมาร์คดึงโซ่ซอมบี้นักกัดก็เดินตามมาเรื่อย ๆ ทําให้วิธีขั้นตอนนั้นง่ายขึ้นมาก
เมื่อมาร์คได้พาเธออกมาข้างนอก เขาได้ยินเสียงที่อันคุ้นเคยตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“เจนเนต?!”
มันคือเสียงจูลี หนึ่งในเด็กนักเรียน วิทยาลัยที่มาร์คช่วยไว้กับพอลลาเมื่อ พวกเขาเข้าไปหายาให้ซาริยา แบรนดอนก็ได้ตกใจด้วยเช่นกันแต่ดูเหมือนว่า เขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
“นายทําอะไรกับเธอ?!”
จูลีตะโกนออกมาซึ่งทําให้ผู้คนรอบ ข้างนั้นให้ความสนใจ พนักงานคนอื่นๆรู้ว่าเด็กสาวที่ถูกมัดอยู่นั้นเป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกับมาร์คและกลุ่มของเขา ว่าพวกเขากําลังทําอะไรกับเธอ แต่สำหรับแขกที่เข้ามาใหม่ก็ได้เริ่มสร้างความวุ่นวาย
จูลีพยายามเข้ามาปล่อยซอมบี้นักกัด ที่เธอเรียกว่าเจนเนต แต่เธอก็ถูกแบรนดอนดึงตัวเอาไว้ ดูเหมือนว่าเธอนั้นยังไม่สังเกตเห็นอะไร
“นายรู้จักเธอหรอ?”
มาร์คเมินเฉยกับเสียงซุบซิบของคนรอบข้างและคําถามของจูลี
“เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน! ทําไมนายต้องมัดเธอเอาไว้ ปล่อยเธอ!”
เมื่อความชุลมุนได้ก่อเสียงดังขึ้น มันก็ถูกจับตามองด้วยความสนใจของพวกทหาร หนึ่งในทหารคนหนึ่งได้เข้ามาใกล้ และถามมาร์คเกี่ยวกับเด็กสาวที่เขามัดไว้อยู่
“นายทําอะไร?! นายรู้มั้ยว่าสิ่งที่นายทํานั้นมันผิดกฎหมายน่ะ”
มาร์คมองทหารคนนั้นอย่างแปลกใจ ดูเหมือนว่าทหารคนนี้เพิ่งมาพร้อมกับหน่วยกู้ภัย เขาไม่คิดว่าทหารที่มากับพี่ชายของแองเจจะมีคนที่ไม่รู้จักเขาหรอก
เมื่อเห็นว่ามาร์คจ้องมองเขาเหมือนคนงี่เง่าทหารคนนี้ก็ได้โกรธ เขากําลังจะยกปืนขึ้นมาที่มาร์คจากนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามา
“โจนาส ใจเย็นก่อน”
มีทหารหลายคนที่เพิ่งเข้ามาในโซน ขายสินค้าไอทีซึ่งถูกนําโดยคนสามคน มีสองคนที่คุ้นเคยกับกลุ่มของมาร์ค พวกเขาคือกลุ่มของพี่ชายของแองเจ และเด็กชายวัยมัธยมปลายที่อยู่กับพวกเขาเมื่อเช้านี้ มาร์คนั้นจําอีกคนไม่ได้ เขาคือคนที่บอกให้ทหารที่กําลังโกรธนั้นได้ใจเย็นลงและลดปืนออกไป มองไปที่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของเขา เขาน่าจะมีตําแหน่งที่สูงกว่าพี่ชายของแองเจ
“เกิดอะไรขึ้นโจนาส? มันไม่น่าจะต้อง มีเหตุผลที่ต้องยกปืนของนายใส่ประชาชนนิ”
“ผมขอโทษด้วยครับหัวหน้าธีโอ มันก็แค่กลุ่มนี้มีเด็กสาวที่ถูกปิดปากและมัดเอาไว้ราวกับสุนัข”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โจนาสพูดด ธีโอก็มองไปที่กลุ่มของมาร์คและเด็กสาวที่ถูกมัดไว้ คิ้วของเขาก็เลิกขึ้น
“นั่นมันชนิด Zi ใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินหัวหน้าพูดออกมา โจนาสก็มองไปที่เด็กสาวที่ถูกมัดไว้ และจากนั้น หัวหน้าก็พูดต่อ
“แปลกแหะ มันดูเหมือนไม่ก้าวร้าวเท่าไหร่เลย”
ตอนนี้แม้กระทั่งราฟาเอล ชายวัยมัธยมปลาย และทหารคนอื่นๆก็ได้ตกใจ มันคือชนิดZที่ไม่มีความก้าวร้าวรุนแรงงั้นหรอ? ในขณะที่จลีนั้นก็อยู่กับอ้อมกอดของแบรนดอนและร้องไห้ออกมา เธอรู้แล้วว่านั้นคงไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธออีกแล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเปลือกiร่างกายของเพื่อนเธอเองในอดีต
“ถ้าให้เดานายคือมาร์คใช่มั้ย? ฉันธีโอ ดอร์ ครูซ เจ้าหน้าที่ดูแลภารกิจการช่วยเหลือ
“อย่าบอกนะว่าจะมายื่นขอเสนออะไรอีกน่ะ?”
“ไม่สิ ฉันได้ยินรายละเอียดข้อมูลน นมาแล้ว พวกเราวางแผนว่าจะไม่บังคับใครอีกต่อไปตราบเท่าที่พวกเขาไม่กลายเป็นภัยคุกคามต่อคําสั่งของภารกิจ”
“ถ้าอย่างนั้น นายต้องการอะไรจากฉัน”
“เรามาที่นี่เพื่อมอบรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นายจากการช่วยชีวิตลูกสาวและเพื่อนของเธอเอาไว้ โปรดมากับเราหน่อยสิ”
เมื่อมาร์คตรวจพบว่าไม่มีเจตนาร้ายกับเขามาร์คพยักหน้าและกลับไปยังที่บริเวณส่วนกลางของที่จอดรถชั้นใต้ดินกับเขา หัวหน้าธีโอพาพวกเขาไปที่รถฮัมวี่และเปิดช่องด้านหลังของรถ สิ่งของข้างในเป็นปืนไรเฟิลและกล่องกระสุนหลายกล่อง
“โปรดเอาไปเยอะเท่าที่นายสามารถ ท่านนายพลก็ได้รู้แผนการของนายจากลูกสาวของเขาแล้วและสิ่งที่นายพูดกับราฟาเอล เรามีกําลังคนสํารองในตอนนี้อยู่ พวกเราไม่สามารถช่วยนายหาคนเหล่านั้นของนายได้ แต่อย่างน้อยพวกเราสามารถจัดหาอาวุธให้นายได้ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนของพวกนั้นเท่าไหร่”
ฉันเข้าใจแล้ว ฝากขอบคุณท่านนายพลด้วยนะ
โดยไม่มีพิธีรีตองใด ๆ มาร์คและกลุ่มของเขาก็ได้เอาของให้เยอะได้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทําได้
เมื่อพวกเขาจากไป ธีโอก็ได้พูดพรีมพําออกมา
“จริงๆแล้ว ฮัมวี่คันนี้ก็ตกเป็นของพวกเขานะ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยานพหนะที่ดีกว่าไปเสียแล้ว”
ราฟาเอลก็ได้ถามเขาขึ้นมา
“นายไม่ขอให้เขามอบชนิด Zนั้นให้หน่อยหรอ?”
“นายคิดว่าเขาจะมอบให้งั้นหรอ? นายนี่จริงๆเลยนะ นายควรไปเรียนรู้การอ่านใจคนหน่อยนะราฟ ถ้านายและพี่สาวของฉันแต่งงานกัน นายจะเลือดตกยางออกก็เพราะเรื่องแบบนี้นี่แหละ”
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของกลุ่มของมาร์คจากระยะไกลเขาพูดต่ออย่างเคร่งเครียด
“นอกจากนี้อย่าพยายามยั่วยุคนๆนั้นล่ะ ถ้าไม่หยุดโจนาสก่อนหน้านี้เขาอาจจะเลี้ยงไปแล้วก็ได้ ตอนนี้ใครจะไปรู้ว่าชายคนนั้นทําอะไรได้บ้าง ฉันไม่คิดว่าเขามนุษย์กลายพันธุ์หรอกนะ แต่ก็อาจจะเป็นอะไรที่น่าจะอันตรายกว่านั้นก็ได้ เราต้องเตรียมตัวและพักผ่อนแล้วล่ะ เราจะออกเดินทางตอนพระอาทิตย์ขึ้น”
เมื่อมาร์คจะได้จากไปในค่ําคืนนี้ พอลลาและแองเจก็ได้เข้าไปคุยกับเขา
“พวกเธอสองคนต้องการอะไร”
“พวกเราแค่จะมาบอกนายว่า พวกเราจะเก็บหนี้ที่ติดนายไว้ต่อไป เราทําอะไรไม่ได้กับข้อตกลงที่เหลวกับพี่ชายของแองเจเมื่อเช้านี้ ถ้าหากในอนาคตเราได้พบกันอีก นายสามารถที่จะขออะไรกับพวกเราก็ได้นะ”
พอลลากล่าวออกไปและแองเจก็พยักหน้าในที่สิ่งที่เพื่อนของเธอพูด
“นายไม่จําเป็นต้องโกรธพวกเรานะ! นั่นมันเป็นความผิดพี่ชายที่แสนโง่ของฉันเอง และพวกเราก็ทําอะไรไม่ได้!”
“จริงๆแล้วเมื่อคืนนี้แองเจนั้นเป็นกังวล เรื่องนายมากและเธอก็ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามเมื่อเราตื่นขึ้น นายก็กลายเป็นโกรธพวกเราและเธอนั้นก็เศร้ามาก”
“พอลลา!!!”
เมื่อได้ยินความรู้สึกไม่ดีของพวกเธอสองคน มาร์คก็ถอนหายใจออกมา
“ก็ได้ เก็บหนี้ที่พวกเธอติดฉันไว้แล้วกัน จริงๆแล้วฉันไม่มีสถานที่ที่ใดที่จะตามหาคนที่ฉันต้องการพบ ดังนั้นในอนาคตฉันจะส่งพวกเขาที่เมืองเบย์ ฉันจะขอให้พวกเธอสองคนดูแลพวกเขาแล้วกัน”
เด็กสาวทั้งสองพยักหน้า
“แล้วก็นี่”
แองเจคืนโทรศัพท์ของเขาให้กับมาร์คที่เธอได้ยืมมาและได้ยื่นโทรศัพท์หน้าตาแปลกๆ มีเสาอากาศขนาดใหญ่ มาร์ครู้ว่านี่คือโทรศัพท์แบบไหนและเขาก็ต้องแปลกใจ
“โทรศัพท์ดาวเทียม?”
“ใช่ ฉันได้มันมาจากพี่ชาย ด้วยของสิ่งนี้ เราสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา”
“ก็ได้ ฉันจะรับมันไว้”
เมื่อด้ายที่เกือบขาดระหว่างพวกเขาได้รับการสมานเรียบร้อย มาร์คคุยกับสองคนสักพักก่อนที่พวกเขาจะไปพักผ่อน ทั้งสองสาวยังกล่าวคําอําลากับเหมบและแอ็บบีเกลที่ใช้เวลาร่วมกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อวาน
วันที่ 3 เวลา 05.13 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ลานจอดรถชั้นใต้ดิน พื้นที่ส่วนกลาง
ขบวนรถขนาดใหญ่ประกอบไปด้วยรถทหารเกือบยี่สิบคัน และรถบรรทุกทหารหลายคันจอดเรียงรายอยู่หน้าบานประตูหน้าต่างทางเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดิน ทหารทุกคนพร้อมที่จะยิงปืนและขับผ่านผู้ติดเชื้อออกไป
ในที่สุดบานเกล็ดรถก็เปิดออกและปี นก็เริ่มยิงไปที่ผู้ติดเชื้อขณะที่พวกเขารอ ให้ทหารที่เปิดบานประตูหน้าต่างขึ้นรถ ของพวกเขา
เวลา 5:18 เช้าของวันที่สามของการระบาด ผู้รอดชีวิตออกจากห้างสรรพสินค้าในขณะที่ถูกนําพาไปโดยทหาร เส้นทางที่พวกเขาวางแผนจะใช้คือไปทางทิศตะวันตกตามทางหลวงทิโรนา และเข้าสู่ทางด่วนที่คาวิท ซึ่งตรงไปยังเมืองเบย์ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่หน่วยกู้ภัยใช้ไปที่ห้างแห่งนี้ และทําให้พวกเขาคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้เป็นอย่างดี
เมื่อขบวนรถออกมาผู้ติดเชื้อถูกดึงดูดด้วยเสียงที่รถของพวกเขาทํา และยานพาหนะที่เฝ้าด้านหลังของขบวนยังคงยิงไปที่ผู้ติดเชื้อที่ไล่ตามหลัง
ไม่กี่นาทีหลังจากที่ขบวนออกไปพร้อมกับฝูงชนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา รถตู้หุ้มเกราะสีดําก็ขับออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดินไปยังทิศทางตรงข้ามที่ขบวนไป
พวกเขานั้นไม่รู้ตัว มีเงาของมนุษย์ขนาดใหญ่กําลังเฝ้าดูยานพาหนะ ขณะที่พวกเขาขับรถออกไปจากชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้า มันเฝ้าดูรถตู้สีดําที่ขับออกไปก่อนที่มันจะกระโดดลงมาจากอาคารและสร้างร่องรอยหลุมตรงจุดที่มันตกลงมา หลังจากนั้นเงานั้นก็วิ่งตามฝูงชนที่ติดเชื้อไปทางทิศตะวันตก