ฉินหร่านเล่นเกมจบตาหนึ่งก่อนเงยหน้า มองภาพขวดแก้วขนาดเล็กที่อยู่บนหน้าจอใหญ่
เธออึ้งอยู่ชั่วครู่
เสียงไมโครโฟนจากผู้ประมูลดังก้องทั่วห้องประมูล
“8ล้านครั้งที่หนึ่ง! เอาละครับ ห้องรับรองพิเศษหมายเลข11อยู่ที่แปดล้านห้าแสนครับ!”
“ห้องรับรองพิเศษหมายเลข6ให้9ล้าน!”
“…”
“สิบสามล้านห้าแสนครับ!”
ไม่ถึงหนึ่งนาทีราคาก็พุ่งทะยานถึงสิบล้าน
ราคาเท่ากับรถสปอร์ตหรูคันหนึ่ง…
ของสิ่งนี้ราคาแพงขนาดนี้เชียว?
ฉินหร่านสลัดความขี้เกียจ มือของเถอะจับหน้าผากพลางครุ่นคิด:นี่มันอะไรกัน ทำไมราคาถึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวได้?
“ยี่สิบเจ็ดล้านครับ…”
ขณะที่เธอกำลังคิด เฉิงเวินหรูที่นั่งร้อนใจอยู่ข้างเธอกำลังจะกดปุ่มสีแดง
ฉินหร่านรีบใช้สายตาอันแหลมคมและมือรั้งเธอไว้
“ยี่สิบเจ็ดล้านครั้งที่สาม!”
ขณะที่ฉินหร่านกดมือเธอไว้ การประมูลก็ยุติลง
ยังไม่ทันที่เฉิงเวินหรูจะถามฉินหร่านก็มีเสียงเคาะประตูทางด้านนอก เลขาหลี่ยังไม่ทันตอบสนอง ก็มีคนเดินเข้ามา
ผู้ที่เดินเข้ามาคือหญิงวัยกลางคนท่าทางทะมัดทะแมงคนหนึ่ง
เธอโค้งตัวเล็กน้อย “ท่านเฉิงคะ คุณหนูของสกุลเรารู้ว่าใครเป็นผู้ซื้อดอกไม้จีน ถ้าหากจำเป็นก็เชิญท่านไปที่ห้องรับรองหมายเลข7ได้เลยค่ะ”
เมื่อกล่าวจบ เธอพูดกับเฉิงเวินหรูประโยคหนึ่งก่อนออกไป
เฉิงเวินหรูหรี่ตาเล็กน้อยมองไปยังเลขาหลี่ “ห้องรับรองที่7?”
เลขาหลี่ส่ายหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ “ผมจะถามเฉิงจิน”
ช่วงแรกที่มางานประมูลคนที่มากับเฉิงเวินหรูคือเฉิงจินและเฉิงมู่ ภายหลังถึงเป็นเลขาหลี่ เพราะหน้าที่หลักในการทำงานของเลขาหลี่อยู่ที่บริษัทของเฉิงเวินหรู จึงรู้เรื่องอื่นไม่มากนัก
ใช้เวลาไม่นาน เลขาหลี่ก็ได้รับคำตอบจากเฉิงจิน
เขามองเฉิงเวินหรู ก่อนกระแอมทีหนึ่ง “เป็น…คุณหนูโอวหยางครับ” ขณะที่กำลังพูด สายตาสว่างวาบของเขาจับจ้องไปยังฉินหร่าน
“โอวหยางเวย?” เฉิงเวินหรูใช้ความคิดพิจารณา ทว่าเวลานี้เธอไม่มีเวลาคิดมาก เพียงหันไปหาฉินหร่าน “หรานหร่าน เมื่อกี้ทำไมเธอถึงไม่ให้ฉันประมูลต่อละ?”
ฉินหร่านถือโทรศัพท์พลางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขณะกดโทรศัพท์อย่างเกียจคร้าน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอจึงเงยหน้า “แพงเกินไปค่ะ เห็นๆ อยู่ว่ามีตั้งกี่คนโก่งราคากับคุณ”
“ฉันรู้ แต่ว่าฉันจำเป็นต้องได้ขวดนั้นมาจริง ๆ” แน่นอนว่าเฉิงเวินหรูมองออก “ไม่ต้องแย่งกันก็ดี ฉันจะไปหาโอวหยาง…”
ฉินหร่านยืนขึ้นพลางกอดอก พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ของแบบนี้ฉันก็มีค่ะ”
**
ยี่สิบนาทีผ่านไป ณ คอนโดถิงหลาน
เฉิงเวินหรูกับฉินหร่านกลับมาด้วยกัน
“คุณหนูฉินครับ” เฉิงมู่กำลังใช้คอมเล่นเกมกับลู่จ้าวอิ่ง เมื่อเห็นพวกเขากลับมาจึงรีบยืนขึ้น “ทำไมพวกคุณกลับมาเร็วกันละครับ?”
งานประมูลต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงเที่ยงคืน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงสี่ทุ่ม
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” ฉินหร่านหรี่ตาเล็กน้อย
เฉิงเวินหรูเดินตามหลังฉินหร่านขึ้นชั้นบน มองไม่ออกว่าสีหน้าเป็นอย่างไร
ห้องของฉินหร่านอยู่ติดกับเฉิงเจวี้ยน ที่พักยังคงเป็นสไตล์ธรรมชาติ ตอนนี้ดึกมากแล้ว เฉิงมู่ได้นำกระถางดอกไม้ของเมื่อวานวางบนโต๊ะในห้องฉินหร่าน
ในห้องมีสภาพโล่งแต่ไม่กว้าง ทว่าเฉิงเวินหรูในตอนนี้ไม่สนใจห้องของฉินหร่าน ดวงตาของเธอจ้องฉินหร่านเขม็ง
ฉินหร่านดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง
พลางก้มหัวก่อนใช้มือหมุนอยู่ครู่หนึ่ง คิดอยู่สักพักก่อนถามเฉิงเวินหรูว่า “คุณจะเอากี่ขวดคะ?”
เฉิงเวินหรูอึ้งไปชั่วขณะ ยังจะถามได้ว่าเอากี่ขวดเหรอ?
เธอเดินไปหาฉินหร่านสองก้าวก่อนก้มหน้ามองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ…
เนื่องจากเธอค้นพบว่า ในลิ้นชักของฉินหร่านมีขวดดอกไม้จีนอยู่กองหนึ่ง!
ฉินหร่านไม่รู้ว่าเฉิงเวินหรูจะเอาเท่าไหร่ เมื่อเห็นเฉิงเวินหรูไม่พูดอะไร จึงส่งขวดใหม่ให้เธอสองขวดอย่างไม่คิดมาก
ตอนที่เธอกลับประเทศมา หลินซือหรานก็ให้เธอเก็บไว้สองขวด ต่อมามือของเธอได้รับบาดเจ็บ คุณพ่อหลินจึงให้หลินซือหรานนำมาให้เธออยู่หลายขวด จากนั้นหลินซือหรานก็ให้เธออีกขวด ไม่กี่วันก่อนที่ไปกินข้าวด้วยกัน คุณพ่อหลินก็ส่งให้เธออีกตั้งหลายขวด…
รวมกันแล้วมีทั้งหมดสิบกว่าขวดได้
งานประมูลช่วงก่อน เฉิงเวินหรูไม่เคยโชคดีได้เจอถึงสิบกว่าขวดที่วางกองกันแบบนี้
ทันใดนั้นสมองของเธอก็มีแต่ความสับสน
ทว่าเฉิงเวินหรูก็มีความสามารถในการควบคุมตัวเองได้ดี เธอได้สติกลับมาโดยเร็ว พลางเก็บทั้งสองขวดเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างทันท่วงที
**
ที่จอดรถด้านล่าง
เลขาหลี่เห็นเฉิงเวินหรูถือดอกไม้จีนออกมา พลางขมวดคิ้วสังเกตอย่างละเอียดรอบหนึ่ง “ด้านบนนี้มีเลขรหัส…”
เฉิงเวินหรูเก็บดอกไม้จีนลงไป ไม่ตอบคำถามของเขา เพียงให้เขาขับรถไปที่สถาบันวิจัย
สามวันก่อนหน้านี้ ใบไม้สองใบที่เธอฝากไว้กับสถาบันวิจัยน่าจะได้ข้อสรุปแล้ว
เวลาสี่ทุ่มครึ่ง คนในสถาบันการวิจัยยังทำงานกันไม่เสร็จ จะเข้าสถาบันได้จำเป็นต้องใช้บัตรหรือคนจากด้านในเปิดให้เท่านั้น เฉิงเวินหรูยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของสถาบันการวิจัย พลางคุยโทรศัพท์
ไม่นาน เจ้าหน้าที่วิจัยในชุดขาวก็เดินออกมา นำกระดาษใบหนึ่งส่งให้เฉิงเวินหรู “อันนี้เป็นผลรายงานครับ ใบไม้ทั้งสองใบเป็นพันธุ์เดียวกัน หากจะบอกว่ามีอะไรต่างกัน ก็คงเป็นใบที่หนึ่งยาวกว่าใบที่สองเล็กน้อยครับ”
ที่แท้ใบแรกจากกระถางของฉินหร่านก็ไม่ต่างอะไรกับของตัวเอง
เฉิงเวินหรูสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนรับกระดาษรายงานแผ่นนั้นมา “ขอบคุณค่ะ”
ตอนนี้ค่ำมากแล้ว วันนี้เฉิงเวินหรูจึงไม่ได้กลับคฤหาสน์ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้หลังเลิกงานเสร็จค่อยกลับไป
อีกทั้ง…
เธออยากจะเช็กข้อมูลบางอย่างสักเล็กน้อย
เฉิงเวินหรูนั่งอยู่บนรถ
อดใจไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเฉิงเจวี้ยนประโยคหนึ่ง
[บ้านเพื่อนตัวน้อยของนายเขาทำอะไรกัน?]
เธอรู้ดีว่าเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ให้ของพวกนี้แก่ฉินหร่าน
**
วันรุ่งขึ้น ณ สมาคมไวโอลิน
ฉินอวี่ถือบัตรเดินเข้าชั้นเรียน
เนื่องจากเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เธอต้องเจอกับญาติพี่น้องมากมาย จึงเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานช่วงบ่าย
เธอกังวลเกี่ยวกับประเมินผลไวโอลินทั้งเรื่องรายการของเดือนสิงหาคมปีนี้ วันนี้จึงรีบมาที่สมาคมไวโอลินแต่เช้า
ช่วงเวลาเกือบสิบเดือน คนในสมาคมไวโอลินส่วนใหญ่ต่างรู้จักฉินอวี่ว่าคนผู้นี้ไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นพิเศษ ทว่ามีความเพียรเป็นเลิศ
สิ้นปีที่แล้วเธอสอบได้ระดับห้า
แม้แต่อาจารย์ทางสมาคมไวโอลินก็คิดว่าการสอบในเดือนสิงหาคมปีนี้เธอน่าจะอยู่ระดับหกได้อย่างไร้ข้อกังขา
“ดูสิ คนนั้นคือฉินอวี่…” บ่อยครั้งที่มีคนเห็นเธอมักจะซุบซิบเรื่องเธอ
ฉินอวี่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ รูดบัตรเดินเข้าไป เมื่อได้ยินคนกลุ่มหนึ่งพูดถึง เธอไม่ได้แสดงสีหน้ามากนัก
เมื่อได้ไปรัฐ M ฉินอวี่เข้าใจทันทีว่าสมาคมไวโอลินเมืองหลวงไม่ใช่เวทีสุดท้ายของเธอ เธออยากยกระดับฐานะของตัวเองในเมืองหลวง ทั้งปีนี้ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมการเรียนที่สถาบันศึกษารัฐ M
เธอขึ้นชั้นสอง ขณะที่ประตูลิฟต์ปิด เสียงของกลุ่มที่ยืนพูดคุยเรื่องฉินอวี่อยู่ไม่ไกลก็ดังขึ้น
“ฉินอวี่ที่อยู่อันดับหนึ่งรุ่นเยาวชนนะเหรอ ฉันได้ข่าวมาว่า เดือนหน้าเธอจะได้ขึ้นอันดับหกแล้ว…”
ฉินหร่าน เถียนเซียวเซียวและวังจือเฟิงเดินเข้าลิฟต์ด้วยกัน
ทั้งสามคนก็พึ่งมาถึงชั้นล่าง
“ฉินอวี่เหรอ?” ฉินหร่านหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนี้ครั้งแรก
ระหว่างสามคนนี้ วังจือเฟิงคือคนที่รู้เรื่องในสมาคมมากที่สุด เขาคิดว่าฉินหร่านกำลังถามว่าฉินอวี่คือใคร “ก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ไต้ เป็นคนฝีดีคนหนึ่ง คนในสมาคมไวโอลินต่างรู้ดีกว่าเธอเป็นคนเข้มงวดมาก ฉันว่าการเล่นไวโอลินของเธอต้องถึงระดับหกแน่นอน เจ้าตัวก็เป็นคนแซ่ฉินนะมาจากสกุลเดียวกับเธอเลย”
“ทำไมถึงได้ระดับหกเร็วจัง?” เถียนเซียวเซียวรู้สึกประหลาดใจ การเล่นไวโอลินของเธอนับว่าไม่เลว ทว่าเมื่อเข้าร่วมสมาคมไวโอลินแล้วจึงรู้ว่าฝีมือของเธอเทียบไม่ติดจริงๆ “แต่ว่าหรานหร่าน ทำไมถึงไม่มีอาจารย์คนไหนรับเธอเป็นศิษย์อีกละ? ฉันว่าไต้หรานต้องมาหาเธอแน่”
“ใช่” วางจื่อเฟยมองมายังฉินหร่าน “อาจารย์ไต้ยังไม่ได้ติดต่อเธอมาอีกเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่า”
การที่ไต้หรานรับลูกศิษย์อย่างกว้างขวางกระตุ้นให้เกิดความกดดันต่ออาจารย์เว่ย เพื่อได้เป็นผู้นำของสมาคม
ประตูลิฟต์เปิดออก ฉินหร่านเดินเข้าไป เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอมองเถียนเซียวเซียวและวางจื่อเฟยอยู่แวบหนึ่งโดยไม่ตอบอะไร
**
ชั้นสอง ฉินอวี่เดินตรงไปยังห้องซ้ายมือระดับสี่ห้องแรกที่ตัวเองมักใช้ฝึกซ้อม ในห้องฝึกซ้อมมีสองคนอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ฉินอวี่อยู่ด้วยตั้งแต่ตอนแรก
เมื่อเห็นฉินอวี่เดินเข้ามา ทั้งสองคนจึงทักทายเธอ
“ฉินอวี่ อาจารย์ไต้จะรับลูกศิษย์ไหม?”
เรื่องนักเรียนใหม่ที่อยู่ระดับห้าของปีนี้ ได้กระจายเป็นวงกว้างในสมาคมแล้ว นักเรียนใหม่ต่างพูดถึงฉินอวี่ ส่วนนักเรียนเก่าเหล่านี้ก็ต่างเกรงกลัวฉินหร่าน
นักเรียนเก่ากลุ่มนี้ไม่เหมือนนักเรียนใหม่ที่เข้าใจระบบการแบ่งลำดับของสมาคมมากกว่า แม้ยังไม่เคยผ่านการอบรมจากทางสมาคมแต่ผู้ที่สามารถคว้าระดับห้าได้ด้วยตัวเองดูน่ากลัวกว่ามาก…
มีนักเรียนระดับสามไม่น้อยที่เข้าสมาคมมา ใช้เวลาเรียนอยู่สามปีแต่ก็ไม่อาจคว้าระดับห้าได้
“รับศิษย์เหรอ?” ฉินอวี่หยิบบันทึกเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นวางหนังสือ “เถียนอี้อวิ๋นเหรอ? เธอน่าจะอยู่ระดับสี่นะ อาจารย์น่าจะรับเธอเป็นศิษย์แล้ว”
“ไม่ใช่เธอ” ชายที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้า “นักเรียนระดับห้าคนใหม่คนนั้น…”
“นักเรียนระดับห้า?” ฉินอวี่อึ้งไปสักพัก “นักเรียนใหม่ระดับห้าเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? แล้วเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คนไหน?”
เธอรู้เรื่องเกณฑ์ของนักเรียนระดับห้าดี ถ้าหากไม่ใช่ลูกศิษย์ของอาจารย์ในสมาคมคนไหน ก็ไม่อาจคว้าอันดับห้าด้วยตัวเองได้…
ฉินอวี่ถือสมุดบันทึก พลางเดินไปที่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เปิดอยู่
ก่อนเปิดข้อมูลรายชื่อนักเรียน
อันดับเยาวชน
นักเรียนระดับสูงฉินอวี่ (ระดับห้า)
นักเรียนระดับสูงฉินหร่าน (ระดับห้า)