ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน – ตอนที่ 143 เข้าจวน

ยังไม่ทันที่อวี้ถังจะเข้าพบเผยเยี่ยน คนของสกุลเผยก็เป็นฝ่ายมาหาสกุลอวี้เสียก่อน

ผู้ที่มาเยือนคือพ่อบ้านสามหูซิ่ง

เขาสุภาพนอบน้อมอย่างยิ่ง นั่งในห้องโถงสกุลอวี้เอ่ยกับอวี้เหวินและคนสกุลเฉินอย่างหน้าบานเป็นกระด้ง “…ท่านแม่เฒ่าของพวกเรา ไม่ได้เป็นสตรีที่อยู่ในห้องหับทั่วไป ปีนั้นท่านผู้เฒ่าล้มป่วย เรื่องทั้งหมดในสกุลล้วนมีท่านแม่เฒ่าคอยช่วยจัดการ ทั้งนับตั้งแต่ท่านผู้เฒ่าจากไป ท่านแม่เฒ่าของพวกเราก็ปิดประตูไม่รับแขกอยู่เรื่อยมา แม้แต่พี่น้องของสกุลมารดานายหญิงใหญ่เข้ามา ท่านแม่เฒ่าก็ออกมาพบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น วันนี้กลับเอ่ยว่าอยากเชิญคุณหนูของสกุลเจ้าเข้าจวนไปนั่งเล่นพูดคุย นี่นับเป็นความกรุณาที่ใครหลายคนต่างก็ใฝ่หา พวกเจ้าต้องกำชับคุณหนูอวี้ให้แต่งตัวสวมเสื้อผ้าดีๆ ท่านแม่เฒ่าของพวกเราชื่นชอบคุณหนูหน้าตาน่ารักเป็นที่สุด”

อวี้เหวินคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง

คนสกุลเฉินกลับดีใจจนพูดอะไรไม่ถูก

งานแต่งของอวี้ถังจนถึงยามนี้ก็ยังไม่มีทีท่าอะไร สกุลเผยเป็นสกุลที่โดดเด่นที่สุดในเมืองหลินอัน หากอวี้ถังได้รับความโปรดปรานจากท่านแม่เฒ่า ชื่อเสียงย่อมเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว มีผลดีต่องานแต่งของนางไม่น้อย

“ขอบคุณพ่อบ้านหูอย่างยิ่ง” เพราะหูซิ่งมักจะพาหมอหลวงหยางเข้ามาตรวจสุขภาพนาง คนสกุลเฉินและเขาจึงคุ้นเคยกัน ยามที่พูดคุยจึงไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเหมือนคนอื่น “พวกเราย่อมไม่อาจทำลายความปรารถนาดีของพ่อบ้านหู ท่านนั่งพักสักครู่เถิด ข้าจะให้คนเตรียมงานเลี้ยงสุรา ให้นายท่านเราได้ดื่มสุรากับท่านสักกาสองกา”

คนสกุลเฉินบอกเป็นนัยให้ป้าเฉินไปเตรียมพวกของขวัญส่งให้หูซิ่ง

หูซิ่งโบกไม้โบกมือ “พวกเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล นายหญิงอวี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้าเช่นนี้ ข้าได้รับคำสั่งจากท่านแม่เฒ่า เตรียมจะไปหาทางเถ้าแก่ใหญ่ถง แต่บังเอิญพบผู้ดูแลมาส่งจดหมายให้พวกเจ้าที่หน้าประตูเสียก่อน ข้าจึงเป็นฝ่ายอาสารับหน้าเข้ามา ข้ายังมีธุระทางด้านนั้น รอสะสางเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว จะหาโอกาสมาเยี่ยมเยือนนายท่านอวี้อีกครั้ง”

เขาขบคิด หากครั้งนี้ท่านแม่เฒ่าถูกชะตากับคุณหนูอวี้ สกุลอวี้และสกุลเผยคงจะเริ่มไปมาหาสู่กันแน่ ถึงเวลานั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมาประจบประแจง สานสัมพันธ์กับสกุลอวี้ให้สนิทสนมขึ้นไปอีกขั้น

อวี้เหวินได้ฟังก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟังจากพ่อบ้านหูแล้ว หรือยามนี้ท่านอยู่คอยรับใช้เบื้องหน้าท่านแม่เฒ่าแล้ว?”

หูซิ่งยิ้มจนตากลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว “ท่านช่างหูตาว่องไวจริงๆ ไม่กี่วันก่อนมีโอกาสช่วยท่านแม่เฒ่าสะสางงาน ท่านแม่เฒ่าเห็นว่าใช้การได้ จึงให้ข้ารับใช้อยู่เบื้องหน้านางโดยเฉพาะ ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่ใหญ่ถงดูแลโรงจำนำในเมืองหลินอันหรอกรึ? อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของนายหญิงใหญ่ซ่ง ท่านแม่เฒ่าให้ข้าไปดูว่าทางเขามีของหายากอะไรหรือไม่ จะเลือกไปเป็นของขวัญสักสองสามชิ้น”

อวี้เหวินไม่อาจรั้งเขา จึงไปส่งเขาออกจากประตูด้วยตนเอง

ด้านคนสกุลเฉินกลับรีบเตรียมตัว วิ่งไปหาอวี้ถัง บอกถึงจุดประสงค์ที่หูซิ่งมา เตรียมจะดึงนางให้ไปร้านขายเครื่องเงินด้วยกัน “ต้องไปดูเสียหน่อยว่ามีเครื่องประดับแบบใหม่บ้างหรือไม่ ยังต้องซื้อเสื้อผ้าสักสองสามตัว ข้าได้ยินมาว่า สกุลเฉียนเป็นสกุลขุนนางมาหลายยุคสมัย เป็นหนึ่งในสี่สกุลใหญ่ของเจียงหนาน หากไม่ใช่ว่าท่านผู้เฒ่าเผยรูปลักษณ์สง่างามจริงๆ ผู้อาวุโสของสกุลเฉียนก็คงไม่ถูกใจท่านผู้เฒ่าเผยหรอก เวลานั้นนับว่าท่านแม่เฒ่าแต่งให้กับสกุลที่ด้อยกว่า”

อวี้ถังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ชาติก่อน ยามที่นางเพิ่งเริ่มคลุกคลีกับพวกสตรีญาติพี่น้องในสกุลหลี่ก็กดดันไม่น้อย ภายหลังพบว่า บางครั้งยิ่งเจ้าทำตัวตามปกติมากเท่าใด ก็ยิ่งจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ง่ายเท่านั้น

แต่ว่าเผยเยี่ยนเห็นความสำคัญของรูปลักษณ์ถึงเพียงนั้น ทั้งนับเป็นครั้งแรกที่นางจะเข้าพบสตรีของสกุลเผยอย่างเป็นทางการ ย่อมต้องแต่งตัวให้เหมาะสมที่สุด ถือเป็นการให้ความเคารพท่านแม่เฒ่าเผยเช่นกัน เพียงแต่เช้าตรู่วันที่นางไปสกุลเผย ฝนกลับตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ท้องฟ้ามืดครึ้มอยู่บ้าง นางตั้งใจเลือกเสื้อคลุมสีแดงขอบสีเหลืองอ่อนลูกพลับ เสื้อตัวในคอตั้งสีขาว เย็บไข่มุกขนาดเท่าเม็ดบัวเป็นกระดุม เข้ากับต่างหูไข่มุกคู่ที่สวมประดับ ศีรษะนั้นปักปิ่นดอกบัวคู่สีเหลืองอ่อน อวี้ถังที่แต่งกายเสร็จแล้วจึงสะโอดสะองสง่างามอย่างเห็นได้ชัด ผิวขาวกระจ่างราวหิมะ พาให้ห้องโถงที่มืดครึ้มเปลี่ยนเป็นสว่างไสวขึ้นมาทันที

ป้าเฉินเอ่ยชมอย่างไม่ขาดปาก “คุณหนูของพวกเราควรแต่งตัวดีๆ เช่นนี้สิเจ้าคะ พวกท่านดูเถิด พอแต่งตัวแล้ว ราวกับเทพธิดามาจุติเมืองมนุษย์ก็มิปาน”

คนสกุลเฉินเม้มปากแย้มยิ้ม เห็นได้ชัดว่าคิดพ้องตรงกับคำพูดป้าเฉิน

อวี้ถังมองตัวเองที่ทาแป้งในกระจก ตกตะลึงไปชั่วครู่

ชาติก่อน แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยแต่งตัวอย่างนี้ ทั้งไม่มีโอกาสได้ส่องกระจกอย่างละเอียดดั่งยามนี้มาก่อน คาดไม่ถึงว่าหน้าตานางยังงดงามไม่น้อยจริงๆ ไม่แปลกใจที่ชาติก่อนหลังจากกู้ซีรู้ว่าหลี่ตวนปรารถนาในตัวนาง ทุกครั้งที่มองนาง แววตาจึงเผยความเกลียดชังทั้งแฝงด้วยความอิจฉาอยู่หลายส่วน

แต่หญิงสาวย่อมมีนิสัยรักสวยรักงาม

นางแต่งตัวงดงามน่ามอง ตัวเองเห็นแล้วยังชื่นชอบ นับประสาอะไรกับคนอื่น

อวี้ถังนั่งหวีผมเติมแป้งอยู่หน้ากระจก มองมารดาแต้มชาดสีชมพูให้นาง ยิ่งขับให้หน้าตัวเองกระจ่างใสขึ้นมาอีก

นางเงยหน้าส่งยิ้มให้มารดา

คนสกุลเฉินลูบศีรษะนางอย่างมีเมตตา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เกี้ยวเตรียมพร้อมแล้ว ยามที่เข้าไปจำไว้ว่าต้องระวังคำพูดสงวนกิริยาให้ดี หากท่านแม่เฒ่าให้รางวัลอะไร เจ้าก็รับไว้อย่างใจกว้าง อย่างไรภายหลังพวกเราค่อยส่งของขวัญตอบแทน ยามที่ถามเจ้า ถามอะไรก็ตอบไปตามนั้น ยอมให้คนอื่นรู้สึกว่าหัวอ่อนรังแกง่าย ดีกว่าเห็นว่าปลิ้นปล้อนตลบตะแลง ไม่มีมารยาท เข้าใจหรือไม่?”

อวี้ถังผงกศีรษะระรัว ขอบตารื้นชื้นขึ้นมา

ชาติก่อน มารดาไม่ได้มีชีวิตอยู่อบรบสั่งสอนนางจนถึงยามนี้

ชาตินี้นางมีทั้งมารดาและบิดาคอยปกป้อง ย่อมสามารถใช้ชีวิตอย่างราบรื่น

นางกอดเอวมารดา กลัวว่าแป้งจะเปื้อนเสื้อมารดา จึงไม่ได้ฝังหน้าลงไปในอ้อมอก เพียงโอบมารดาไว้หลวมๆ เท่านั้น

คนสกุลเฉินกำชับซวงเถา “ในห่อผ้าเป็นเสื้อผ้าเครื่องประดับให้คุณหนูผลัดเปลี่ยน เจ้าต้องดูดีๆ ไม่ใช่พอถึงยามเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไม่มีการเตรียมตัว สร้างความขบขันให้แก่คนสกุลเผย พูดให้น้อย ฟังและมองให้มาก ในเมื่อเจ้าเข้าจวนไปกับคุณหนู ก็นับว่าเป็นหน้าตาของคุณหนู ทั้งเป็นหน้าตาของสกุลอวี้พวกเราเช่นกัน หากทำเรื่องผิดพลาด ทุกคนจะไม่ตำหนิเพียงเจ้า แต่จะตำหนิสกุลอวี้ทั้งหมด”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” ซวงเถาแทบจะกล่าวสาบาน เอ่ยด้วยด้วยสีหน้าขึงขัง “ข้าย่อมไม่อาจให้คนสกุลเผยดูแคลนได้เจ้าค่ะ”

อวี้ถังเอ่ย “เจ้าอย่าตึงเครียดเพียงนั้น ปกติไปสกุลเผยทำตัวอย่างไรก็ทำเช่นนั้นแหละ ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจย่อมดีที่สุด”

ซวงเถารับปาก แต่ยังคงไม่ผ่อนคลายแต่อย่างใด กลับจริงจังยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก

อวี้ถังหลุดขำ ก่อนจะพาซวงเถาไปสกุลเผย โดยมีอาเสาคอยดูแลคุ้มครอง

เพราะไปเข้าพบท่านแม่เฒ่าเผย เกี้ยวจึงหยุดลงที่ประตูฉุยฮวา[1]

คาดไม่ถึงว่าผู้ที่มาต้อนรับจะเป็นคนคุ้นเคย…จี้ต้าเหนียง ผู้ที่เคยมาต้อนรับนางในยามที่มาเคารพศพท่านผู้เฒ่าเผย

จี้ต้าเหนียงและเถ้าแก่ถงใหญ่ยังเป็นสกุลที่เกี่ยวดองกันทางการแต่งงาน

อวี้ถังจึงรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยขึ้นไปอีก

นางเรียก ‘จี้ต้าเหนียง’ อย่างอ่อนหวาน

เดิมทีจี้ต้าเหนียงยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยามที่เห็นนางมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย จนเมื่อได้ยินเสียงอวี้ถังตะโกนเรียก ก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ยเสียงเบา “คุณหนูอวี้ ตามข้ามาเถิดเจ้าคะ”

“อืม!” อวี้ถังขานรับ อดเอ่ยเสียงแผ่วเบาไม่ได้ “จี้ต้าเหนียง ยามนี้ท่านคอยรับใช้ในห้องท่านแม่เฒ่ารึ?”

จี้ต้าเหนียงผงกศีรษะ “หลังจากท่านผู้เฒ่าจากไป ท่านแม่เฒ่าก็ปลดคนจำนวนหนึ่งออกไป สกุลข้าดูแลรับใช้สกุลเผยมาหลายยุคสมัย ย่อมต้องรั้งอยู่ในจวน ท่านแม่เฒ่าจึงให้ข้าเป็นผู้ดูแลจัดการในห้องของนาง”

ก็หมายความว่า เพราะปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่เฒ่า พวกนายท่านคุณชายของสกุลเผยเห็นนางล้วนต้องให้ความเคารพนับถือไปด้วย

“ไอหยา! ยินดีกับท่านด้วย!” อวี้ถังดีใจแทนนาง

จี้ต้าเหนียงส่งยิ้มให้นาง คิดว่าคุณหนูสกุลอวี้ผู้นี้นิสัยดีจริงๆ นอกจากพูดคุยกระทำเรื่องด้วยความอ่อนโยนแล้ว ยังมักยิ้มแย้มแจ่มใส พาให้คนชื่นชอบ นิสัยดีกว่าพวกคุณหนูบางคนของสกุลเผยเสียอีก

ไม่แปลกใจที่นายท่านสามมักจะเอ่ยถึงคุณหนูอวี้ต่อหน้าท่านแม่เฒ่าทั้งยามตั้งใจและไม่ตั้งใจ ยังให้พวกนางที่รับใช้ข้างกายท่านแม่เฒ่าคอยโน้มน้าวให้นางรับคุณหนูอวี้เข้ามาเที่ยวเล่นในจวน

ท่านแม่เฒ่าเห็นแล้วคงจะเอ็นดูเป็นแน่

เพราะมีคนคุ้นเคย ทั้งพูดคุยกันไปตลอดทาง อวี้ถังจึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วราวชั่วพริบตา

พวกนางหยุดลงหน้าเรือนใหญ่ที่กว้างประมาณห้าห้อง ยืนคอยอยู่ด้านหน้าหน้าต่างลายฉลุสีดำที่คลุมด้วยผ้าขาวบาง ก่อนจะมีสาวรับใช้ที่สวมชุดผ้าต่วนสีขาว เลิกม่านไม้เข้าไปรายงาน

ไม่นานหญิงรับใช้วัยกลางคนสวมเสื้อกั๊กยาวปี๋เจี่ยผ้ากำมะหยี่ รูปร่างท้วมผิวขาวก็ยิ้มตาหยีออกมาต้อนรับนาง “คงเป็นคุณหนูอวี้กระมัง? ข้าคือเฉินต้าเหนียงที่คอยรับใช้ในห้องท่านแม่เฒ่า ท่านแม่เฒ่ากำลังรอท่านอยู่ รีบตามข้าเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ”

อวี้ถังเห็นข้อมือของหญิงรับใช้สวมกำไลทองขนาดก้านบัว คาดว่านางคงเป็นหญิงรับใช้ที่มีหน้ามีตาของท่านแม่เฒ่า จึงขอบคุณนางด้วยรอยยิ้มก่อนจะตามนางเข้าไปในห้อง

ยามนี้ยังไม่ถึงฤดูหนาว ในห้องของท่านแม่เฒ่าก็จุดเตาให้ความร้อนใต้เตียงเสียแล้ว ไอร้อนวูบหนึ่งปะทะเข้ามา พาให้หน้าผากอวี้ถังชื้นเหงื่อทันที

จี้ต้าเหนียงเอ่ยเตือนนาง “ถอดเสื้อคลุมให้ข้า ยามที่ท่านกลับค่อยมารับที่ข้า”

อวี้ถังรีบถอดเสื้อคลุมออก ก่อนจะตามเฉินต้าเหนียงเข้าไปในห้องชื่อเจียน[2]ทางตะวันออก

ห้องชื่อเจียนนั้นทะลุกับห้องเซาเจียน[3]เป็นโถงใหญ่ทั้งสองห้อง ตู้วางติดกำแพงรอบห้องเต็มไปด้วยหนังสือตำรา ตรงกลางมีตั่งนอนตัวหนึ่ง ปูด้วยฟูกรองนั่งสีแดงสด ด้านซ้ายของตั่งตั้งโอ่งเครื่องเคลือบลายครามไว้หนึ่งใบ เลี้ยงบัวสายและปลาจิ๋นหลี่ ด้านหน้าโอ่งมีผู้หญิงสวมเสื้อคลุมผ้าหังโฉวเนื้อหยาบสีอ่อน รูปร่างสูงเพรียว เส้นผมดำขลับ มือที่ขาวซีดถือถ้วยสีขาวเล็กๆ กำลังให้อาหารปลาในโอ่ง

สาวใช้พวกนั้นค้อมศีรษะ ยืนอยู่ตรงมุมห้องอย่างเงียบเชียบ ยามที่อวี้ถังเดินเข้ามากลับมองไม่เห็นแต่อย่างใด

“คุณหนูอวี้เข้ามาแล้วรึ!” หญิงคนนั้นได้ยินความเคลื่อนไหวก็หมุนกายกลับมา

อวี้ถังตกใจอย่างยิ่ง

หญิงผู้นั้นหน้าตาคล้ายเผยเยี่ยนถึงห้าหกส่วน ตาคมสว่างไสว ดูเฉียบแหลมอยู่บ้าง ยามที่มองอวี้ถังก็ราวกับสามารถมองทะลุตับไตไส้พุง พาให้คนที่อยู่เบื้องหน้านางรู้สึกตัวสั่นงันงกอย่างไม่อาจหลบหลีกได้

นี่ก็คือท่านแม่เฒ่าเผยอย่างนั้นรึ?

อวี้ถังยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยสีหน้ามึนงงอยู่บ้าง

แม้ว่าหางตาและหน้าผากจะมีรอยย่น แต่ดูแล้วอย่างมากสุดก็อายุประมาณสี่สิบกว่าปีเท่านั้น ไม่คล้ายกับคนที่มีลูกชายคนโตอย่างนายท่านใหญ่เผยสักนิด ยิ่งมองไม่ออกว่าเป็นนายหญิงผู้เฒ่าที่ครองตัวเป็นม่ายคนหนึ่ง

นางทำได้อย่างไรกัน!

อวี้ถังรู้สึกว่าชาติก่อนที่ตัวเองเป็นม่าย ยังไม่อาจมีสง่าราศีดั่งเช่นท่านแม่เฒ่าเผยได้เลย

ท่านแม่เฒ่าเผยเห็นก็หัวเราะ

น่าสนใจดังที่คาด

ไม่แปลกใจที่ลูกชายนางจะวางแผนทั้งที่ลับที่แจ้งให้เรียกคุณหนูผู้นี้เข้าจวนมาพูดคุยเป็นเพื่อนเล่นนาง

สาวใช้ข้างกายนางกลับดูปีติยินดี แต่ความปีติยินดีนั้นก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเสแสร้ง เด็กสาวไม่กี่คนในจวนล้วนรูปลักษณ์งดงาม วาจาคมคาย แต่มักระมัดระวังตัวเกินไป อยากจะเอาใจนางกลับคิดถือเนื้อถือตัว ยังมิสู้สาวใช้ข้างกายที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจกว่า

ท่านแม่เฒ่าส่งถ้วยเล็กในมือให้สาวใช้ด้านข้าง รับผ้าร้อนที่เฉินต้าเหนียงยื่นมาเช็ดมือ ก่อนเอ่ยว่า “นั่งลงคุยกันเถิด!”

—————-

[1]ประตูฉุยฮวา เป็นประตูที่มักพบในเรือนแบบสี่ประสาน จะกั้นแบ่งระหว่างลานด้านหน้าและเรือนด้านใน

[2]ห้องชื่อเจียน เป็นห้องที่อยู่ด้านข้างห้องหลัก

[3]ห้องเซาเจียน ห้องที่อยู่ถัดจากห้องชื่อเจียน

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ห้วงเวลาบุปผาผลิบานเปลวเพลิงสูงเสียดฟ้า เสียงแตก ‘เปรี๊ยะๆ’ ดังต่อเนื่อง แสงฉาบบนฟากฟ้าที่แดงก่ำไปครึ่งหนึ่ง คลื่นร้อนระอุลูกแล้วลูกเล่าแข่งกันโหมตัวสูง คนที่วิ่งผ่านไปมาล้วนร้องตะโกนว่า “ไฟไหม้! ไฟไหม้!” สองขาของอวี้ถังอ่อนยวบ หากไม่ใช่ซวงเถาประคองนางไว้ เกรงว่านางคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!” เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ซวงเถาตกใจจนพูดติดขัด “เหตุใดเป็นเช่นนี้? มิใช่ว่าผู้คุมของสกุลเผยกับคนของศาลาว่าการจะมาเดินลาดตระเวนตรวจตราร้านค้าของพวกเขายามดึกหรือ นายท่านสามบอกว่าหน้าร้อนปีนี้จะร้อนหนัก อากาศแห้งแล้ง น่ากลัวจะเกิดไฟไหม้ หลายวันก่อนยังสั่งเป็นพิเศษให้คนวางโอ่งน้ำใหญ่สามสิบแปดใบไว้สองฝั่งของถนนฉางซิ่ง ทุกวันก็ให้เถ้าแก่แต่ละร้านคอยเติมน้ำให้เต็มโอ่ง ถนนฉางซิ่งจะไฟไหม้ได้อย่างไร? แล้วร้านค้าของสกุลเราจะเป็นเช่นไรล่ะเจ้าคะ?” จริงด้วย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset