Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1936 คนเรามีพรากย่อมต้องมีพบเจอ

ตอนที่ 1936 คนเรามีพรากย่อมต้องมีพบเจอ

 เสี่ยวฉง เป็นไปได้ว่าเจ้าหนูนี่ก็มาถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราแล้วเช่นกัน 

ชายวัยกลางคนชุดเขียวกล่าวเสียงนุ่ม  เจ้าลองคิดดู ปีนั้นวีรกรรมที่เขาก่อในแหล่งสถานคุนหลุนใหญ่โตปานใด ทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารายังถูกทำให้สะท้านสะเทือน 

เด็กสาวชุดขาวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวว่า  ท่านพ่อ ก็เพราะข้าเป็นห่วงพี่หลินสวิน ถึงได้คิดถึงเขามาก 

ชายวัยกลางคนชุดเขียวเอ่ยเสียงขรึม  ปีนั้นยามแหล่งสถานคุนหลุนปิดม่าน บนเส้นทางที่เชื่อมสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราถูกปิดล้อมไว้แน่นหนา แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีใครพบร่องรอยของเจ้าหนูนี่ หนำซ้ำหลายปีมานี้ในทั่วหล้าฟ้าดาราก็ไม่เคยมีใครเห็นเจ้าหนูนี่มาก่อน ดังนั้นข้าถึงได้สงสัยว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะกลับไปดินแดนรกร้างโบราณอีกครั้งแล้ว 

เด็กสาวชุดขาวอึ้งไป กล่าวว่า  ท่านพ่อ ท่านกำลังบอกว่าหากอยากพบพี่หลินสวิน ก็ยังต้องกลับไปดินแดนรกร้างโบราณหรือ เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่ไปตอนนี้เลยเล่า ข้าไม่มีแก่ใจจะไปชมงานชุมนุมถกมรรคนี่หรอก 

ชายวัยกลางคนชุดเขียวยิ้มขื่นกล่าวว่า  เสี่ยวฉง หาใช่เพราะข้ากีดกันเจ้าไม่ให้พบเจ้าหนูนี่ แต่เพราะดินแดนรกร้างโบราณนั่นถูกพลังต้องห้ามปิดครอบนานแล้ว ปีนั้นตอนที่ข้าพาเจ้ากลับจากดินแดนรกร้างโบราณ ยังต้องเสียค่าตอบแทนไปไม่น้อย 

เด็กสาวชุดขาวทอดถอนใจเนือยๆ กล่าวอย่างท้อแท้  เช่นนี้เรื่องนี้ควรจะทำอย่างไรดี 

ชายวัยกลางคนชุดเขียวเพิ่งตั้งท่าจะพูดอะไร ส่วนลึกกลางนัยน์ตาก็ผุดประกายแปลกประหลาดออกมาพลัน

ฟุ่บ!

เกือบจะในทันที พลังเจตจำนงน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็พุ่งออกจากรถศึกเก้าสวรรค์อย่างไร้สุ้มเสียง แผ่ครอบไปทางยานสมบัติที่พวกหลินสวินอยู่

ร่างของก้วนซวีแข็งทื่อ ขนลุกขนชัน แม้แต่หายใจยังลำบาก

ในใจเขาหวาดผวา

นี่… หรือว่าจะกลิ่นอายเป็นจักรพรรดิกระบี่ยอดมาร

และพร้อมกันนั้นพวกหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ อู่หวง เซี่ยอวี่ฮวาทั่วร่างต่างไม่เป็นตัวของตัวเองไปพักหนึ่ง ดุจดั่งถูกประมุขสวรรค์จับจ้อง ความลับทั้งภายในและนอกรู้สึกประหนึ่งถูกสอดส่องจนหมดเปลือก

นี่คือ?

พวกเขาต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี

‘ผู้น้อยก้วนซวีสำนักยุทธ์ว่างเปล่าคารวะผู้อาวุโส หากมีจุดล่วงเกินประการใด หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย’

ก้วนซวีค้อมกายคารวะพลางสื่อจิต

หัวใจของเขาเต้นถี่รัว เหงื่อเม็ดเป้งหลั่งไหล

เขากล้าฟันธงว่าพลังเจตจำนงน่าสะพรึงสายนั้นต้องมาจากจักรพรรดิกระบี่ยอดมาร นี่เป็นถึงหนึ่งในสามจอมจักรพรรดิมรรคมารฟ้าดาราเชียว!

ยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าที่สามารถเทียบกับเจ้าสำนักหกเรือนมรรคใหญ่ได้!

ต่อให้ขาข้างหนึ่งของก้วนซวีเหยียบย่างระดับระดับจักรพรรดิแล้ว ทว่าเวลานี้ยังรู้สึกระส่ำระสาย ประหนึ่งเล็กจ้อยเหมือนมดแมลงตัวหนึ่งก็ไม่ปาน

‘เจ้าหนุ่มคนแรกที่อยู่ด้านซ้ายของเจ้าชื่อว่าอะไร แล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร’

เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในจิตของก้วนซวี แผ่วพลิ้วลอยล่อง ดุงดั่งสัทครรลองมหามรรค แต่กลับมีบารมีสูงส่งอันไร้รูปอย่างหนึ่ง

ก้วนซวีนัยน์ตาหดรัด ยังคงเกร็งหนังศีรษะเอ่ยว่า ‘เรียนผู้อาวุโส คนผู้นี้ชื่อจินตู๋อี อันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆา…’

เสียงสายนั้นร้องอ้อคราหนึ่งก็อันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง

และพร้อมกันนั้น กลิ่นอายน่าสะพรึงที่ปิดครอบบนตัวพวกก้วนซวี ลู่ตู๋ปู้ก็พลอยหายไปด้วย ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง

มีเพียงหลินสวินที่เหมือนมีหนามทิ่มหลัง ร่างกายแข็งทื่อ

เพราะว่ากลิ่นอายน่าสะพรึงสายนั้นเหมือนกับลำแสงแหลมคม กำลังสำรวจทุกอย่างรอบกายเขาตั้งแต่บนลงล่าง ทำเอาเขารู้สึกไร้กำลังประหนึ่งแพะรอโดนเชือดอย่างไรอย่างนั้น

พักใหญ่เสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้นในสภาวะจิตของเขา ‘เจ้าหนุ่ม ข้าตั้งตาคอยผลงานในงานชุมนุมถกมรรคของเจ้ายิ่ง’

น้ำเสียงแผ่วพลิ้ว จากนั้นก็เลือนหายไป

หลินสวินอึ้งไป นี่หมายความว่าอย่างไร

เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นรถศึกเก้าสวรรค์นั่นควบทะยานไปไกลๆ ภายใต้การลากจูงของนกปี้ฟางแปดหัวนานแล้ว

 พวกเราก็ไปกันเถอะ 

และพร้อมกันนั้นก้วนซวีก็เอ่ยปากราวกับยกภูเขาออกจากอก ไม่กล้าโอ้เอ้อีก ขับเคลื่อนยานสมบัติมุ่งหน้าต่อไป

บนรถศึกเก้าสวรรค์

ชายชุดเขียวกล่าวยิ้มๆ  เสี่ยวฉง พวกเราไม่จำเป็นต้องไปดินแดนรกร้างโบราณแล้ว 

เด็กสาวชุดขาวอึ้งงัน  ทำไมหรือ 

ชายชุดเขียวยืดตัวขึ้นช้าๆ สายตาจับจ้องบุตรสาว  ข้ารับรอง งานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้เจ้าต้องไม่ผิดหวังแน่นอน 

เด็กสาวชุดขาวครุ่นคิดพักหนึ่ง นัยน์ตำดำทอประกายวาบ กล่าวอย่างกระโดดโลดเต้น  ท่านพ่อ นี่ท่านคงไม่ได้จะบอกว่าพี่หลินสวินจะปรากฏตัวในงานชุมนุมถกมรรคหรอกกระมัง 

ในใจชายชุดเขียวลอบชื่นชม สมกับเป็นบุตรสาวของข้าซย่าสิงเลี่ย ตาแหลมคมนัก!

 ไปดูสักหน่อยเดี๋ยวก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ 

เขาหัวเราะลั่นอย่างเบิกบาน

ลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายเด็กสาวชุดขาวก็พยักหน้า

‘หรือว่าฐานะของข้าถูกมองออกแล้ว’

บนยานสมบัติ ในใจหลินสวินตกใจแกมสงสัยระลอกหนึ่ง

ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยก็ไม่ได้เกิดเหตุพลิกผันอะไร ยังพอให้หลินสวินลอบถอนใจโล่งอกอยู่ เมื่อครู่ยามถูกกลิ่นอายจักรพรรดิกระบี่ยอดมารจับจ้อง รสชาตินั้นช่างทรมานถึงขีดสุด

เขาพลิกฝ่ามือคราหนึ่ง ปรากฏยันต์อักษรเขียวมรกตชิ้นหนึ่ง

บนยันต์อักษร ประทับอักษรมรรคที่ผยองถือดีประหนึ่งแข็งแกร่งทรงพลัง…

ซย่า!

คำเดียว กลับเสมือนจอมจักรพรรดิมาเยือนเก้าชั้นฟ้า เจือกลิ่นอายเหยียดหยันโลกหล้า สะท้านสะเทือนแปดทิศอยู่รำไร

ยันต์อักษรชินนี้ เป็นสิ่งที่ซย่าสิงเลี่ยบิดาของซย่าเสี่ยวฉงมอบให้ตอนอยู่ดินแดนรกร้างโบราณ

จนบัดนี้หลินสวินก็ยังไม่ลืมเลือน ครานั้นยามที่ซย่าสิงเลี่ยพาซย่าเสี่ยวฉงจากไป เหยียบย่างก้าวเดียวก็ทะลวงเวิ้งฟ้า เหินจรจากไป

พลังกฎระเบียบฟ้าดินยังไม่สามารถยับยั้งการจากไปของเขาได้ ท่วงท่าเผด็จการเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่ทำให้หลินสวินตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่า ‘ฝ่าทะลวงสวรรค์’!

และทำให้เขาพอจะตัดสินได้ว่าบิดาของซย่าเสี่ยวฉง น่าจะเป็นระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง!

และเมื่อครู่ยามรถศึกเก้าสวรรค์ปรากฏตัว ยันต์อักษรที่ซย่าสิงเลี่ยมอบให้นี้จู่ๆ ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

จากนั้นกลิ่นอายของจักรพรรดิกระบี่ยอดมารคนนั้นก็แผ่ครอบลงมา…

พอนึกถึงคำพูดประโยคนั้นที่อีกฝ่ายพูดเมื่อครู่ ในหัวหลินสวินก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…

จักรพรรดิกระบี่ยอดมารคนนี้… คงจะไม่ใช่บิดาของซย่าเสี่ยวฉงกระมัง

นึกถึงตรงนี้เขาก็หยัดกายขึ้นเงียบๆ แล้วไปหาก้วนซวีตามลำพัง เอ่ยว่า  ผู้อาวุโส พอจะเล่าเรื่องของจักรพรรดิกระบี่ยอดมารคนนี้ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ 

ก้วนซวีครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า  จักรพรรดิกระบี่ยอดมารแจ้งมรรคในยุคบรรพกาล พลังต่อสู้ลึกล้ำสุดหยั่ง ผลงานต่อสู้ที่เลื่องชื่อที่สุด คือปีที่เขาหนึ่งคนหนึ่งกระบี่มุ่งหน้าไปท้าประลองกับเรือนมรรคเหล่ามารเพียงลำพัง 

 ตอนนั้นมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิห้าคนของเรือนมรรคเหล่ามารมารับคำท้า ทว่าต่างพ่ายแพ้ภายใต้คมกระบี่ของจักรพรรดิกระบี่ยอดมารอย่างไม่มีข้อยกเว้น 

 จากการต่อสู้ครานี้ ชื่อเสียงของจักรพรรดิกระบี่ยอดมารก็กึกก้องทั่วหล้าอย่างที่สุด ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามจอมจักรพรรดิมรรคมาร 

 ส่วนที่มาของเขา เรียกได้ว่าพูดกันไปต่างๆ นานา จนบัดนี้ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด คนทั่วหล้ารู้เพียงว่าเขาชื่อซย่าสิงเลี่ย 

เมื่อฟังถึงตรงนี้นัยน์ตาของหลินสวินก็หดรัดทันควัน ในใจสะท้าน!

ซย่าสิงเลี่ย!

บิดาของซย่าเสี่ยวฉงถึงกับเป็นเจ้าตำหนักมหามรรคเก้าฟ้า จักรพรรดิกระบี่ยอดมารที่ชื่อเสียงเกรียงไกรทั่วหล้า!

จากสภาวะจิตของหลินสวินยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ ความจริงข้อนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ยากจะเชื่อไปพักหนึ่ง

จนกระทั่งเนิ่นนานเขาจึงสงบสติอารมณ์ลงมา ในที่สุดก็เข้าใจ จักรพรรดิกระบี่ยอดมารน่าจะระบุตัวตนของตนผ่านยันต์อักษรสีเขียวชิ้นนั้น!

‘ผู้อาวุโสซย่าสิงเลี่ยมาแล้ว เสี่ยวฉงจะติดตามอยู่ข้างกายเขาด้วยหรือไม่’

หลินสวินคิดสะระตะ ‘หนำซ้ำผู้อาวุโสซย่าสิงเลี่ยก็น่าจะดูออก ว่าหากฐานะของข้าถูกเปิดโปงก็จะเรียกคลื่นลมระลอกใหญ่ ถึงได้ทำไม่รู้จักกับข้ากระมัง’

 เตรียมตัวให้พร้อม ใกล้จะถึงภูเขาเทพแสงเขียวแล้ว 

ทันใดนั้นก้วนซวีเอ่ยปากขึ้น

ก็เห็นส่วนลึกของเส้นทางห้วงอากาศที่ราวกับขุ่นมัวคลุมเครือ ปรากฏประตูเจิดจ้าขึ้นบานหนึ่ง

ยามเมื่อยานสมบัติที่พวกหลินสวินอยู่เข้าไปข้างในนั้น ก็อันตรธานหายไปโดยพลัน

ตูม!

เกิดแรงสั่นสะเทือนคล้ายฟ้าดินพลิกคว่ำระลอกหนึ่ง ภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปดุจดั่งดาราเคลื่อนโคจร

ยามเมื่อสายตามองเห็นชัดเจน โลกงามวิจิตรประหนึ่งแดนเซียนแห่งหนึ่งก็สะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตาของทุกคน

ก็เห็นเวิ้งฟ้าไกลโพ้นมีประกายแสงมงคลพวยพุ่ง ไอแรกกำเนิดวิวัฒน์กลายเป็นพยับหมอกสายแล้วสายเล่า โปรยปรายลงมาจากเวิ้งฟ้า

บนพื้นดินเทือกเขากว้างใหญ่ ยอดเขาเรียงเป็นทิวแถว

ภูเขาแต่ละลูกต่างวิจิตรตระการตา สาดประกายศักดิ์สิทธิ์ แผ่ซ่านกลิ่นอายดั้งเดิม เก่าแก่ และมั่นคงศักดิ์สิทธิ์ออกมา

เพียงแค่มองจากไกลๆ พวกหลินสวินก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน

ฟ้าดินแห่งนี้เหมือนแดนเซียนในตำนาน กลางห้วงอากาศคละคลุ้งด้วยกลิ่นอายมหามรรค สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ยามหายใจไอวิญญาณเข้มข้นจะไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายประหนึ่งน้ำพุหวานล้ำแรกบรรพกาล แผ่กระจายทุกอณูในร่าง ทำให้ผู้คนผ่อนคลายเบาสบาย

ภูเขาเทพแสงเขียว!

ลือกันว่าในตอนแรกฟ้าดินแห่งนี้เป็นแดนแห่งปริศนาแห่งหนึ่ง ต่อมาถูกบรรพจารย์ของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ค้นพบ และยังได้รับมหาสมบัติแรกกำเนิด ‘ศิลามรรคโลกาสวรรค์’ ที่ถือกำเนิดในภูเขาลูกนี้ นับตั้งแต่นั้นเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็เกิดขึ้นมา!

แลนับจากนั้นภูเขาเทพแสงเขียวก็กลายเป็นสถานที่แห่ง ‘เรือนมรรค’ แห่งหนึ่งที่คนทั่วหล้าต่างรู้จัก ดำรงอยู่สืบมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดจนถึงปัจจุบัน

เวลานี้สถานที่ที่พวกหลินสวินอยู่ ตั้งอยู่นอกประตูภูเขาของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ทิวทัศน์ที่มองเห็นในสายตาก็เรียกได้ว่าวิจิตรตระการสุดขีด

 พวกเจ้าตามข้ามา อย่าได้เดินเพ่นพ่านกันเอง 

ก้วนซวีเก็บยานสมบัติแล้วพาพวกหลินสวินทั้งสิบคนโรยตัวลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา มาหยุดอยู่หน้าประตูภูเขาแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีเงาร่างมากมายรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว ล้วนเหมือนกับพวกหลินสวิน เป็นสิบอันดับแรกที่มาจากแคว้นอื่นๆ ในโลกใหญ่หงเหมิง

 สหายยุทธ์จากแคว้นเมฆาเชิญรออยู่ที่นี่ประเดี๋ยว 

ชายหนุ่มสวมชุดเข้มจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์คนหนึ่งกวักมือเรียกจากที่ไกลๆ ท่าทางไม่ดีไม่ร้าย ไม่อ่อนน้อมไม่โอหัง

 ลำบากสหายน้อยนำทางแล้ว 

ก้วนซวีประสานมือคารวะ พาพวกหลินสวินเดินเข้าไป

เขาเป็นถึงเจ้าสำนักสำนักอันดับหนึ่งแคว้นเมฆา ทว่ายามที่เผชิญหน้ากับลูกศิษย์ที่เหมือนคนนำทางคนหนึ่งของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ กลับเผยท่าทีเคารพนบนอบอย่างที่สุด!

ด้วยเหตุนี้ก็พอจะดูออก ว่าฐานะและบารมีของเรือนมรรคโลกาสวรรค์นั้นโดดเด่นและน่าสะพรึงปานใด

 พวกท่านรอที่นี่สักครู่ รอให้สหายยุทธ์จากสี่สิบแปดแคว้นมากันครบแล้ว ข้าจะจัดแจงที่พักอาศัยให้แก่พวกท่าน 

ชายหนุ่มชุดเข้มกล่าวกำชับประโยคหนึ่งก็รีบเร่งจากไป

หน้าประตูภูเขา ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละแคว้นต่างมองสำรวจกันและกัน พร้อมถกอะไรบางอย่างเสียงเบา

ขณะเดียวกันพวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวาก็มองสำรวจคนอื่นๆ ระบุที่มาและฐานะของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะอันดับหนึ่งของศึกถกมรรคแต่ละแคว้น ยิ่งได้รับความสนใจจากสายตามากมาย

 ดูสิ คนผู้นั้นน่าจะเป็นจินตู๋อี อันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆา ลู่ตู๋ปู้ยังถูกเขากดข่มเลย 

 จินตู๋อี ฮึ ชื่อนี้ฟังดูเผด็จการนัก แต่เหตุใดตัวเขากลับดูเหมือนพินอบพิเทายิ่ง 

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาดังขึ้น

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และสายตาที่พุ่งมาจากสี่ทิศ หลินสวินไม่สนใจสักนิด สภาวะจิตก็ไม่เคยได้รับผลกระทบใดๆ เช่นกัน

จู่ๆ เสียงหัวเราะสดใสสายหนึ่งก็ดังขึ้น  ฮ่าๆ คนเรามีพรากย่อมมีพบเจอ แม่นางเสวียนเยวี่ย พวกเราพบกันอีกแล้ว 

หลินสวินอึ้งไป ทอดสายมามองไป ก็เห็นว่าไม่ไกลออกไปเด็กหนุ่มสวมชุดป่าน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสคนหนึ่งเดินเข้ามาทางนี้

………………………….

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset