ตอนที่ 695 ทั้งดูองอาจและสุขุม
สิงฟางมองเห็นเธอถูกรับตัวไปด้วยตาตัวเอง ถ้าผู้มีพระคุณคนนี้เคยปรากฏตัวมาก่อน สิงฟางน่าจะจำได้
“วันนั้นฉันสนใจแค่เธอกับลุงใหญ่และป้าสะใภ้ แต่เพราะเธอถูกอุ้มขึ้นรถไป ฉันเลยมองไปที่รถแวบหนึ่ง ฉันจำได้ว่าคนที่นั่งอยู่บนรถไม่ได้มีแค่คนเดียว เหมือนว่าจะมีสองคน ฉันมองเห็นไม่ชัด แต่พวกบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบอยู่ดูเหมือนจะระมัดระวังตัวมาก……”
สิงฟางมองดูภาพในมือของเหนียนเสี่ยวมู่แล้วเอ่ยอย่างพยายามนึก
พยายามนึกอย่างละเอียด แต่มันนึกอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ
แต่มิสเตอร์คาติเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลสิง ต่อให้เธอไม่เห็นรูปภาพจากในมือของเหนียนเสี่ยวมู่เธอก็จำเขาได้
มองดูแล้วมิสเตอร์คาติดูเหมือนจะเป็นคนเข้มงวดมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปรากฏตัวจนถึงวันที่ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้พวกเธอเสร็จ เขาก็ใส่ชุดสูทสีดำอยู่ตลอดเวลา
ขนาดเนคไทที่ผูกที่คอยังดูเนี๊ยบอยู่ตลอดเวลา
มองดูแล้วทั้งองอาจและสุขุม
แต่นิสัยของเขากลับดูง่ายๆ มีความอดทนเวลาอยู่กับเด็กๆ เพียงแค่ไม่ชอบพูดอะไรเยอะ และกฎระเบียบค่อนข้างมาก
ตอนนั้นครอบครัวสิงเละเทะมาก ทุกคนต่างปรับตัวไม่ได้ มิสเตอร์คาติเป็นเหมือนเทวดาที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น
อย่าว่าแต่ลุงรองสิงที่ซาบซึ้งในบุญคุณของเขาจนต้องเก็บรูปเอาไว้เป็นอย่างดีมาตลอดหลายปีเลย ขนาดเด็กอย่างสิงฟางในตอนนั้นก็ยังจำชายชราที่มีเมตตาคนนั้นได้เป็นอย่างดี
เธอยังจำได้อยู่เลยว่าวันที่มิสเตอร์คาติจากไป เขาลูบศีรษะของเธอแล้วบอกกับเธอว่า “วางใจเถอะ ต่อไปตระกูลสิงจะมีคนคอยดูแลจวบจนพวกหนูโตเป็นผู้ใหญ่”
“คุณจำมิสเตอร์คาติได้ แต่ว่าไม่ได้เห็นเขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่มีคนมารับฉันไป อย่างนั้น คนที่มารับฉันก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับมิสเตอร์คาติ”
เหนียนเสี่ยวมู่กำภาพในมือเอาไว้แน่น พูดอย่างผิดหวัง
สิ้นเสียงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้คุณบอกว่า มิสเตอร์คาติบอกกับคุณว่าตระกูลสิงจะมีคนคอยดูแล แล้วจากนั้นล่ะ เขาคอยดูแลตระกูลสิงมาโดยตลอดหรือเปล่า”
“ดูแลมาเจ็ดปี” สิงฟางเอ่ยตอบ
มิสเตอร์คาติทำให้ทุกคนในตระกูลสิงอยู่กันอย่างปลอดภัย จากนั้นเขาก็จากไป
ต่อจากนั้นตลอดระยะเวลาเจ็ดปี ตระกูลสิงจะได้รับเงินก้อนหนึ่งในทุกๆ เดือน ช่วงแรกๆ มิสเตอร์คาติก็จะมาเยี่ยมเยียนในช่วยปลายปี ต่อมาก็แทบไม่ค่อยปรากฏตัว”
แต่ว่าโอนเงินมาให้ตรงเวลาตลอด
จนเมื่อสามปีที่แล้ว จู่ๆ มิสเตอร์คาติก็หายไป
ตระกูลสิงก็ไม่ได้รับเงินอีกเลยหลังจากนั้น และใช้ชีวิตกันไปวันๆ แบบนี้
ยังดีที่เด็กๆ เติบโตกันหมดแล้ว
ต่างก็ออกไปทำงาน จึงยังหาพอเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้
“จู่ๆ มิสเตอร์คาติก็หายตัวไปแบบนี้ พวกคุณไม่เคยคิดจะตามหาเขาเหรอ อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของพวกคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น
เพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่ช่วยให้ตระกูลสิงอยู่อย่างสบายหลังจากเกิดเรื่อง นี่มันก็หายากมากแล้ว
แต่มิสเตอร์คาติคนนี้กลับช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ตระกูลสิงทุกเดือนตลอดระยะเวลาเจ็ดปีมานี้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
การกระทำแบบนี้ มันไม่ใช่การกระทำของเพื่อนคนหนึ่งแล้วล่ะ
ทำไมเธอถึงรู้สึกมิสเตอร์คาติคนนี้ดูแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้……
“เคยตามหาแล้ว แต่ว่าเบอร์โทรศัพท์ที่เขาทิ้งไว้ให้มันโทรไม่ติด และเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย พวกเราตามหาไม่เจอหรอก อีกอย่างมิสเตอร์คาติเคยบอกไว้ว่าเขาจะดูแลตระกูลสิงจนถึงตอนที่เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนั้นพวกเราเลยคิดกันว่าเขาอาจจะคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว จึงไม่คิดจะช่วยเหลือให้เงินเราอีก เราเลยไม่ได้คิดอะไรมาก”
สิงฟางพูดอธิบาย
จู่ๆ ก็ขาดคนคอยดูแลให้เงิน ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกปล่อยกลับสู่ธรรมชาติของมันตามเดิม
ตอนนั้น พวกเขาเอาแต่คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร ไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดตามหาใครหรอก
ตอนที่ 696 แสดงได้ดี ผมไม่ถือสาหรอก!
นานวันเข้า มิสเตอร์คาติก็ไม่เคยปรากฏตัวอีก พวกเขาก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์คาติก็หายตัวไปเมื่อสามปีก่อนเหรอ” ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานสั่นไหวเล็กน้อย ค่อยๆ เอ่ยถามขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกต่างก็หันไปมองทางเขาเป็นตาเดียว
เมื่อได้สติก็รีบเอ่ยตอบ
“ใช่ สามปีก่อน เรื่องนี้พวกเราไม่มีทางจำผิดแน่ๆ” ลุงรองรีบเอ่ยตอบขึ้นมาเป็นคนแรก
สามปีก่อน……
แววตาปราดเปรียวของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นประกายขึ้น เริ่มเข้าใจความหมายของคำถามที่อวี๋เยว่หานถามออกไป
สามปีก่อน เธอได้รับบาดเจ็บและถูกถานเปิงเปิงช่วยเอาไว้ที่แถวๆ โรงพยาบาล……
อีกอย่าง หากเธอโดนรับตัวไปก่อนที่จะเกิดเหตุไฟไหม้กับตระกูลสิงจริงๆ แล้วภาพไฟไหม้ในความทรงจำของเธอมันคืออะไรกันแน่
ในความฝัน ใครเป็นคนร้องบอกให้เธอรีบวิ่งหนีไปกันแน่
มิสเตอร์คาติที่คอยให้ความช่วยเหลือตระกูลสิงหายตัวไปจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เธอความจำเสื่อมหรือเปล่า……
คำถามมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในสมองของเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งร่าง
ข้างหูได้ยินคำพูดที่ถานเปิงเปิงมักจะพูดกับเธอ
“คนเรามักจะไขว่คว้าหาในสิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่เจอ แต่กลับลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตที่เหลืออยู่ เรื่องบางอย่างหากลืมไปแล้วก็ควรปล่อยมันไป ในเมื่อนึกไม่ออกบางทีมันอาจจะเป็นชะตาลิขิตเอาไว้ก็ได้”
ตอนที่เธอเพิ่งตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลก็เป็นเหมือนตอนนี้ รีบร้อนอยากจะหาครอบครัวของตัวเองให้เจอ
ตอนนั้นถานเปิงเปิงพูดโน้มน้าวเธออยู่เป็นเวลานาน
จนกระทั่งเธอคิดได้
การปรากฏตัวของสิงลี่ทำให้เธอคิดอยากกลับไปค้นหาครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง
เอาแต่คิดอยากจะหาพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองให้เจอ ถามให้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอถูกทอดทิ้ง แล้วทำไมตอนแรกเธอถึงถูกส่งมาอยู่กับตระกูลสิง
คนที่มารับเธอไปคือใคร เธอถูกรับตัวไปอยู่ที่ไหน
ทำไมเมื่อสามปีก่อนถานเปิงเปิงถึงพบเธอได้รับบาดเจ็บเต็มไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งร่าง……
“เรื่องที่นึกไม่ออกก็ไม่ต้องรีบร้อนที่จะนึก” เหมือนอวี๋เยว่หานจะมองออกว่าเธอดูไม่ปกติจึงเอื้อมมือมาปิดดวงตาของเธอเอาไว้ แล้วรั้งเธอมาไว้ในอ้อมกอด
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยมนต์เสน่ห์ในการควบคุมทุกๆ อย่าง
“กลับบ้านก่อน รอพรุ่งนี้ฟ้าสว่างเมื่อไหร่ค่อยไปถามสิงลี่ที่สถานีตำรวจ”
สิ้นคำพูด ชายหนุ่มก็จูงเหนียนเสี่ยวมู่เดินออกไปจากบ้านตระกูลสิง
พอขึ้นมาบนรถ อวี๋เยว่หานก็โอบหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมกอด กำลังจะปิดประตูลงก็เห็นร่างๆ หนึ่งแทรกตัวเข้ามา
“ลิ่วลิ่ว เราไปทางเดียวกันพอดี คุณไปส่งผมด้วยแล้วกัน ได้ไหม” ดวงตาอ่อนโยนทั้งสองข้างของฟ่านอวี่ มองผ่านอาการกรุ่นโกรธของอวี๋เยว่หาน แล้วมองตรงไปยังเหนียนเสี่ยวมู่
สิ้นคำถาม ดวงตาของอวี๋เยว่หานก็ขรึมลง
เอื้อมมือไปบีบเอวของเหนียนเสี่ยวมู่ทีหนึ่ง ใช้ภาษากายเตือนเธอว่าหากเธอกล้าตอบรับคืนนี้เธออย่าหวังว่าจะได้นอน
เหนียนเสี่ยวมู่ “o(╯□╰)o……”
คุณชายหาน ตอนคุณหึงคุณดูปัญญาอ่อนมาก คุณรู้ตัวหรือเปล่า
เพื่อที่คืนนี้ตัวเองจะได้นอนหลับอย่างสบายๆ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เลยกระแอมกระไออกมาอย่างให้ความร่วมมือ “คือว่า คุณก็เอารถมาไม่ใช่เหรอ ขับรถกลับเองน่าสะดวกกว่าไหม”
ไม่ว่าจะอย่างไร ฟ่านอวี่ก็ช่วยเธอเอาไว้ไม่น้อย กระทั่งขับรถไปส่งเขาในตอนนี้ก็ไม่ยินดีจะทำ เหมือนจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เหนียนเสี่ยวมู่พูดปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมมาก
ไม่รู้ว่าฟ่านอวี่ฟังไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ชายหนุ่มเขยิบเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เธอ “ฟ้ามืดแล้ว ผมขับรถกลับคนเดียวรู้สึกกลัว พวกคุณไปส่งผมน่าจะปลอดภัยกว่า”
เหนียนเสี่ยวมู่ “……”!!
อวี๋เยว่หาน “……”!!
คุณชายฟ่านผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจกลัวความมืด เชื่อเขาเลยจริงๆ!
ฟ่านอวี่ “ไม่อย่างนั้น พวกคุณพาผมกลับไปที่บ้านด้วยก็ได้นะ ผมไม่รังเกียจ”