เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 78 การประลองแห่งความวิบัติ (4)

““ โอ้วววววววววววววววว! ””

 

เสียงคำรามและคมดาบเข้าปะทะชนกันอยู่เหนือศูนย์กลางลานประลอง

ทิฐิ, ศักดิ์ศรี, เหตุผลที่จะแพ้ไม่ได้

อารมณ์เดือดพล่านที่ก้าวข้ามทะลุกรอบฐานะสูงต่ำถูกปล่อยเข้ากระทบกระทั่งชนกันผ่านรูปทรงของดาบ ส่งประกายไฟอย่างรุนแรงสาดกระจายว่อน

การรุกรับห้ำหั่นนั่นดำเนินไปได้แบบเกือบจะสูสี

สำหรับกิมเล็ตที่เพิ่งจะแสดงความต่างชั้นด้านพลังอำนาจอันท่วมท้นให้เห็นชัดอยู่หมาดๆเมื่อกี้ การถูกคู่ต่อสู้ที่สมควรน่าจะต้องชนะได้อย่างขาดลอยเข้ามากระชั้นชิดใกล้ได้ถึงขนาดนี้ มันคงจะก่อให้เกิดเป็นความร้อนรนและแรงกดดันอันหนักหน่วงมากพอดูเลยเชียวล่ะ

ฉะนั้นจึง

 

(ต้องรุกใส่เข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง!)

 

เช่นเดียวกับตลอดจนถึงเมื่อครู่ ครอสฟาดการโจมตีเข้าไปอย่างไร้ปรานี

ถลำลึกก้าวเข้าไปใกล้สุดกำลัง ดั่งกับหมายมั่นจะถาโถมจู่โจมซ้ำเข้าใส่โดยอาศัยจังหวะชั่ววินาทีในปัจจุบันทันด่วนนี้ที่นักดาบผู้แกร่งเหนือกว่าถูกบีบให้อ่อนแอลงมาทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ทว่า

 

“ ก็บอกว่าอย่าได้เหลิงลำพองใจอย่างไรเล่าไอ้เจ้าสามัญชนนน! ”

 

เป็นตรงนี้เอง ที่ขุนนางลำดับสูงผู้ปีนป่ายขึ้นมาถึงอาชีพระดับสูงโดยที่ยังหนุ่ม พลันเริ่มจะทวงได้ความเยือกเย็นกลับคืน

 

“ สกิลดีบัฟอาจจะทรงอำนาจมากก็จริง แต่อัตราส่วนที่สามารถลดได้นั้นมีขีดจำกัด! และฉันผู้นี้ก็ยังคงมีสกิลที่สานสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงอยู่ด้วย! โอกาสที่จะแพ้พ่ายนั้นไม่มีเลยแม้แต่ซักน้อยนิดก็ไม่มี! ”

 

กิมเล็ตแผดเสียงกราดเกรี้ยวดั่งกับเป็นการพูดบอกตนเอง

และนั่นก็ไม่ใช่คำพูดโอ้อวดเกินความจริงเลยแต่อย่างใด

ก่อนหน้าที่ครอสจะทันเปิดใช้สกิลใหม่ พลังเวทก็ไหลทะลักทะล้นออกมาจากร่างกายของกิมเล็ต

 

“ สกิลประกายแสง—— <<บัฟความว่องไว>> ! <<บัฟความเร็วดาบ : หนัก>> ! ”

“ ขึก!? ”

 

ที่เแสดงออกมาให้เห็น ก็คือการใช้สกิลบัฟความเร็วเสริมกันแบบทับซ้อน

กิมเล็ตที่เพิ่งจะขึ้นมาเป็นอาชีพระดับสูงได้ไม่นานนั้น แม้จะยังมีสกิลที่อยู่ในครอบครองเป็นของระดับกลางซะมาก แต่ระดับความชำนาญของสกิลเหล่านั้นก็อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกับสูงสุด

ความเร็วที่น่าจะลดหลั่นลงไปอย่างยิ่งใหญ่ได้ถูกบัฟให้เพิ่มสูงขึ้นมาเพียงชั่วขณะ กลายเป็นคมดาบฟาดฟันอันหนักหน่วงถาโถมเข้ามาคุกคามใส่ครอส

 

“ ขุ่ก—— <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ! ”

“ อ่อนหัด! <<บัฟระยะย่างก้าว : หนัก>> ! ”

 

ครอสอดรนทนไม่ได้ต้องใช้สกิลหลบหลีกเพื่อผละตัวถอยออกห่าง แต่แล้วก็มีสกิลที่เหนือล้ำยิ่งกว่าถูกฟาดถล่มเข้ามา

สกิลประกายแสงที่บัฟอำนาจในการพุ่งตัว โดยการเสริมระยะย่างก้าวให้ทะยานออกไปได้อย่างกว้างไกลสำหรับกระชั้นชิดเข้าใส่

และที่ถูกเปิดใช้ต่อเนื่องออกมา——ก็คือสุดยอดทักษะที่ทำให้กิมเล็ตเป็น <<นักดาบประกายแสงระดับสูง>>

สกิลกระหน่ำฟาดฟันอันทรงอำนาจ ที่ฆ่าล้างทำลายกระทั่ง ริสก์ 5 ได้ในชั่วพริบตา

 

“ สกิลประกายแสงระดับสูง—— <<หนึ่งก้าวร้อยกร>> ! ”

“ ขุ่ก!? อ๊าาาาาาากกกก! ”

 

พายุคลื่นดาบที่ดั่งกับว่ากิมเล็ตงอกแขนเพิ่มออกมาเป็นสิบข้างยี่สิบข้างนั่น พลันบีบให้มีเสียงกรีดร้องทะลักออกจากปากของครอส

คมดาบนับไม่ถ้วนแล่นเฉือนไปทั่วร่าง ส่งหยดเลือดปริมาณมหาศาลสาดกระจายปลิวว่อนไปทั่วทั้งลานประลองเข้าอีกครั้ง

ทว่า

 

(ถ้าเทียบกับ <<หนึ่งก้าวร้อยกร>> ความเร็วสูงสุดขั้วที่คุณลีโอเน่จำลองให้ดูโดยไม่ต้องใช้สกิลแล้ว…… ก็พอจะป้องกันเพียงส่วนหนึ่งได้อยู่!)

 

ครอสไม่ได้คิดจะป้องกันคลื่นดาบให้ได้ทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้ว

เน้นป้องกันเฉพาะแค่จุดตาย ส่วนคลื่นดาบที่เหลือก็จำใจยอมรับอย่างว่าง่าย

หากประสาทรับความเจ็บปวดทำงานตามปกติละก็ ความเจ็บแสบจากบาดแผลที่ถูกเฉือนก็คงจะทำพิษจนการเคลื่อนไหวเชื่องช้า แล้วถูกไล่ให้จบเห่ได้ผลตัดสินกันในชั่วอึดใจเลยเชียวล่ะ แต่ตัวครอสในตอนนี้กำลังเปิดใช้ <<ลดหลั่นความเจ็บปวด>> อยู่

ดังนั้นต่อให้เป็นการป้องกันอย่างบ้าระห่ำหรือกลยุทธ์แบบไม่สนตัวเองก็ตามที ถ้าเป็นตัวครอสในตอนนี้แล้วละก็สามารถทำได้

 

(เพราะความเร็วดั้งเดิมของกิมเล็ตตกต่ำลง อานุภาพของการโจมตีแต่ละครั้งก็เลยเบาลงไปด้วย ถ้าแบบนี้——)

 

ก็จะสามารถวิเคราะห์การโจมตีแล้วจับจุดหาช่องทางสวนกลับได้!

ครอสรีดเร้นสมาธิให้ถึงขีดสุด เพ่งพินิจพิเคราะห์จากภายในบรรดาคลื่นดาบทั้งมวลเพื่อตรวจหาตำแหน่งร่างกายที่กิมเล็ตมักจะเล็งโจมตีบ่อยมากที่สุด คาดเดาการโจมตีครั้งถัดไป

และในฉับพลันที่มีคลื่นดาบแล่นทะยานด้วยความเร็วมหาศาลเข้ามาดังที่เล็งไว้ ครอสก็เปิดใช้ไพ่ตายขึ้นมา

 

“ <<ครอสเคาน์เตอร์ระดับกลา—— ”

“ <<เคาน์เตอร์สวนกลับ>> ! ”

“ ห้ะ——!? อ๊าาาาาากกกกกกกกกก!? ”

 

พริบตานั้น แรงกระแทกอันยากจะเชื่อก็ได้คุกคามเข้าใส่ครอส

ทั้งที่หลบคลื่นดาบแบบเส้นยาแดงผ่าแปดแล้วเปิดทางฟาดท่าไม้ตายเข้าใส่ได้แล้วแท้ๆ——แต่กิมเล็ตที่หลบการโจมตีนั่นอีกทีกลับหมุนตัวฟาดลูกเตะกระแทกเปรี้ยงเข้ากลางสีข้าง

นั่นก็คือเคาน์เตอร์ที่ประณีตและซับซ้อนมากยิ่งกว่า <<ครอสเคาน์เตอร์>> ของครอสหลายเท่าตัวนัก

ครอสกลิ้งเกลือกไปตามพื้น ร่วมกับความรู้สึกไม่ดีที่เหมือนกับกระดูกแตกและเครื่องในโดนกระแทกแหลก

 

“ <<ครอสเคาน์เตอร์>> คือท่าถนัดของแกใช่ไหม? ”

“ อุ ขุ่ก ”

“ แต่เคาน์เตอร์ก็มีอีกนามหนึ่งคือ <<เอ็กตร้าสกิลเฉพาะของขุนนาง>> ไม่ใช่สิทธิบัตรของแกแต่เพียงผู้เดียวซะหน่อย ”

“ คู้ววววว! ”

 

ดั่งกับถอยหนีจากกิมเล็ตที่ไล่บี้ ครอสพลันกระโจนตัวลุกขึ้นโดยเมินเฉยต่อบาดแผล

พลังเวทส่องสว่างขึ้นมาเหนือบริเวณท้อง ทำการเยียวยาแผลไปพร้อมๆกับรอยถูกเฉือนทั่วร่างโดยอัตโนมัติ

 

“ ชิ ตามเดิมแล้วเป็นสกิลฟื้นฟูที่มีเพียงตัว <<พรีส>> เองเท่านั้นจึงจะใช้งานได้แท้ๆ แต่พอผู้ทำศึกระยะประชิดนำเอามาใช้แล้วก็จะทำให้รับมือยุ่งยากได้มากถึงเพียงนี้เลยหรือ ดั่งกับเป็นโนไลฟ์คิงเลยนะ ทว่า—— ”

 

ดาบเรียวยาวในกำมือกิมเล็ตพลันวาดเป็นภาพติดตาขึ้นมากลางอากาศ

 

“ ก็จำเป็นต้องผลาญพลังเวทเป็นปริมาณมหาศาลด้วยเช่นกัน ดังนั้นก็แค่ต้องสะบั้นเฉือนร่างซ้ำไปเรื่อยๆจนกว่าพลังเวทจะหมดเท่านั้น! ”

“ อุ อ๊าาาาากกกกก!? ”

 

และแล้วคมดาบนับไม่ถ้วนก็แล่นถาโถมเข้าเล่นงานครอสอีกครั้ง

กระทั่ง <<ครอสเคาน์เตอร์>> ก็ยังถูกทำให้หมดฤทธิ์สิ้นอำนาจ ครอสที่สูญเสียโอกาสตีโต้กลับนั้นได้แต่ถูกเชือดเฉือนหลั่งเลือดท่วมอยู่ฝ่ายเดียว

ความสิ้นหวังและร้อนรนแล่นพล่านอยู่ภายในอก

 

(แกร่งมาก……! ขนาดทำให้ความเร็วตกลงมาถึงขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ยังห่างชั้นกันแบบนี้เลยเหรอ……!?)

 

ที่ถูกทำให้รู้ซึ้งขึ้นมา ก็คืออำนาจของขุนนางลำดับสูงที่ไต่เต้าขึ้นมาถึงอาชีพระดับสูงได้โดยที่ยังมีอายุเพียงแค่ 19 ปี

ความหวาดหวั่นต่อยอดสูง ที่แม้จะใช้สายมาร วางแผนการ แล้วตะครุบทีเผลอเล่นงานให้อยู่หมัดท่ามกลางสนามที่ชื่อการประลองก็แล้วแต่ยังเอื้อมไปไม่ถึง

ต่างชั้นกันมากเหลือเกินจนจิตใจจวนเจียนจะแตกหักพังทลาย

ต่อให้มี <<ฟื้นฟูแผลฉกรรรจ์อัตโนมัติ>> อยู่กับตัว แต่ก็ไม่ช่วยให้เลือดที่สูญเสียไปไหลกลับคืนมา พลังเวทก็ถูกผลาญอย่างหนักหน่วงมาก หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงจะสิ้นท่าในไม่ช้าดังที่กิมเล็ตเล็งเอาไว้

เห็นผลแพ้ชนะกันอยู่เต็มตา

ตัวเองอีกคนที่มองโลกตามความเป็นจริง กำลังแผดเสียงร่ำร้องบอกว่าไม่มีทางชนะได้หรอก

ไพ่ทั้งหมดในมือได้ถูกบดขยี้จนสิ้นซาก ที่ถูกแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ก็คือประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมมากมายยิ่งกว่าอย่างท่วมท้น

ไม่มีทางชนะหรอก ไม่มีทางก้าวข้ามไปได้หรอก สัญชาติญาณมันกำลังส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเช่นนั้นออกมา

อีกฝั่งคือ <<นักดาบประกายแสงระดับสูง>> เลเวล 50 เลยเชียวนะ

ถูกเอื้ออำนวยด้วยพรสวรรค์และการฝึกฝนอบรมบ่มเพาะที่เลิศสุดในใต้หล้า เป็นผู้แกร่งกล้ามากความสามารถที่ลับคมขัดเกลาฝีมือกระบวนท่ามาตั้งแต่จำความได้เลยเชียวนะ

เป็นผู้มากฝีมือที่นำหน้าอยู่เหนือตนหลายเท่าตัวเลยเชียวนะ

ดังนั้น จะแพ้ก็สมควรแล้ว

 

 

แต่ว่า……เพราะแบบนั้นแหละ……!

 

“ ช่วงเวลาในตอนนี้ ก็เลยจะเป็นการฝึกที่ยอดเยี่ยมไม่มีอะไรเกินที่สุดแล้วยังไงเล่าาาาาาาาาาาา! ”

 

“ ฮึก!? ”

 

ในช่วงที่เพิ่งเจอกัน คุณลีโอเน่เค้าได้พูดเอาไว้

ว่าจำเป็นต้องข้ามฝ่าสถานการณ์คับขันเพื่อทลายกำแพงขีดจำกัด

คุณเทโลเมียร์ก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน

ว่าการฝึกแบบสบายๆนั้นมีไว้เพื่อเก็บเกี่ยวสะสมความสามารถให้ก้าวข้ามสถานการณ์คับขันนั่นไปได้

ถ้าอย่างงั้นก็ตอนนี้แหละ! คือเวลาที่จะแสดงผลตอบรับต่อการฝึกที่พวกอาจารย์ช่วยมอบให้มา!

 

“ <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย>> ! <<เคลือบแข็งร่างกาย>> ! <<บัฟกำลังดาบ>> ! <<ครอสเคาน์เตอร์ระดับกลาง>> ! ”

“ ฮึก!? <<เคาน์เตอร์สวนกลับ>> ! ”

 

แม้จะอึ้งกับครอสที่พุ่งปรี่อย่างบ้าระห่ำเข้ามาใส่กันแบบฉุกละหุก แต่กิมเล็ตก็ตีโต้กลับไปได้อย่างแม่นยำถูกจุด การจู่โจมอันเฉียบคมได้แล่นทะลวงฝังลึกเข้าไปกลางท้องของครอส

ครอสกลิ้งกระดอนไปตามพื้นเหมือนเช่นเดียวกับเมื่อครู่

 

“ ยังหรอก! <<ครอสเคาน์เตอร์ระดับกลาง>> ! อั่ก!? ”

 

ทำแต่อะไรเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดนกิมเล็ตโต้กลับจนกระเด็นหงายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

 

“ จนปัญญาทำได้แค่ดิ้นรนเหมือนหมาจนตรอกสถานเดียวแล้วหรือ! ไม่ก็กำลังคิดจะล่อหลวงฉันให้เข้าไปติดกับอีกแล้วหรืออย่างไร!? ”

 

เห็นครอสแบบนั้นแล้ว กิมเล็ตก็หัวเราะเยาะออกมาเป็นการเหยียดหยาม

แต่แววตาของเด็กหนุ่มที่เอาร่างกายเข้ารับการโจมตีนับไม่ถ้วนนั่น——ดวงตาที่เพ่งสมาธิไม่มีหวั่นไหวต่อความเจ็บปวดนั่น มันก็กำลังจับจ้องมองทักษะวิชาอันประณีตซับซ้อนของขุนนางอย่างต่อเนื่องอยู่เงียบๆ ทักษะวิชาของผู้มากฝีมือที่นำหน้าอยู่เหนือเด็กหนุ่มมากมายนั่นน่ะ

 

(อาา ขยับร่างกายแบบนั้นเองสินะ……ไหลเวียนพลังเวท แบบนั้นเองสินะ……)

 

สมาธิที่ถูกรีดเร้นจนถึงขีดสุดยอด มันกำลังสลักรูปแบบทักษะวิชาที่ต่างจากของลีโอเน่ให้ฝังลึกเข้าไปในสมอง

สกิลที่มองผิวเผินแล้วอาจดูเหมือนถูกปล่อยออกมามั่วซั่วนั่น ได้เพิ่มระดับความแม่นยำสูงส่งมากยิ่งขึ้นท่ามกลางการต่อสู้เป็นตาย

พลังเวทมหาศาลได้ก่อตัวหมุนวนจนซับซ้อนและประณีตมากยิ่งขึ้น อยู่ภายในร่างของเด็กหนุ่มที่ถูกหัวเราะเยาะเย้ยว่าเป็น <<ไร้อาชีพ>>

 

“ บัฟสะหมัด ถะภาพร่างกาย……! ครอสเคาน์เตอร์……ระดับกลาง! ”

“ อะ…ไรกัน——!? ”

 

สีหน้าของกิมเล็ตที่ได้เปรียบเหนือครอสด้วยอำนาจของสกิลอันทรงพลังนั้นค่อยๆ……ค่อยๆบิดเบี้ยวไปทีละเล็กทีละน้อย

สาเหตุนั่นมาจาก ความรู้สึกประหลาดอันหนักหน่วงที่ยิ่งปะทะดาบกับครอสไปก็ยิ่งพองใหญ่มากขึ้นๆ

ความรู้สึกประหลาดที่ไม่มีทางเป็นไปได้

ความรู้สึกประหลาดที่ไม่ควรจะเป็นไปได้

แต่ว่านี่มัน——

 

“ Lv ของสกิล กำลังเพิ่มสูงมากขึ้น……!? ”

 

เป็นไปไม่ได้ อะไรแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง

พยายามปฏิเสธสุดใจขาดดิ้น——แต่ทุกครั้งที่คมดาบถูกปล่อยฟาดเข้ามา พลังของครอสก็จะเพิ่มสูงมากขึ้น

ครอสที่รับการโจมตีเข้าไปก็จะลุกกลับขึ้นมาตีโต้ใส่ได้เร็วมากขึ้น

ใช้ <<เคาน์เตอร์สวนกลับ>> โต้เข้าใส่ <<ครอสเคาน์เตอร์ระดับกลาง>> ให้สำเร็จได้ยากมากยิ่งขึ้น

ดั่งกับว่ากำลังลักลอบขโมยเทคนิคการใช้เคาน์เตอร์ของกิมเล็ตอยู่แบบสดๆเลยยังไงยังงั้น

ทุกๆวินาที ทุกๆการโจมตี

ความรู้สึกประหลาดมีแต่จะขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เลือนหายไปแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเลย

ที่แปลกมันไม่ได้มีแค่นั้น

กิมเล็ตตวาดเสียงเข้าใส่เด็กหนุ่มที่ต่อให้รับแผลฉกรรจ์เข้าไปเท่าไหร่ยังไงแต่ก็ยังคงยืนหยัดกลับขึ้นมาแล้วกระหน่ำปล่อยสกิลไม่ลดละ

 

“ นี่แก……ใยจึงไม่ล้มลงไป!? ใยพลังเวทจึงไม่หมดสิ้นซะที!? ”

 

ต่อให้คิดยังไงก็แปลก

ครอสต้องกระหน่ำใช้สกิลเต็มแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถต่อกรกับกิมเล็ตได้

แถมยังทำแบบนั้นในสภาพที่ใช้สกิลฟื้นฟูอัตโนมัติรักษาบาดแผลฉกรรจ์ไปด้วยอีกต่างหาก แน่นอนว่าย่อมต้องพ่วงมาด้วยการสูญเสียพลังเวทเป็นปริมาณมหาศาลยิ่ง

หากเป็นปกติก็คงจะพลังเวทหมดไปนานเนแล้ว

ตามเดิมแล้วฤทธิ์ของสกิลก็ไม่ได้จะคงอยู่ยาวนานมากมายอะไรเลย แถมพลังเวทก็น่าจะหมดเกลี้ยงจนสกิลฟื้นฟูอัตโนมัติหยุดทำงานไปตั้งแต่ก่อนจะสิ้นฤทธิ์ซะด้วยซ้ำ

เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ว่า——

 

“ พลังเวท……ไม่มีวี่แววว่าจะหมดเลยซักนิด!? ”

 

เหมือนกับโนไลฟ์คิงตัวจริงของแท้ไม่มีผิด อสูรร้ายที่เอาแต่พุ่งทะยานเข้ามาลองผิดลองถูกโดยก้าวข้ามไปแม้กระทั่งความกลัวตาย สภาพของปีศาจที่ย่างกรายเข้ามาใกล้ยอดสูงทีละก้าวๆอย่างยึดติดยึดมั่นนั่นทำเอากิมเล็ตถึงกับเสียวไปยันไขสันหลัง

 

“ โอ้ววววววววววววววววววววว! ”

 

<<ไร้อาชีพ>> ที่ได้รับการเพาะเลี้ยงเพิ่มพลังเวทแบบสุดโกงด้วยมือของเหล่าอาจารย์สุดแกร่งของโลกอย่างต่อเนื่องผู้นั้นพลันลั่นเสียงคำราม

แม้จะถูกฟาดฟันเชือดเฉือนซักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็พุ่งทะยานตรงดิ่งเข้ามาโดยไม่เคยมีหวาดหวั่น

 

“ อะไรกัน……!? แกมันเป็นตัวอะไรกัน!? ”

 

เป็นในพริบตานั้นเอง ที่กิมเล็ตถูกผู้ที่ต่ำต้อยด้อยกว่าตรงหน้ากดดันให้ตัวสั่นขวัญเสียอย่างแท้จริง

 

 

พลั่ก!

หลังจากฟาดคลื่นดาบนับไม่ถ้วนเข้าไปแล้ว กิมเล็ตก็ทุ่มสุดแรงส่งลูกถีบกระแทกเข้าใส่ครอสเป็นตัวปิดท้าย

นั่นคือการกระทำที่กิมเล็ตทำลงไปโดยแทบไม่ได้มีเจตนา

เป็นการโจมตีเพิ่มเติมที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกซึ่งอยากจะเว้นระยะห่างออกจากไอ้สามัญชนที่แสนน่าหวาดหวั่นขวัญผวา

 

(——ตอนนี้แหละ!)

 

และครอส ก็ไม่ได้ปล่อยให้โอกาสทองที่นานทีจะมีหนนั่นหลุดมือไป

 

“ สวมใส่อาภรณ์แห่งนภา สานห้วงแห่งความว่างเปล่า ให้เห็นราวกับฉกฉวยกลีบดอกที่ปลิวไสว ให้เป็นราวกับเอ่ยอ้างถึงวิหคที่สยายปีกกว้างไกล ผู้ขนส่งแสงยามเช้าอันเลือนหายนั้นไซร้คือตัวเรา—— <<ทะยานหุ้มวายุ>> ! ”

 

อาศัยประโยชน์จากแรงส่งที่ถูกถีบอย่างรุนแรงเพื่อถอยตัวออกห่างจากกิมเล็ตในรวดเดียว แล้วปากข้างนั้นก็ขับขานคำร่ายที่ไม่ได้ยาวมากออกมา พลันเกิดสายลมพัดโหมกระหน่ำขึ้นรอบร่างกายของครอส ส่งร่างกายที่ถูกดันหลังให้เว้นช่วงถอยห่างออกจากกิมเล็ตไปอีก

 

“ มาจนป่านนี้แล้วยังคิดจะทำอะไรอีก!? ——ขุ่ก!? ”

 

กิมเล็ตที่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับการเคลื่อนไหวของครอสนั้นพยายามจะพุ่งไล่เข้ามาใส่ด้วยสุดกำลังเท่าที่มี——แต่ก็ล่าช้าไปหนึ่งก้าว

เกิดความเจ็บแสบแล่นแปล๊บขึ้นที่เข่า ทำให้ปล่อยครอสที่เพิ่มความเร็วด้วยสายลมหลุดรอดจากมือไปแบบฉิวเฉียด

และแล้วครอส——ก็ได้กระโจนเหินขึ้นไป

สู่โลกของสายลมที่ต่อให้จะเร็วมากขนาดไหน แต่ก็เป็นมิติที่อาชีพระยะประชิดไม่มีทางก้าวขึ้นไปถึงได้——สู่ท้องฟ้าสูง

 

“ หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย จงก่อตัวสร้างเป็นหอกพิฆาตอยู่ในมือข้างนี้ นามนั้นก็คือวายุคลั่ง—— ”

 

ที่ถูกขับขานออกมากลางท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งผู้เกะกะ ก็คือบทกลอนแห่งสายลม

คำร่ายแสนยืดยาวของเวทโจมตี ที่หากอยู่ระหว่างการต่อสู้ความเร็วสูงกับผู้แกร่งเหนือกว่าแล้วละก็ไม่มีทางร่ายจบได้โดยเด็ดขาด

<<ทะยานหุ้มวายุ>> นั้นเป็นได้เพียงแค่กระโดดทะยาน คงสภาพอยู่กลางท้องฟ้าได้ไม่นานนักหรอก——แต่หากเหินเว้นระยะห่างจากกิมเล็ตเป็นทรงโค้งกลางอากาศแล้ว ก็จะสามารถถ่วงเวลาเอาไว้ได้มากพอแบบฉิวเฉียด

กล่าวคำร่ายเสร็จสมบูรณ์ได้ในตอนที่ลงมาแตะพื้น ก่อนหน้าจะถูกกิมเล็ตไล่ตามทันพอดิบพอดี

 

“ —— <<ทริปเปิลวินด์แลนซ์>> ! ”

 

ทอร์นาโดสายลมรัดตัวติดพันกัน ถาโถมอัดตรงแหน่วเข้าไปใส่กิมเล็ต ทว่า

 

“ ไอ้เจ้าโง่! คิดว่าถ้าทำให้ฉันความเร็วตกได้แล้วจะโจมตีโดนหรือ!? <<ถอนตัวฉุกเฉิน>> ! ”

 

กิมเล็ตที่เปิดใช้สกิลนั้น หลบหลีกรอดพ้นไปจากกระสุนปืนใหญ่สายลมได้อย่างไม่ยากเย็น

แล้วจึงพุ่งไล่เข้ามาใส่ครอสทั้งอย่างนั้นหรอก——แต่แล้วการมองเห็นนั่นก็พร่ามัวไปด้วยสีน้ำตาลอ่อน

 

“ ขุ่ก!? ”

 

ไม่ได้เล็งกิมเล็ต…… <<วินด์แลนซ์>> ที่ถูกปล่อยตรงเข้าใส่ผืนดินตั้งแต่แรกเริ่ม มันได้พัดส่งฝุ่นทรายให้กระจายฟุ้งขึ้นมาเป็นปริมาณที่ครั้งก่อนหน้าเทียบไม่ติดเลยซักนิด

การมองเห็นถูกบดบังอย่างใหญ่หลวง

อดรนทนอยู่ไม่ได้ กิมเล็ตพยายามจะพุ่งแหวกตัวหนีออกไปจากฝุ่นทรายหรอก แต่

 

 

“ สิ่งนั้นคือลมหนาวยามโพล้เพล้ ไขว่คว้าไว้ซึ่งท้องนภาทั้งมวลแล้วจงก้มหัวศิโรราบต่อทางสายมารแห่งเรา—— ”

 

 

หูของกิมเล็ตที่โดนผลกระทบจากคำสาปลดความเร็วจนแหวกหนีออกไปนอกฝุ่นทรายภายในอึดใจไม่ได้นั่น พลันได้ยินบทกลอนอันน่าหวาดหวั่น

 

“ อย่าบอกนะ——สกิลสายมารแบบใหม่หรือ!? ”

 

สกิลสุดเลวร้ายที่กลายเป็นต้นเหตุทำให้ต้องเหนื่อยหอบหืดขึ้นคอกับไอ้เจ้าสามัญชนที่ต่ำต้อยด้อยกว่า

คำร่ายที่เข้าข่ายเวทดีบัฟ กับกลิ่นอายของพลังเวทนั่นมันทำให้ขนทั้งร่างของกิมเล็ตลุกซู่ชูชัน

ที่ฝืนยิงเวทมนตร์เข้ามาเพื่อปกปิดการมองเห็นนี่ก็เป็นเพราะเล็งแบบนี้เอาไว้สินะ!

เงาดำสั่นไหวอยู่ภายในการมองเห็นของกิมเล็ตที่รู้ไต๋

 

“ รับไปซะ! ”

 

ครอสที่แอบแฝงตัวอยู่เบื้องหลังฝุ่นทราย และค่อยๆย่างกรายเข้าใกล้มาจนถึงระยะฉิวเฉียดได้นั่นพลันหันฝ่ามือตรงดิ่งเข้าใส่กิมเล็ต

ทว่า

 

“ ไม่ยอมให้ทำได้ร๊อกกกกกกกกกก! ”

 

ลูกเตะของกิมเล็ตที่ทุ่มกำลังตีโต้กลับด้วยสุดแรงสุดกำลังทั้งหมดมวลเท่าที่มี ได้ทะยานอัดเข้าใส่มือของครอสในจังหวะหวุดหวิด

 

“ อ๊ะ!? ”

 

หมอกดำกระจายฟุ้งออกมาจากฝ่ามือที่โดนเตะหันเยื้องไปยังทิศอื่น หน้าของครอสบิดเบี้ยวไปด้วยความโศกเศร้าเจ็บปวด

 

“ เสียใจด้วยนะ! แต่เล่ห์กลตื้นๆของสามัญชนมันใช้กับฉันผู้นี้ไม่ได้ผลหรอก! ”

 

ชนะแล้ว!

แม้กิมเล็ตที่บดขยี้การลอบจู่โจมของครอสได้แบบหวุดหวิดมากจริงๆจะหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบไหลแตกพลั่กออกมาท่วมตัวไปพลาง แต่เขาก็ยกมุมปากขึ้นมาแสยะยิ้มมั่นใจในชัยชนะ

ฟื้นฟูอัตโนมัติจะทำงานหรือเปล่าก็ไม่เกี่ยง

เล็งไปยังจุดตายที่ไม่ได้ถูกปกปิดโดยเครื่องป้องกัน——เสียบให้ทะลุลิ้นปี่แล้วจบสิ้นกันในเปรี้ยงเดียวไปเลย

แม้จะอยู่ในสภาวะกึ่งๆเสียศูนย์ แต่กิมเล็ตก็กระโจนเข้าคุกคามโดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการลงดาบปิดฉากใส่ครอสที่ไพ่ตายพลาดเป้าจนเผยช่องโหว่ร้ายแรงถึงชีวิต

รีบจัดการซะก่อนที่มันจะทันได้ทำอะไรมากไปกว่านี้!

ทว่า เป็นในตอนนั้นเอง

 

“ ……!? ”

 

ที่มีภาพแปลกประหลาดฉายเข้ามาในดวงตาของกิมเล็ต

 

 

หมอกดำที่ถูกปล่อยออกจากฝ่ามือของครอสและน่าจะกระจายฟุ้งไปยังคนละทิศนั่นมันจับตัวกันหนาแน่น——แล้วจึงเข้ามาห่อหุ้มดาบของครอสเอาไว้นั่นเอง

 

 

หนำซ้ำร่างของครอสยังมีจุดศูนย์ถ่วงเสถียรมากซะจนเชื่อไม่ลงเลยว่าเพิ่งโดนเตะมือกระเด็นไปหมาดๆ——เด็กหนุ่มบิดพลิกตัวอย่างลื่นไหล

ที่สถิตอยู่ในดวงตาข้างนั้น ก็คือเจตจำนงจ้องจะฆ่าที่ปราศจากไร้ซึ่งเศษเสี้ยวของความโศกเศร้าเจ็บปวด

ที่กำเอาไว้อยู่ในมือข้างนั้น ก็คือดาบสั้นที่ถูกห่อหุ้มปกคลุมไปด้วยหมอกดำน่าขนลุก

ท่วงท่าที่หลบหลีกการโจมตีของกิมเล็ตแบบหวุดหวิดแล้วแล่นตรงเข้ามานั่น มันคือท่าเคาน์เตอร์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

 

“ นะ นั่นมันสกิลอะไรกันน่ะ!? ”

 

คำร่ายเมื่อครู่นี้มันไม่ใช่สกิลสายมารหรอกหรือ!?

ถ้าอย่างนั้นก็อย่าบอกนะว่า เป็นเคาน์เตอร์ที่พ่วงมาด้วยคำร่ายหรืออย่างไร!?

สกิลลึกลับที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนนั่นยิ่งทำให้ความสับสนของกิมเล็ตทวีระดับมากไปอีก

 

“ แต่ว่า หากเป็นเคาน์เตอร์แล้วละก็……! ”

 

สามารถรับมือได้!

ประสานกับการโจมตีของครอส กิมเล็ตเองก็ทำการตั้งท่วงท่า <<เคาน์เตอร์สวนกลับ>> ขึ้นมาตามสัญชาติญาณ

แต่ทว่า

<<เคาน์เตอร์สวนกลับ>> นั่น มันคือสกิลความยากระดับสูงที่จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีฝีมือเหนือกว่าเคาน์เตอร์ของศัตรูเท่านั้น

หากใจวอกแวกหนำซ้ำยังอยู่ในสภาพที่ประคองสมดุลร่างได้ไม่เต็มที่ โอกาสสำเร็จก็จะลดต่ำลงมาสุดๆไปเลย

ยิ่งถ้าระดับความชำนาญของอีกฝั่งพัฒนาขึ้นมาจนเป็นคนละมิติกับก่อนหน้านี้อีกด้วยละก็——

 

“ ห้ะ!? บ้าน่า!? ”

 

คมดาบแหลมคมของกิมเล็ตถูกปล่อยตรงใส่กลางใบหน้าของครอส——แต่ก็ไม่โดน

ถึงปลายดาบจะเฉี่ยวแก้มจนเลือดสาดกระจายออกมาแต่ครอสก็ไม่มีหวั่นไหวแม้แต่น้อยนิด

 

“ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”

 

โค่นล้ม <<เคาน์เตอร์สวนกลับ>> , ก้าวข้ามไปเหนือยิ่งกว่ากิมเล็ต ขาของเด็กหนุ่มย่ำเท้าอย่างยิ่งใหญ่ออกไปหนึ่งก้าว

นั่นมันคือ ระยะห่างอันเป็นที่สุด ซึ่งต่อให้จะใช้สกิลหลบหลีกหรือป้องกันยังไงก็ไม่รอดแล้ว

ปากทางขึ้นสู่ยอดสูง ที่ครอสก้าวมาถึงในปลายสุดของ การฝึกเป็นตาย กับผู้ที่แกร่งเหนือกว่า

พริบตานั้น หมอกดำที่หุ้มอยู่รอบดาบสั้นก็บีบตัวอัดแน่น วาดจุดดำเชื่อมเข้าสู่ลำตัวของกิมเล็ต

และดาบของครอสก็แล่นเฉือนผ่านอากาศ ทะลวงตรงดิ่งไปยังรอยสัญลักษณ์ที่ถูกสลักเอาไว้นั่น

 

“ เอเรอร์สกิล—— ”

“ บ้าน่า……บ้าน่าบ้าน่าบ้าน่า! ”

 

เผชิญกับการโจมตีที่วาดวิถีไม่อาจหลบเลี่ยงอยู่เบื้องหน้า กิมเล็ตก็แผดเสียงตะโกนลั่นออกมาดั่งกับเป็นการปฎิเสธไม่ยอมรับความจริง

 

“ น้ำหน้าอย่างสามัญชน <<ไร้อาชีพ>> นี่นะจะมาโค่นล้มฉันผู้นี้ คิดว่าอะไรพรรค์นั้นมันสมควรจะมีได้ซะที่—— ”

 

“ อีจิสช็อตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต! ”

 

“ ขั่ก!? อ๊าาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกกก!? ”

 

ที่ถูกฟาดกระแทกกระทั้นเข้ามาโดยไร้ซึ่งความปรานีโดยสมบูรณ์ ก็คือการโจมตีอันหนักหน่วงด้วยด้ามดาบ

การโจมตีที่แล่นตรงดิ่งไปยังจุดอ่อนซึ่งถูกบังคับสร้างขึ้นมาด้วยหมอกดำลดพลังป้องกันที่รวมตัวแน่นเป็นก้อน เคาน์เตอร์ที่ใช้เผด็จศึกได้ในเปรี้ยงเดียวยังไงล่ะ

นั่นคือการโจมตีสุดโกงที่ดับลมหายใจอย่างง่ายดายได้แม้กระทั่ง ริสก์ 4 ที่เก่งกาจในด้านป้องกัน

ต่อให้เป็นอาชีพระดับสูง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ <<นักดาบประกายแสงระดับสูง>> ซึ่งบกพร่องในด้านพลังป้องกันจะสามารถทานทนได้เลย

พลั่กโพล๊ะกร๊อบเปรี้ยงงงงงงงงงงงง!

ร่างของกิมเล็ตปลิวกระเด็นไปอย่างใหญ่หลวง ร่วมกับเสียงพิสดารของกระดูกหลายซี่และเครื่องในที่ถูกบดขยี้แหลกเละ

แผละ……เสียงก้อนเนื้อตกลงมากองแหมะเหนือพื้นกลายเป็นเสียงสุดท้าย สุ้มเสียงทั้งหมดมวลได้เลือนหายสิ้นไปจากลานประลอง

และด้วยเหตุนั้น ภายหลังจากความเงียบงันอันยาวนาน ในช่วงที่ฝุ่นทรายผ่อนระดับหายไปได้ซะที——

 

“ นั่นแหละคือ โทษฐานที่ทำร้ายพวกจิเซล……! ”

 

ผู้ที่ยืนอยู่เหนือลานประลองที่กางข่ายอาคมเพื่อช่วยเหลือประคองชีวิตขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ก็คือเด็กหนุ่มผู้สะบักสะบอมเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนแข็งทื่อในสภาพเหวี่ยงดาบออกไปทั้งอย่างนั้น  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset