ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด ภาค 2 ตอนที่ 6-1

บทที่ 6 การเดินทางไปเกาหลีใต้ของครอบครัวยากูซ่า (1)
Ink Stone_Y
“โทมะเป็นเทวดา เทวดาเป็นของอาหย่อย… ของอาหย่อย ของอาหย่อย…โทมะขอ…”
จู่ๆ โทมะก็หยุดร้องเพลงแล้วระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา มินจุนตกใจรีบกอดเจ้าตัวเล็กแน่น
“เป็นอะไรไปโทมะ กัดโดนลิ้นตัวเองตอนร้องเพลงเหรอ”
‘คุณหนูโทมะของพวกเราคล้ายกับคุณมินจุนขึ้นไปทุกวัน’
เคนตะที่เฝ้ามองทุกอย่างจากด้านหลัง จับตาดูละครซิตคอมที่เพิ่งเริ่มขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เด็กน้อยส่ายหัวไปมาตอบคำถามของมินจุนแล้วร้องไห้โฮออกมาอีก จากนั้นก็เริ่มร้องเพลงไปทั้งน้ำตา
“โทมะเป็นเทวดา…”
“ใช่แล้ว โทมะของหม่าม้าเป็นเทวดา”
“เทวดาเป็นของอาหย่อย…”
“แน่นอน อร่อยสิ”
มินจุนปรับระดับเสียงให้เข้ากับแต่ละคำที่โทมะร้องราวกับใส่จังหวะเข้าไปในเพลง
“ของอาหย่อย ขอ… กิม กิมโทมะ ของอาหย่อยกิมมะ”
“แน่นอน ต้องกินสิ… ไม่ใช่แล้ว โทมะ ไม่ใช่แบบนั้น ก้นลิงเป็นสีแดง สีแดงก็คือแอปเปิ้ล แอปเปิลนั้นอร่อย โทมะของหม่าม้าร้องผิดแล้ว”
“อื๊อ จิงหยอ ไม่ใช่โทมะหยอ เป็นยิงหยอ”
“ใช่แล้ว ลองฟังดีๆ นะ ก้นลิงเป็นสีแดง สีแดงก็คือแอปเปิล แอปเปิลนั้นอร่อย อร่อยก็คือกล้วย กล้วยนั้นยาวๆ ยาวๆ ก็คือรถไฟ รถไฟนั้นเร็วๆ เร็วๆ ก็คือเครื่องบิน ลอยแล้วๆ เครื่องบิน…แบบนี้ต่างหาก ทำอะไรอยู่น่ะเคนตะ ถึงเครื่องบินแล้ว”
“ครับ?”
“ใจ้ โทมะเป็นเครื่องบิง”
โทมะชูแขนสองข้างขึ้นสูงแล้วเกาะเคนตะไว้ อีกฝ่ายจึงอุ้มโทมะขึ้นให้ลอยเป็นเครื่องบิน มินจุนที่อยู่ข้างๆ ร้องเพลงไปกับโทมะอย่างสนุกสนาน
“เครื่องบินลอยแล้วๆ”
“เครื่องบิงยอยแย้วๆ”
“บินไปเลยๆ”
“บิงเยยๆ”
“เครื่องบินของเรา”
“เครื่องบิงของเยา”
แม้ว่าเพลงจะจบลงแบบทุลักทุเล แต่เคนตะกลับรู้สึกโล่งใจ การอุ้มโทมะไว้แล้ววิ่งไปมารอบห้องนั่งเล่นโดยไม่ให้ติดขัดนั้นไม่ง่ายอย่างที่เห็น แต่ถ้าโทมะมีความสุข เคนตะก็ยินดีจะยกเด็กน้อยลอยค้างไว้ แม้จะต้องคอยเกรงแขนตัวเองก็ตาม
“หม่าม้า ตงอีฉะบายดีมะฮับ”
“โทมะของหม่าม้าคิดถึงทงอีเหรอ”
โทมะหยุดเล่นเป็นเครื่องบิน แล้วพูดถึงเพื่อนที่อยู่เกาหลีใต้ขึ้นมา
“อื้อ โทมะจะโทรหาตงอี”
“ตอนนี้ทงอีน่าจะอยู่ที่โรงเรียนเตรียมอนุบาล ไว้ค่อยโทรทีหลังนะ”
“งี้เอง แล้วทำไมโทมะไม่ได้ไปโยงเยียนเตรียมอนุบาลอ่ะ”
“ก็คือ…”
มินจุนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
ไม่กี่เดือนก่อน ฮามินซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เกาหลีใต้ได้แนะนำโทมะให้รู้จักกับทงอี ถึงแม้ว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ทั้งคู่ก็วิดีโอคอลหากันเสมอ คุยกันไปเรื่อยเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา พวกเขาหาวันหยุดสั้นๆ เพื่อไปเจอทงอีที่เกาหลีใต้ด้วย นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและสนุกสนาน ไม่ใช่แค่สำหรับโทมะ แต่สำหรับมินจุนด้วยเหมือนกัน
บางครั้งตัวเขาเองยังคิดถึงช่วงเวลานั้นเลย โทมะย่อมคิดถึงมากกว่า ที่นี่โทมะไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันสักคน มินจุนรู้สึกปวดใจมากเวลานึกถึงเด็กน้อยโทมะที่ทำได้แค่วิดีโอคอลคุยกับทงอีบ้างเป็นครั้งคราวผ่านผู้ใหญ่
ก่อนหน้านั้นโทมะไม่เคยขอให้ส่งไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลเลย บางทีเด็กน้อยอาจจะถามเพราะสงสัยจริงๆ ก็ได้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้ไป ใบหน้าของโทมะที่กำลังยู่ปากแหงนมองมินจุนด้วยตาที่เป็นประกายนั้นไม่มีความเศร้าเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นริมฝีปากของมินจุนสั่นระริก โทมะก็พลอยบุ้ยปากตามไปด้วย
“โทมะ… มานี่มา ให้หม่าม้ากอดหน่อย”
“หม่าม้า… จะให้โทมะหยอ”
“เปล่า… ไม่ใช่อย่างนั้น…”
มินจุนกอดโทมะแน่นและร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาบอกไดกิหลายครั้งแล้วว่าเราควรส่งโทมะในวัย 5 ขวบไปโรงเรียนอนุบาล แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าให้เคนตะสอนก็พอแล้วทำให้พูดอะไรไม่ได้อีก อาจเพราะไดกิเป็นยากูซ่าจึงเลี่ยงที่จะเปิดเผยโทมะกับคนภายนอก ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของไดกิ แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกขุ่นเคืองอีกฝ่ายจนร้องไห้อยู่แบบนี้
“โทมะ…โทมะของหม่าม้า หม่าม้าขอสัญญาด้วยชีวิตว่าจะส่งหนูไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลให้ได้ รอก่อนนะ โทมะของหม่าม้า”
“ถ้าหม่าม้าตาย หนูมะเอา”
เสียงร้องไห้ทั้งของเด็กและของผู้ใหญ่ไม่ได้น่าพิสมัยเลย ลูกน้องทุกคนต่างรู้สึกกังวลใจกับเสียงร้องไห้ที่ดังกึกก้องในคฤหาสน์ยากูซ่าที่นานๆ ทีจะเงียบสงบแบบนี้ เคนตะเองก็อยากจะปลอบใจมินจุน แต่ถ้าไปปลอบใจแบบงกๆ เงิ่นๆ อาจทำให้ความไม่พอใจที่มินจุนมีต่อไดกิวกมาลงที่เขาก่อนก็เป็นได้ เขาจึงเลือกที่จะถอยไปยืนอยู่ข้างหลัง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ไม่มีวันไหนเงียบสงบเลย ทนเห็นพวกเด็กๆ สบายใจไม่ได้รึไงมินจุน โทมะ มากินสตรอว์เบอร์รีกันดีกว่า”
โชเดินขมวดคิ้วเข้ามาพร้อมกับสตรอว์เบอร์รีหน้าตาน่ากินจานหนึ่ง เสียงร้องไห้ดังไปถึงห้องครัวที่ชั้นหนึ่งนั่นเอง ในเวลาเช่นนี้มีเพียงโชเท่านั้นที่หยุดน้ำตาของมินจุนได้
“สตรอว์เบอร์ยีหยอ จะกิม”
ถ้าเป็นสตรอว์เบอร์รี แม้ว่ากำลังหลับอยู่โทมะก็ตื่นขึ้นมางับได้ เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของมินจุนเพื่อให้เคนตะเห็นน้ำมูกที่ไหลลงมาถึงริมฝีปาก เป็นการบอกให้ช่วยเช็ดออก เคนตะวิ่งเข้าไปเช็ดทำความสะอาดให้อย่างรวดเร็ว โทมะหยิบสตรอว์เบอร์รีที่โชยื่นให้ไว้ลูกหนึ่งแล้วหัวเราะอย่างสดใส
“ร้องไห้ทำไมอีก”
“ลุงไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกยังไง”
“ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว บางครั้งไดกิเองยังบอกว่าเขาไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ลองพูดออกมาตรงๆ สิ นายเองก็ไม่รู้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“อะไรครับ”
มินจุนใช้หลังมือเช็ดน้ำตา เขาเลิกคิ้วขึ้นเกือบถึงหน้าผาก
“ดูเข้า คิ้วจะเป็นเส้นตรงแล้ว”
“ทำไมลุงชอบพูดเหน็บแนมผมอยู่เรื่อย โทมะไม่มีเพื่อนสักคนเลย ถ้าไม่นับผม ก็มีแต่พวกผู้ชายน่ากลัวๆ อยู่รอบตัวเขา แล้วลุงยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอครับ”
“มีการยกเว้นตัวเองซะด้วย มินจุน ใช่ว่าลุงจะไม่เข้าใจความรู้สึกของนายนะ แต่โทมะก็เป็นผู้ชาย อีกหน่อยเขาก็จะเติบโตไปเป็นผู้ชายน่ากลัวๆ เหมือนกัน ไดกิจะจัดการทุกอย่างเองแหละ เพราะงั้นอย่ากังวลไปเลย หน้าตายิ่งขี้เหร่ๆ อยู่ ร้องไห้ทุกวันเดี๋ยวหน้าจะยิ่งมีรอยย่นมากขึ้นนะ”
“ยะ ย่นเหรอครับ แล้วทำไมโทมะของผมจะต้องน่ากลัวด้วยล่ะครับ ลุงไปเอามาจากไหน”
มินจุนพูดตะกุกตะกักขณะที่จ้องไปที่โช
“หม่าม้า เป็นย่นๆ หยอ ลุงพูดตลกจัง”
โทมะเอนศีรษะไปข้างหลังและหัวเราอย่างสดใส เด็กน้อยพูดพึมพัมด้วยปากที่เลอะน้ำสตรอว์เบอร์รีสีแดง เคนตะเช็ดน้ำสตรอว์เบอร์รีที่เลอะขอบปากของโทมะให้ด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนราวกับมาจากอีกโลกหนึ่ง
“ทานได้แค่ห้าลูกนะครับ”
“ยังงี้หยอ”
โทมะถามขึ้นพร้อมกับกางนิ้วมือออกเป็นจำนวนที่ถูกต้องให้เห็น
“ใช่ครับ คุณหนูโทมะของผมเก่งเลขนะครับเนี่ย”
โชมองโทมะกับเคนตะด้วยสีหน้าชื่นใจ แล้วหันไปมองมินจุนที่กำลังหน้าแดง
“ดูสิ เขาก็มีความสุขดีนี่ เมื่อถึงเวลาไดกิก็ส่งเขาไปเองแหละ”
“ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมจะไม่คุยกับลุงแล้วครับ”
มินจุนเองรู้ว่าไดกิย่อมรู้ดีกว่าใครว่าการเข้าสังคมนั้นจำเป็นสำหรับโทมะ เขาเพียงรู้สึกปวดใจที่เห็นเด็กน้อยอายุเท่านี้ไม่มีเพื่อนเลยสักคน มินจุนกำลังจะหันหน้าบึ้งๆ ไปทางอื่น ตอนนั้นเองที่มีมืออันเปียกชุ่มจับใบหน้าของเขาให้หันกลับมา
“หม่าม้า กิมสตรอว์เบอร์ยี”
โทมะดันสตอว์เบอร์รีที่ตัวเองกินค้างไว้ใส่เข้าไปในปากของมินจุนแล้วอมยิ้ม มินจุนค่อยๆ เคี้ยวสตอว์เบอร์รีแล้วมองไปที่เด็กน้อย
“โทมะ…”
“เป็นอะไรน่ะ”
เคนตะรีบลุกพรวดแล้วยืนก้มหน้าหลังจากได้ยินเสียงของไดกิ
“มาแล้วเหรอครับ”
เวลาไดกิเข้ามาที่นี่ แน่นอนว่าลูกน้องทุกคนในบ้านจะต้องออกไปรอรับเขา ยกเว้นสี่คนนี้ที่เขามักจะจับได้ในที่เกิดเหตุเสมอ
“จิตใจของคนเป็นแม่มันเอ่อล้นเสียจนร้องไห้ออกมาน่ะ อาหารเย็นวันนี้ต้องเป็นซี่โครงหมู่ตุ๋น ของโปรดมินจุนซะแล้วล่ะ ร้องไห้แล้วก็คงจะหิว”
ไดกิที่กลับมาเร็วกว่าปกติจ้องมองมินจุนที่กำลังร้องไห้เพราะคำพูดของโช ตอนนั้นเองมินจุนเช็ดน้ำตาแล้วอุ้มโทมะลุกขึ้น คิ้วของไดกิที่กำลังมองไปที่มินจุนหงิกงอจนไม่น่ามอง ไดกิช้อนคางของมินจุนขึ้น เห็นน้ำสีแดงจากสตรอว์เบอร์รีที่โทมะป้อนไว้ไหลย้อยลงมาตามคาง
“อ๊ะ หม่าม้า ตรงนี้มีน้ำสตรอว์เบอร์ยี”
โทมะแลบลิ้นเลียคางของมินจุนโดยไม่ได้คิดว่าริมฝีปากของตัวเองก็เหนียวเหนอะไปด้วยสตรอว์เบอร์รี
“โทมะ”
ไดกิเรียกโทมะด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติเล็กน้อยแล้วรีบเดินเข้าไปอุ้มโทมะ
“ป๊ะป๋า คิดถึงโทมะหยอ”
“เรื่องพวกนี้เดี๋ยวป๊ะป๋าทำเอง”
พูดจบไดกิก็ดึงมินจุนเข้ามากอดแล้วใช้ลิ้นเลียน้ำสตอว์เบอร์รีที่โทมะกินค้างไว้จนเกลี้ยง เรนกับเพื่อนๆ ที่ได้เห็นภาพอันไม่คาดคิดมาก่อนหลังเลิกงานรีบหันหน้าหนี มีเพียงโทมะที่ดึงหน้าของมินจุนกลับมาแล้วตีไหล่ของไดกิ
“อย่าโฮกใส่หม่าม้านะ!”

* * *

มินจุนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจึงใช้ขาเกี่ยวเอวของไดกิเข้ามา
“วันนี้คุณเป็นอะไรครับเนี่ย ให้ตายผมก็ทนไม่ไหวแล้ว รีบๆ ใส่เข้ามาสักที”
“แค่วันนี้ที่ไหน ฉันก็บริการให้นายระดับนี้ทุกทีนะ”
ไดกิจูบลงบนหน้าผากของมินจุนที่กำลังขมวดคิ้วจ้องมองมาที่เขาแล้วจูบที่ปากเบาๆ มินจุนอาจรับมือกับความป่าเถื่อนของไดกิไม่ค่อยไหว แต่ความอ่อนโยนของอีกฝ่ายก็ทำให้หัวใจของมินจุนกระเจิดกระเจิง
“อะ อุ๊บ… ฮ้าา ไดกิ…”
“อย่าร้องสิ เวลานายร้องมันทำให้ฉันแทบจะเป็นบ้า”
ไดกิกอดเอวมินจุนไว้พลางกระซิบเบาๆ เขามองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งว่ามินจุนรู้สึกปวดใจกับเรื่องของโทมะ เมื่อความร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย มินจุนได้แต่พยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง ไดกิยกก้นของมินจุนขึ้น จากนั้นก็เริ่มถูไถส่วนปลายอวัยวะของตัวเองที่บริเวณทางเข้า เวลาที่ไดกิสอดใส่ มินจุนจะรู้สึกเสียวซ่านราวกับหัวจะแตก แต่เวลาที่ของไดกิถูไถอยู่ตรงนั้นพอให้รู้สึกกระวนกระวาย มินจุนจะส่ายสะโพกไปมาพร้อมส่งเสียงร้องครวญครางเหมือนกำลังจะขาดใจ
เมื่อส่วนปลายอวัยวะนั้นอยู่พอดีกับทางเข้า มินจุนก็ผ่อนแรงเกร็งที่ท้องแล้วค่อยๆ หายใจออก เขาคิดว่าทันทีที่สุดลมหายใจนี้ ส่วนนั้นของไดกิคงจะเข้ามาข้างในพอดี ทว่าเขาคิดผิด เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะทนรอไม่ไหวอีกต่อไป บางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ได้เข้ามาในร่างกายของมินจุนพร้อมทั้งเขย่าตัวเขา
“ช้าๆ หน่อยสิ… อึก เจ็บนะ… ไหนบอกว่าถ้าผมร้องคุณจะเป็นบ้าไง โกหกนี่”
“ร้องแบบนี้จะร้องออกมาเท่าไรก็ได้ เงียบปากซะแล้วลองปล่อยให้ร่างกายของนายรู้สึกถึงฉัน วันนี้ต้องเสร็จพร้อมกันเหมือนครั้งที่แล้วนะ ถ้าเสร็จก่อนแค่วินาทีเดียว… ฉันจะเริ่มใหม่จนกว่าจะเสร็จพร้อมกัน”
ริมฝีปากอันร้อนผ่าวลามเลียเข้าไปในหูพลางกระซิบเบาๆ มินจุนตัวสั่นระริก รู้สึกเหมือนกำลังจะมีอะไรไหลออกมาจึงรีบเอามือปิดไว้
“ไม่นะ! นี่ไม่ใช่… ผมยังไม่ได้เสร็จนะ…”
“มินจุน”
“ครับ…”
“ฉันจะเริ่มอีกรอบแล้วนะ”
“อึก…เอาออกไป! ไอ้ซังกะบ๊วย!”

ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด

ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด

ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด
Score 8.9
Status: Ongoing
อ่านตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติดเรื่องย่อ อุตส่าห์วาดฝันชีวิตในต่างแดนไว้อย่างดี แต่ทำไมทุกอย่างมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย! มินจุน หนุ่มน้อยสัญชาติเกาหลีวัย 22 ปี ดั้นด้นจากบ้านเกิดมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ทว่าเขาดันถูกคนรักที่เพิ่งคบกันเมื่อหกเดือนก่อนหลอกรีดไถเงินไปจนหมด แถมยังโดนเอาชื่อไปใช้กู้เงินนอกระบบอีก และถึงจะอยากหนีกลับเกาหลีมากแค่ไหน พาสปอร์ตก็ถูกยึดไปแล้ว! ขณะที่สิ้นหวังว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี จู่ๆ ฟ้าก็ประทานขบวนรถเบนซ์สีดำเรียงแถวหน้ากระดานมาจอดตรงหน้า มินจุนผงะ ถอยกรูดไปชิดกำแพงอัตโนมัติด้วยความตื่นกลัว …จากนั้นก็มีเด็กชายตัวน้อยวิ่งลงจากรถเบนซ์เข้ามากอดเขาโดยไม่ทันตั้งตัว “หม่าม้า!” ‘อะไรนะ หม่าม้า? ใครกัน? ฉันเหรอ!?’ “ฉันจะให้นายมาเป็นแม่ชั่วคราวของลูกชายฉัน” เจ้าพ่อยากูซ่าอย่าง ไดกิ พูดไปควงปืนไป แบบนี้… เขาคนเดียวจะไปสู้ไหวเหรอ!? แต่ผู้ชายหล่อบาดใจแถมอันตรายนิดๆ นี่มันสเป็คเขาเลยนี่นา… ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองจีบยากูซ่าสักครั้งก่อนตายก็แล้วกัน!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset