the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 167 ทางตัน

ตรอกนี้กว้างแค่สามคนผ่าน ทั้งยังเป็นทางตันอีก

เริ่นเสี่ยวซู่มองสำรวจผู้มีพลังพิเศษทั้งสองคนจากกองกำลังก่อนอรุณที่ยืนฝั่งทางตัน ว่าตามตรง เขายังไม่เคยต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษจริงจังมาก่อน เขาอยากรู้นักว่าระดับตัวเองในหมู่ผู้มีพลังพิเศษเป็นอย่างไร มีแต่ต้องต่อสู้กันถึงจะรู้

เริ่นเสี่ยวซู่ใม่ใช่คนขี้ขลาด เพราะถ้าเขาเป็นคนขี้ขลาด เขาคงไม่เอาตัวรอดในแดนรกร้างมาได้นานขนาดนี้

เขาเลี่ยงปัญหาไม่ได้ มีแต่ต้องฆ่าผู้สร้างปัญหา กฎแห่งแดนรกร้างเป็นเช่นนี้แล

ผู้มีพลังพิเศษทั้งสองมองหน้ากันพร้อมกับเปิดยิงใส่เริ่นเสี่ยวซู่ คืนนี้พวกเขาพลาดไปรอบหนึ่งแล้ว ถ้ายังพลาดอีก พวกเขาคงต้องเผชิญชะตากรรมโดนกำจัดแทน

กำแพงสองด้านในตรอกทำจากอิฐสีขี้เถ้า เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีทางให้หลบได้ พริบตานั้นเอง ร่างแยกเงาที่อยู่ในพระราชวังก็แยกตัวออกจากเริ่นเสี่ยวซู่มาปรากฏเบื้องหน้า

เริ่นเสี่ยวซู่กับร่างแยกเงายืนเป็นแนวตรงกันอย่างพอดิบพอดี พอกระสุนยิงใส่ร่างแยกเงา ก็เหมือนยิงจมลงไปในห้วงทะเลลึก กระสุนไม่ทะลวงไปโดนเริ่นเสี่ยวซู่หรืออย่างอื่นแม้แน่น้อย

ตอนที่กระสุนยิงโดนร่างเงานั้น เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนถูกยิงโดยตรง ทว่าเขาได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นทนความเจ็บปวด

ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นกระจายไปตามกระดูกและอวัยวะ ทว่ายิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากเท่าใด สติของเริ่นเสี่ยวซู่ก็ยิ่งกระจ่างชัดเท่านั้น

ผู้มีพลังพิเศษทั้งสองจากก่อนอรุณก็ไม่ทันตั้งตัวว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะมีพลังเรียกร่างแยกเงาออกมา ที่ตามล่าเขาก็เพราะเพียงอยากจับสูเสี่ยนฉู่เท่านั้น ที่สมาคมตระกูลชิ่งออกหมายจับสูเสี่ยนฉู่ ทั้งชี้แจงระบุหน้ารูปลักษณ์และพลังนั้นไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป ทำให้บริษัทหัวจ่งเกิดสนใจในตัวสูเสี่ยนฉู่ขึ้นมาอย่างมาก

พวกเขานึกว่าคนที่หลัวหลานตามล่าคือสูเสี่ยนฉู่ ไม่คิดเลยว่าจะกลับกลายเป็นคนตรงหน้าผู้นี้!

พวกเขาแค่นเสียง โยนปืนพกลงกับพื้น จากนั้นก็ชักดาบยาวออกมาจากเอว เรื่องล่าผู้มีพลังพิเศษ พวกเขาถนัดนัก

ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็เห็นคนผู้หนึ่งถอดถุงมือหนังออก มือหลังถุงมือปรากฏเป็นกรงเล็บสีดำ เขายังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า นี่คือผลจากการดัดแปลงพันธุกรรมเช่นนั้นหรือ?

สมาชิกของก่อนอรุณคนหนึ่งหัวเราะ “ใจกล้าไม่เบานี่”

เริ่นเสี่ยวซู่มองผู้มีพลังพิเศษทั้งสองอย่างเงียบงัน เขายกมือขึ้นมาก่อนจะคว้าอะไรบางอย่าง จากนั้นก็กระชากออก!

พวกเขาเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ดึงดาบทมิฬออกมาจากอากาศ นี่มันพลังพิเศษอะไรกัน พวกเขาสองคนไม่เคยเห็นผู้มีพลังพิเศษที่มีพลังสองอย่างในคนเดียวมาก่อน

“นายมีพลังพิเศษสองแบบได้ยังไง” หนึ่งในสมาชิกก่อนอรุณขมวดคิ้วถาม

เริ่นเสี่ยวซู่แสยะยิ้ม “ไม่ใช่สอง สามต่างหาก”

ตอนที่คุยกัน เริ่นเสี่ยวซู่เปิดประตูเงาขนาดจิ๋วตรงข้างเอว เขายกดาบขึ้นแล้วแทงลงไปในประตูเงา

ชิ้ง! ชายที่กำลังพูดอยู่ก้มมองปลายดาบที่แทงทะลุอกตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า โลหิตไหลริน…

นี่มันพลังบ้าบออะไร!

อยู่ตรงหน้าแท้ๆ เหตุใดถึงลอบแทงมาจากข้างหลังได้!

สมาชิกของก่อนอรุณอีกคนตะลึง ไม่คิดเลยว่าสมาชิกของเขาสองคนจะจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้!

วินาทีต่อมา ร่างแยกเงาก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างดุร้ายไม่ต่างจากรถไฟขบวนหนึ่ง สมาชิกก่อนอรุณคนสุดท้ายกระโดดขึ้นไปบนอากาศ คิดจะกระโดดข้ามร่างแยกเงาไปฆ่าเริ่นเสี่ยวซู่!

แต่ก่อนที่เขาจะกระโดดข้ามร่างแยกเงา ผู้มีพลังพิเศษก็เห็นร่างแยกเงากระโดดขึ้นมาจากพื้นเช่นกัน เขาใช้ขาข้างหนึ่งกระทืบไปที่ร่างเงา ทว่ามันไม่กลัวแม้แต่น้อย คว้าข้อเท้าเขาไว้

ความเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นมาจากข้อเท้ากินสติสัมปชัญญะเขาไป มือของร่างแยกเงาไม่ต่างจากคีมเหล็กบดเบียดข้อเท้าเขา

เกิดเสียงดังแกร๊ก เขาตกตะลึงที่เห็นว่ากระดูกข้อเท้าของเขาแตกแล้ว!

ที่สำคัญคือกระดูกและกล้ามเนื้อของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้มีพลังพิเศษคนอื่นมาก ในการต่อสู้ปกติ พวกเขาล้วนรับการโจมตีได้อย่างไม่ยี่หระ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร!

ร่างเงาผีสางนั่นกันกระสุนได้ก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังใช้มือเปล่าบดข้อเท้าเขาได้อีก ต้องมีพละกำลังมากมายขนาดไหน!

ขณะเดียวกัน เริ่นเสี่ยวซู่ที่ตอนแรกระมัดระวังอย่างมากกำลังตาค้าง ทำไมเจ้าพวกนี้มันอ่อนจังเนี่ย!

หลังจากบดขยี้ข้อเท้าของคู่ต่อสู้แล้ว ร่างแยกเงาก็ไม่หยุดนิ่ง กำข้อที่หักไปแล้วแน่น และกระชากลงมาให้กระแทกพื้นอย่างดุร้าย เพราะสู้กันกลางอากาศ การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วจนเห็นภาพติดตา การเคลื่อนไหวอันทรงพลังราวกับทำให้อากาศระเบิดออก

ร่างแยกเงาและผู้มีพลังพิเศษแลกกระบวนท่ากัน แต่เขาก็พบว่าแม้ตนเองจะแทบแตกพ่ายแล้ว ฝ่ายตรงข้ามนั้นกลับยังปกติสุขอยู่เลย ตอนนี้จะใช้พลังพิเศษตัวเองยังไม่มีเวลาใช้ด้วยซ้ำ

พอทั้งสองลงมาถึงพื้น เท้าของร่างแยกเงามาถึงพื้นก่อนแล้ว ทว่ามันไม่หยุดนิ่ง พุ่งตัวเข้าไปยังผู้มีพลังพิเศษต่อทันที คว้าตัวเขาไว้และบดกระแทกเข้ากับกำแพงตรอก เกิดเสียงดังสนั่น กำแพงเกิดรอยแตกในพลัน

รอยแตกบนกำแพงมีลักษณะเป็นใยแมงมุมน่ากลัว และผู้มีพลังพิเศษที่ติดอยู่ในกำแพงไม่ต่างจากรูปภาพที่แขวนบนกำแพง!

ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว ก็เห็นร่างแยกเงาถอยหลังไปเล็กน้อย ขาข้างหนึ่งเยื้องข้างหน้า พอเคลื่อนไหวอีกครา ก็กระโจนมาหาเขาอย่างดุร้ายราวกระสุนปืนใหญ่ ใช้ไหล่กระแทกไปเพื่อให้ได้พลังโจมตีสูงสุด

หน้าอกของผู้มีพลังพิเศษยุบลงไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้นั้นทรงพลังขนาดไหน!

ขณะที่เริ่นเสี่ยวซู่กำลังจะถอนหายใจ ก็สัมผัสได้ว่าอากาศข้างหลังนั่นสั่นไหวเหมือนคลื่นน้ำ

เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมอง แล้วเห็นผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งกำลังพุ่งมาพร้อมดาบอย่างเลือนราง กลับกลายเป็นว่าก่อนอรุณไม่ได้มีสมาชิกแค่สี่คน ยังมีอีกหนึ่งคนใช้พลังพิเศษคอยเคลื่อนไหวในความมืด

“ไม่จบไม่สิ้น” เริ่นเสี่ยวซู่แค่นเสียง

กล้ามหน้าท้องเขาเกร็งแน่นจากนั้นก็บิดเอวตวัดดาบออก

จิตตานุภาพเหล็กกล้ากู่ก้องไปในอากาศ นอกจากเริ่นเสี่ยวซู่ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวินาทีต่อมา

เกิดเสียงดังสนั่น ผู้มีพลังพิเศษกำลังตะลึงที่ดาบคู่มือของตนนั้นโดนดาบทมิฬลึกลับตัดผ่าไปราวกระดาษแผ่นหนึ่ง จากนั้นเขาก็เห็นแขนตัวเองหลุดออกจากร่าง โลหิตสาดกระเซ็นออกมาจากแขนข้างที่ถูกตัด!

ร่างโปร่งใสของเขาก่อนหน้าปรากฏเด่นชัด ไม่มีที่ให้หลบแล้ว!

เริ่นเสี่ยวซู่รู้อยู่แล้วว่าดาบทมิฬนั้นคมมากตั้งแต่ใช้ฆ่าพวกตัวทดลอง ของที่พระราชวังสุดพิศวงให้มาไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง

จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็เกร็งขาแล้วพุ่งไปข้างหน้า ก่อเกิดเป็นแรงกดดันมหึมาถาโถม ก่อนที่คู่ต่อสู้เขาจะได้สติกลับมา เริ่นเสี่ยวซู่ก็ใช้ดาบทมิฬกระซวกแทงเขาจนกระแทกเข้ากับกำแพงตันของตรอก!

เริ่นเสี่ยวซู่ดึงดาบออกมาจากกำแพง ปล่อยให้ซากศพที่สิ้นแรงเคลื่อนลงมาจากกำแพงด้วยท่าทางพิกล

ตอนนี้ทั้งตรอกมีแต่โลหิตแปดเปื้อนเต็มไปหมด เริ่นเสี่ยวซู่ยืนสงบนิ่ง ในใจคิด คนจากก่อนอรุณก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนี่

ดังสำนวนที่ว่า มาดุร้ายอย่างเสือแต่กลับอย่างหมา

เจ้าพวกผู้มีพลังพิเศษอ่อนด๋อยเอ้ย ขนาดสู้กับสามต่อหนึ่งยังแพ้ แล้วตอนแรกจะโม้เสียเยอะแยะทำไม

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset