คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 125 พวกเจ้ามีแผนร้าย

พานจั๋วเยวี่ยมาถึงหน้าเจดีย์สมบัติไม่ได้นำสิ่งของเช่นป้ายหยกออกมาเปิดการป้องกัน ทว่าใช้พัดหยกปาดผ่านมืออย่างสง่างาม นิ้วมือของเขาก็มีรูเล็กๆ บีบโลหิตสดออกมาหยดหนึ่ง

จากนั้นเห็นเขาพึมพำร่ายเวท โลหิตสดหยดนั้นก็ลอยขึ้นเข้าไปในประตูใหญ่ของเจดีย์สมบัติ โลหิตสดเพิ่งหยดเข้าไป ประตูก็เปล่งแสงสว่างวาบ การป้องกันของเจดีย์สมบัติเปิดออก

พานจั๋วเยวี่ยกำลังคิดจะผลักประตูเจดีย์สมบัติให้เปิดออก จินเฟยเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาตลอดก็พุ่งมาดึงมือของเขา อ้าปากดูดนิ้วอย่างแรง จากนั้นใบหน้าแดงก่ำแล้วเอามือมาปิดใบหน้าเอ่ยว่า “ข้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงควบคุมความรู้สึกไม่ได้แบบนี้ ต้องโทษพี่เขย”

ฉากนี้เกิดขึ้นในพริบตา พานจั๋วเยวี่ยถูกการดูดนิ้วทำเอางุนงง ยืนยื่นนิ้วมืออย่างตะลึงงัน จนกระทั่งได้สติ เกิดอะไรขึ้น การกระทำแบบนี้สนิทสนมเช่นนี้ทำให้เขาจิตใจเบิกบาน

พานจั๋วเยวี่ยผลักประตูใหญ่ของเจดีย์สมบัติอย่างอารมณ์ดี พาคุณหนูสามตระกูลอู่ในความคิดของเขาเดินเข้าไป

พอจินเฟยเหยาเข้าเจดีย์สมบัติ แวบแรกที่เห็นคือบนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าไหม มีหินผลึกสีขาวน้ำนมขนาดเท่าหนานกวา[1]ชิ้นหนึ่งลอยอยู่ตรงกลาง รอบด้านมีภาพอักษร บริเวณใกล้กำแพงมีตัวเป่าเก๋อ[2]จำนวนไม่น้อย บนนั้นจัดวางสิ่งของจำนวนมาก ด้านข้างยังมีบันไดนำไปสู่ด้านบน

เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น จินเฟยเหยาพุ่งไปที่หินผลึกเทียนจี๋ที่วางอยู่ตรงกลาง หลังจากมองดูหลายครั้งนางก็ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาเชิดหน้าเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ที่แท้ก็ของแค่นี้ ของแบบนี้มีในคลังสมบัติตระกูลข้ามากมาย น่าเบื่อจริงๆ ทำให้ข้าต้องละทิ้งงานเลี้ยงน้ำชาแล่นมาเอง เสียเที่ยวจริงๆ”

“ข้าบอกตั้งนานแล้ว เจ้าไม่เชื่อเอง ฉงเหล่ย ครั้งนี้เจ้าเชื่อพี่เขยว่าไม่เคยหลอกลวงเจ้าแล้วสินะ” พานจั๋วเยวี่ยเดินเข้ามาใกล้จินเฟยเหยา ฉวยโอกาสแนบชิดข้างกายนาง คิดจะเคลื่อนไหวก้าวต่อไป

ไม่รอให้เขามีความเคลื่อนไหวอะไรต่อไป จินเฟยเหยาก็อาละวาดอีก “ไม่ได้ จะปล่อยให้สตรีผู้นี้เอาเปรียบไม่ได้ ทำให้ข้ามาเสียเที่ยว ข้าต้องสั่งสอนนางสักหน่อย”

ทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้ คุณหนูสามตระกูลอู่ผู้นี้ก็วิ่งออกจากเจดีย์สมบัติ ตอนพานจั๋วเยวี่ยไล่ตามออกจากหอสมบัติ ก็ไม่รู้ว่าจินเฟยเหยาหายไปทางใดนานแล้ว

“ยายนี่เผ่นได้เร็วจริง ข้ายังไม่ทันทำอะไรเลย ก็เผ่นหนีจนไม่เห็นเงาแล้ว นางปิศาจน้อย” พานจั๋วเยวี่ยยืนอยู่หน้าเจดีย์สมบัติ เห็นรอบด้านว่างเปล่าก็รู้สึกช่วยไม่ได้ เหมือนตนเองถูกน้องสาวผู้ร้อนแรงยั่วเย้าให้ตื่นเต้นไปเปล่าๆ

“ไม่ได้ จะปล่อยให้นางหนีไปแบบนี้ไม่ได้ ยังไม่ได้ลิ้มรสเลยสักนิด” พานจั๋วเยวี่ยยังไม่เลิกล้ม ปิดประตูใหญ่ของเจดีย์สมบัติแล้วไล่ตามคุณหนูสามตระกูลอู่ไปอย่างเร่งร้อน

หลังปิดประตูใหญ่ของหอสมบัติการป้องกันก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติว่างเปล่าไร้ผู้ใด แต่หินผลึกเทียนจี๋ที่วางอยู่กลางโต๊ะหายไปอย่างกะทันหัน จากนั้นสิ่งของบนตัวเป่าเก๋อก็หายไปทีละชิ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจินเฟยเหยาฉวยโอกาสเผ่นหนีออกมา ก็แปะยันต์ซ่อนกายลงบนร่างของตนเองทันที ตอนพานจั๋วเยวี่ยไล่ตามออกไปนางก็หายตัวพอดี ขณะที่พานจั๋วเยวี่ยยืนพึมพำกับตนเองตรงประตู จินเฟยเหยาก็แอบกลับเข้าไปทางประตู พานจั๋วเยวี่ยที่ถูกราคะครอบงำจิตใจไม่ได้ตระหนักเลย

นางยืนอยู่ในมุมหนึ่งตลอดเวลา รอจนพานจั๋วเยวี่ยปิดประตูจากไปจึงเริ่มหยิบสิ่งของ จินเฟยเหยากวาดชั้นหนึ่งจนว่างเปล่ายังคิดจะขึ้นชั้นบน เดินมาถึงหน้าบันไดจึงพบว่าที่นี่มีการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงได้แต่เลิกล้ม

ตอนพานจั๋วเยวี่ยหาตัวคุณหนูสามตระกูลอู่ตัวจริงพบและหยอกเย้าอีกครั้ง แผนการร้ายต้องถูกเปิดเผยออกมาแน่ ดังนั้นนางต้องรีบออกไปจากที่นี่

เห็นชั้นหนึ่งไม่มีอะไรให้หยิบแล้วจริงๆ จินเฟยเหยาก็เดินมาถึงหน้าประตูเจดีย์ อ้าปาก ฟองแสงนรกขนาดเท่าเล็บนิ้วลอยออกมา ในฟองแสงนรกยังมีโลหิตสีแดงสดหยดหนึ่ง เป็นโลหิตที่นางจงใจดูดออกมาตอนดึงนิ้วพานจั๋วเยวี่ยมาดูด

นางชี้ไปที่ประตู โลหิตในฟองแสงนรกก็สาดไปบนการป้องกันของประตูใหญ่ การป้องกันเพียงได้รับโลหิตสดของพานจั๋วเยวี่ย แต่ไม่ได้รับคาถา เพียงเริ่มสั่นกระเพื่อม ไม่ได้เปิดออก สิ่งที่จินเฟยเหยาต้องการก็คือการสั่นกระเพื่อมไม่เสถียรนี้ ไปลอกเลียนแบบคาถาเปิดประตูอะไรนั่นโง่งมเกินไป

นางกำหมัด ดวงไฟนรกจุดขึ้น ไฟนรกสีดำทั้งหมดมารวมกันด้านหน้า นางชกลงไปตรงตำแหน่งที่การป้องกันกระเพื่อมรุนแรงมากที่สุดอย่างหนักหน่วง ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ประตูใหญ่ของเจดีย์สมบัติถูกต่อยเป็นรูขนาดใหญ่ กระดิ่งวิญญาณที่แขวนบนเจดีย์สมบัติดังขึ้นทันที เสียงเอะอะจนคนทั่วทั้งเกาะได้ยิน

ส่วนจินเฟยเหยาฉวยโอกาสนี้มุดศีรษะออกจากเจดีย์สมบัติแปะยันต์ซ่อนกายแล้วกระโดดออกมาข้างนอก

ตอนนี้นางไม่ต้องกลับไปงานเลี้ยงน้ำชาแล้ว เนื่องจากพานอี้อันจะสวมชุดแบบเดียวกันเข้ามาทางประตูข้างที่มีคนน้อยในขณะที่นางเข้ามาตระกูลพานไม่นานตามความคาดหมาย ในมือยังถือกล่องอาหารที่ใช้เป็นข้ออ้างว่าทำไมต้องออกไปอีกครั้ง ด้านในใส่ขนมที่นางทำเสร็จนานแล้วถึงไม่มีคนเคยกินและให้ความสำคัญมาก่อน

ในด้านความกล้าและวิสัยทัศน์ พานอี้อันมีมากกว่าพานจั๋วหวามากนัก ยามนี้พานอี้อันกำลังยกกล่องอาหารจงใจเบียดมาเบื้องหน้าทุกคน เชิญทุกคนลิ้มชิมด้วยกัน ผู้ใดจะกินกับนาง ย่อมต้องรังแกอีกรอบ แม้แต่ขนมก็ถูกโยนทิ้งพื้น คุณหนูสามตระกูลอู่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา มองดูนางถูกรังแกกับคุณหนูของตระกูลพาน

ส่วนพานจั๋วเยวี่ยก็มาถึงงานเลี้ยงน้ำชา พอเห็นคุณหนูสามตระกูลอู่เขาคิดไม่ถึงว่านางจะเปลี่ยนชุดแล้ว ฟุ่มเฟือยจริงๆ ยามนี้คุณหนูของตระกูลพานยืนขึ้นไม่ให้ทุกคนเอะอะพอดี ด้านข้างจึงเหลือคุณหนูสามตระกูลอู่เพียงคนเดียว

เขาก้าวเร็วๆ เข้ามาหา เอ่ยถามเสียงเบา “เหตุใดฉงเหล่ยจึงเดินเร็วแบบนี้ ให้พี่เขยต้องไล่ตามแทบแย่”

อู่ฉงเหล่ยเงยหน้าขึ้นมองพานจั๋วเยวี่ยอย่างตกตะลึง ได้ยินว่าพี่เขยคนนี้นิสัยเจ้าชู้ ชื่อเสียงไม่ค่อยดี ก่อนพี่สาวแต่งงาน นางก็ไม่ประทับใจเขา คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะไร้มารยาทถึงเพียงนี้ เกี้ยวพาราสีแม้แต่น้องสาวภรรยา

ในใจเกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นในพริบตา เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้านั่งอยู่ที่นี่ตลอดไม่เคยขยับ คำว่าเดินเร็วมาจากที่ใด พี่เขยโปรดระวังการกระทำด้วย”

พานจั๋วเยวี่ยถูกเย็นชาใส่ นึกว่าตอนนี้มีคนมากมายนางเพียงแค่เขินอายเท่านั้น จึงยิ้มน้อยๆ ดังเดิมเอ่ยเสียงเบา “ในเมื่อฉงเหล่ยรู้สึกว่าที่นี่มีคนมากมายไม่สะดวก อีกสักครู่พวกเราพบกันที่ข้างเรือนตะวันตก”

“ท่านกำลังพูดอะไร คิดจะทำลายชื่อเสียงของข้าหรือ? เมื่อครู่ข้าเห็นแก่หน้าพี่สาวจึงไม่เอาเรื่องท่าน ท่านยังหน้าไม่อายอีก” อู่ฉงเหล่ยยืนขึ้น อย่างไรเสียทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ต่อให้เป็นธิดาของครอบครัวมั่งมีก็เป็นคนที่มีความแข็งแกร่ง บวกกับนิสัยของนางแย่กว่าคนอื่นหลายเท่า นางรู้สึกได้รับความอับอายจึงจ้องมองอย่างมีโทสะทันที

พานจั๋วเยวี่ยหยอกล้อสตรีมาหลายสิบปี เมื่อใดกันที่ไม่เป็นดังใจปรารถนา ไหนเลยจะเคยรองรับโทสะของสตรี บวกกับเห็นได้ชัดว่าอู่ฉงเหล่ยเป็นฝ่ายยั่วยวนเขาก่อน ยามนี้ยังเสแสร้งทำไม เขาก็มีโทสะเอ่ยเสียงดังลั่น “เมื่อครู่หน้าเจดีย์สมบัติเจ้าบอกว่าชอบข้า ยังเลียนิ้วของข้า”

“ท่าน…” อู่ฉงเหล่ยหน้าแดงก่ำจากศีรษะจรดเท้า คำพูดที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้นางเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก มีโทสะจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “เจ้าคอยดูเถอะ ข้าจะบอกท่านปู่แน่ เจ้าถึงกับกล้าหยามเกียรติข้า”

ทั้งสองคนตะโกนเสียงดัง สตรีโดยรอบเงียบกันหมดมีสีหน้าตกตะลึง ทว่าในใจจ้องมองคนทั้งสองอย่างยินดีแทบคลั่ง สามารถเห็นเรื่องเป็นชู้กันกับตาตนเองทำให้สตรีเหล่านี้ตื่นเต้นกางหูผึ่งคิดจะรับฟังรายละเอียด ไม่มีผู้ใดสนใจพานอี้อันที่อยู่ด้านข้าง

ภายใต้การมุงดูของทุกคน พานจั๋วเยวี่ยและอู่ฉงเหล่ยสองคนต่างลำบากใจอย่างยิ่ง ไม่มีบันไดให้ลง ทั้งยังกลายเป็นที่น่าหัวเราะเยาะของทุกคน ในขณะนี้เองกระดิ่งเตือนภัยบนเจดีย์สมบัติก็ดังขึ้น มีคนบุกรุกเจดีย์สมบัติ

“แย่แล้ว มีคนบุกรุกเจดีย์สมบัติ” พานจั๋วเยวี่ยทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วฉวยโอกาสหมุนตัวเผ่นหนี

ส่วนอู่ฉงเหล่ยเอ่ยอย่างดุร้าย “สถานที่บ้าบออะไรข้าไม่ไปแล้ว กลับบ้าน” ฉวยโอกาสชุลมุนพาพี่น้องในตระกูลเดินเชิดหน้าจากไป

เสียงกระดิ่งบนเจดีย์สมบัติดังไม่หยุด ตระกูลพานเกิดเรื่อง สตรีของแต่ละตระกูลที่มาเที่ยวเล่นล้วนทยอยจากไป ผู้ใดจะรู้ว่าต้องถูกขวางให้อยู่ที่นี่เนื่องจากสิ่งของถูกขโมย แม้แต่บรรดาสตรีตระกูลพานก็ทยอยกันหนีไปคฤหาสน์ของแต่ละคน ส่วนบุรุษจำนวนมากเร่งรุดไปที่เจดีย์สมบัติคิดจะขัดขวางผู้บุกรุก

เห็นคนอื่นๆ ทยอยไปจากงานเลี้ยงน้ำชา พานอี้อันก็จากไปตามทุกคน นางไม่ลืมคำกำชับของจินเฟยเหยา เบียดไปข้างคนอื่นๆ โดยเฉพาะ ปะปนในหมู่สตรีเผ่นหนีออกจากคฤหาสน์หลักตระกูลพาน

เนื่องจากพานจั๋วหวาเป็นผู้คุ้มกันยามนี้ต้องไปที่เจดีย์สมบัติ เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลายร้อยปีมานี้ตระกูลพานไม่เคยเกิดเรื่องคนบุกรุกดังนั้นคนเฝ้าประตูใหญ่จึงไม่ได้เตรียมตัวตอบสนองในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงขัดขวางคนเหล่านี้ไม่ได้เลยสักนิด ทั้งโดนเบียดจนเดินไม่มั่นคง ได้แต่มองคนเหล่านี้โดยสารเรือน้อยจากไป

พานอี้อันกลับถึงบ้าน รอคอยข่าวคราวของจินเฟยเหยาอย่างกังวลกับพานอี้ ยืนอยู่ในเรือนก็สามารถเห็นภายในคฤหาสน์หลักตระกูลพานจุดไฟสว่างจ้า ส่งเสียงเอะอะสุดเปรียบปาน พานจั๋วหวาก็อยู่ในกลุ่มคนที่ค้นหาผู้บุกรุก ท่าทางคงกลับมาไม่ได้สักพัก

ในขณะที่ทั้งสองคนรอคอยอย่างกังวลใจยิ่ง นกถ่ายทอดเสียงตัวหนึ่งก็บินมาบอกพวกเขาว่า “ข้าหนีออกมาได้ และได้ของมาอยู่ในมือแล้ว ขอเพียงไม่สารภาพเรื่องข้าออกไปเรื่องถัดจากนี้พวกเจ้าจะทำอะไรก็เชิญ”

พานอี้สองปู่หลานมองหน้ากันอย่างจนวาจา คนผู้นี้หนีไปแล้วทั้งยังคร้านจะพบหน้าพวกเขา แต่ในเมื่อได้ของมาอยู่ในมือแล้ว เรื่องต่อไปก็คือทุกคนแสร้งทำเป็นไม่รู้จากนั้นก็ปฏิเสธการแต่งงาน

ส่วนพานจั๋วหวาวันที่สองจึงกลับมา พอถามจึงได้รู้คืนนั้นพวกเขาค้นหาอยู่นานก็หาจุดที่น่าสงสัยไม่พบ อีกทั้งสิ่งของทั้งหมดในเจดีย์สมบัติชั้นหนึ่งถูกกวาดไปจนเกลี้ยง ถึงแม้จะไม่ถือว่าเป็นสิ่งของชั้นยอดอะไร ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หัวหน้าตระกูลเดือดดาลอย่างยิ่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด

พอตรวจสอบก็พบว่าหลานชายคนดีของตนเองพาคนเข้าไป อดมีเพลิงโทสะแผดเผาไม่ได้ หลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคุณหนูสามตระกูลอู่ก็ไม่รู้ว่าสมควรทำอย่างไรดี

เรื่องที่ตระกูลพานถูกคนบุกรุกเจดีย์สมบัติแพร่สะพัดไปทั่วเมืองวั่นเซียนสุ่ยอย่างรวดเร็ว ซื่อเต้าจิงย่อมไม่ปล่อยข่าวใหญ่แบบนี้ไป ส่วนเรื่องคุณชายใหญ่ตระกูลพานเล่นชู้กับน้องสาวภรรยาตระกูลอู่ยิ่งขยายออกโดยไร้ขอบเขต ถึงกับสะกดข่มเรี่องถูกปล้นได้ ตระกูลพานในยามนี้คิดจะไม่ตรวจสอบตระกูลอู่ก็ไม่ได้แล้ว

………………………………………..

[1] หนานกวา คือ ฟักทอง

[2] ตัวเป่าเก๋อ คือ ตู้โชว์ของโบราณ

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset