แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 284 งานเลี้ยงที่ดี

จื่อฉีและมู่มู่ที่ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางโดยที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่ามีเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้รอพวกเขาอยู่ ทันทีที่เท้าแตะพื้นก็ต้องตกตะลึงกับฝนบุปผา นี่ต้องใช้ดอกไม้เท่าไหร่กันถึงได้มากพอที่จะดูเป็นสายฝนแสนหรูหราเช่นนี้

จากนั้นก็มีเสียงสกุณาขับขานไพเราะเสนาะหู ทำให้ผู้ที่ได้ยินมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แล้วเห็นคู่เอ๋าเลี่ยในชุดแต่งงานเช่นกัน

“นี่พวกท่านกำลังทำอะไรกัน?” ทำไมใส่ชุดแต่งงานอีกครั้ง แถมชุดแต่งงานของพวกเขามีรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่กลับงดงามเหมือนๆกัน

“พี่สาวของเจ้าเป็นคนทำ บังคับให้พวกข้าใส่อีกรอบ เฮ้อ ดอกไม้พวกนี้ให้พวกเจ้า” เอ๋าเลี่ยเบะปาก แต่รอยยิ้มแห่งความสุขที่มุมปากนั้นไม่ว่าจะปกปิดอย่างไรก็ไม่มิด

“เอ๋?” จื่อฉีสงสัยเรื่องนี้ จากนั้นเอ๋าเลี่ยก็เดินเคียงอยู่ข้างซ้ายของจื่อฉี อิงเสวี่ยยืนทางขวาของมู่มู่ ทั้งสี่คนเดินไปข้างหน้าอย่างรอคอบท่ามกลางดอกไม้และเสียงนกร้อง

“พวกเราเคยแต่งงานกันแล้ว ข้าทำเพื่อเป็นเพื่อนพวกเจ้าเท่านั้น ขอให้พวกเจ้ามีความสุขมากๆ” อิงเสวี่ยพูดพลางกุมมือมู่มู่

“ขอบพระคุณท่านพี่มาก” มู่มู่ไม่ยอมเปลี่ยนไปเรียกพี่สะใภ้ตามจื่อฉี่ ยังคงเรียกอิงเสวี่ยว่าท่านพี่

“เจ้าเด็กนี่ ไม่คิดเลยว่าจะแต่งงานเร็วขนาดนี้ ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่เจ้าต้องรักใคร่เอาใจใส่มู่มู่ให้มากๆ ชายที่รักคู่ครองอย่างแท้จริงถึงจะมีอนาคต มีเรื่องใหญ่โตก็จงปรึกษากัน เรื่องเล็กๆยกให้มู่มู่จัดการ เจ้าคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ เข้าใจไหม” เอ๋าเลี่ยเทศนาจื่อฉีอีกครั้ง

“ท่านพี่เอ๋าเลี่ย ท่านแต่งงานครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ ได้เข้าใจอะไรมากขึ้นตั้งมากมาย” จื่อฉีกระเซ้า

“เจ้าเด็กนี่ อย่างข้านี่อาบน้ำร้อนมาก่อน” เอ๋าเลี่ยพูดแล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว

“ใช่ ใช่ ใช่ ท่านคือคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน”  จื่อฉีเออออห่อหมก จริงสิ เรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันของสามีภรรยา พี่สาวของเขาเคยให้ความเห็นประมาณนี้ แต่ก็ยังแตกต่างกันอยู่บ้าง พี่สาวเขาบอกว่า เจ้าสามารถโอ๋ฮูหยินเจ้าได้ แต่อย่าโอ๋นางจนเสียคน ฮูหยินงอแงได้ แต่อย่าให้บ่มเพาะจนกลายเป็นนิสัยไม่ดี ฮูหยินโกรธเคืองเจ้าได้ แต่จะปล่อยให้งอแงโดยไร้เหตุผลไม่ได้ พร้อมกันนั้นนางยังบอกกับเขาว่า ตัวเขาเองจะต้องมีเส้นขีดไว้ แม้ว่ามู่มู่จะไม่ทำแบบนี้ แต่ก็ยังคงต้องมีอยู่  ตนเองก็ต้องมีขอบเขต เจ้าต้องบอกมู่มู่ให้ชัดเจนอย่างไรเสียก็เป็นคนที่ต้องอยู่ร่วมกันไปทั้งชีวิต จะมีเรื่องปิดบังกันก็คงไม่ดี

เมื่อทั้ง 4 คนเดินไปถึงตำแหน่งที่กำหนดไว้ก็เห็นเอ๋าเฟิงนั่งอยู่เหนือทุกคน เอ๋าเลี่ยและอิงเสวี่ยถอยออกไป ทั้งสองไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย หลังจากทำไปตามธรรมเนียมแล้ว ก็เริ่มลงมือกินข้าวกัน

“โอ้ หอยนางรมสดพวกนี้กินแบบนี้ได้ด้วย ไม่ใช่แค่รักษารสชาติความสดของมันไว้ได้ทั้งหมด แถมยังเพิ่มรสชาติอื่นเข้ามาด้วย อร่อยมากเลย”

“ข้าชอบหมั่นโถวชิ้นเล็กสีม่วงนั้นมาก คิดว่าจะกินได้แค่อันเดียวเสียอีก ใครจะเคยคิดว่าการกินอาหารแบบนี้จะกินเท่าไหร่ก็ตักตามที่ต้องการ จะสิ้นเปลืองไม่ได้ และสามารถกินสิ่งที่ชอบได้มากสักหน่อย”

“จริงสิ ขนมปังปลาชิ้นนี้อร่อยทีเดียว หากว่าหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งตำแหน่งต่อหนึ่งคงจะกินได้เพียงเล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้ข้ากินได้ตามที่อยากเลย”

“ไหนจะเครื่องดื่มอีก ข้าไม่ชอบสุราแรงๆ ที่นี่มีสุราให้เลือกมากมาย ตัวข้าชอบสุราผลไม้ รสชาติดีทีเดียว แถมยังไม่ต้องทนดื่มสุราแรงๆด้วย”

“แถมยังดูแลพวกเราอย่างดี คนที่ชอบกินหนักดื่มหนักก็จะจัดที่แยกให้ งานแต่งงานครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก งานเอ๋าเลี่ยคราวก่อนหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมให้นางช่วย คงจะเสียใจภายหลังมาล่ะสิ แต่ตอนส่งตัวเจ้าสาวก็พอคิดว่าพอจะทดแทนได้อยู่”

“นังหนู เอิ๊ก นึกไม่ถึงเลยว่างานแต่งงานครั้งนี้จะดีขนาดนี้ ข้าชื่นชอบมาก ตัดสินใจแล้วว่าต่อไปก็จะทำแบบนี้” เอ๋าเฟิงที่ไม่พอใจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นพึงพอใจ และได้กินอาหารที่ชื่นชอบ กินปลาต้มพริกไปสิบถ้วย รสชาติดีเยี่ยม กินปลาต้มผักกาดดองไปไม่น้อย ส่วนปลาย่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“บรรพชน ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าข้าน่ะใช้ได้” หลิวหลีพูดพลางแทะปีกไก่ไปด้วย ถึงจะดูไม่สุภาพก็ตาม

“ใช่ๆ นังหนู เจ้าทำปลาได้ไม่เลวเลย พอจะ.. เอ่อ..” เอ๋าเฟิงเช็ดมืออย่างเกรงอกเกรงใจ นังหนูเปิดร้านอาหารต้องทำกำไรได้เป็นเท่าตัว

“อยากได้สูตรอาหาร?” หลิวหลีโยนกระดูกไก่ทิ้งแล้วกลอกตา คิดอยู่แล้วเชียวว่าจะเป็นอย่างนี้ ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ถ้าไม่ขยับได้นางก็จะไม่ขยับเลย

“เอิ้ก หลิวหลี แล้วก็อาหารจานไก่อีก” เฟิ่งซานเดินเข้ามาอย่างอิ่มหนำเช่นกัน ใครจะไปคิดว่าไก่ที่ทำได้แค่ย่างนั้นจะสามารถปรุงอาหารออกมาได้หลากหลายขนาดนี้

“พวกเจ้าถ่อมตัวหน่อยไม่ได้หรือ ทั้งหมดนี่เป็นสูตรพิเศษทั้งนั้น” สีหน้าของหลิวหลีบอกว่าของที่ข้ามีเท่านั้นจะให้เจ้าฟรีๆได้อย่างไร

“เอ่อ เรื่องนี้น่ะ โชคดีที่พวกเราล้วนเป็นผู้อาวุโสของเจ้า กตัญญูต่ออาวุโสเป็นเรื่องที่สมควร” สีหน้าเอ๋าเฟิงวางภูมิบอกว่าตนเองเป็นผู้อาวุโสของอีกฝ่าย

“อย่างนั้นหรือ?” หลิวหลีปรายตาเอ๋าเฟิง หน้าล่ะท่านบรรพบุรุษ หน้าของท่านล่ะ

“สูตรอาหารน่ะ ถ้าข้าให้ก็จะให้ท่านบรรพชนเฟยหยางของสกุลหลง” ในความคิดของนางบรรพขนสกุลหลงถึงจะเป็นบรรพบุรุษของนาง พวกท่านก็แค่คนที่ติดมาด้วยเท่านั้น

“ก็ได้ พวกเราค่อยไปเอากับเฟยหยาง” เฟิ่งซานตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายทันที ที่อีกฝ่ายพูดก็ถูก ถึงอย่างไรถ้านับตามสายเลือดแล้ว หลิวหลีก็เป็นลูกหลานสกุลหลง แต่ตาเฒ่าเฟยหยางนั่นมาอ้างสิทธิ์อย่างไรนั้นก็เป็นอีกเรื่อง เฮ้อ

“นังหนู เจ้านี่ร้ายไม่เบา ทั้งที่ให้บรรพชนทั้งสองท่านได้เลยเห็นๆ” ไม่รู้หนานกงเวิ่นเทียนมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ข้าไม่บอกพวกเขาหรอกว่าจริงๆแล้วข้าได้เตรียมสูตรอาหารบางส่วนไว้ให้เอ๋าเลี่ยและจื่อฉีแล้ว ส่วนพวกเขาจะรู้เมื่อไหร่ก็ไม่ใช่เรื่องของข้า” หลิวหลีแบมือทั้งสองออก

หนานกงเวิ่นเทียนพูดไม่ออก เจ้าคนตะกละสองคนนั้นรู้แค่เรื่องกิน สูตรอาหารพวกนี้ให้พวกเขาไปก็เป็นเหมือนแค่เศษกระดาษ จะให้พวกเขาหาเจอ คงต้องให้นายหญิงทั้งสองฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงจะรู้ อีกทั้งแค่มองอิงเสวี่ยและมู่มู่ก็รู้ว่าพวกนางทำอาหารไม่เป็น ดังนั้นเหล่าบรรพชนของเผ่าอสูรทั้งสองคงต้องลงแรงไปอีกนาน

และเป็นอย่างที่หนานกงเวิ่นเทียนคาดเดาไว้ พันปีต่อมาอิ่งเสวี่ยเกิดอยากจะจัดเก็บของในบ้านตนเองขึ้นมา พอมู่มู่เห็นก็บอกว่าตนจะเก็บบ้างเช่นกัน สุดท้ายถึงได้พบสูตรอาหารที่เป็นเหมือนเศษกระดาษ เมื่อเอ๋าเลี่ยและจื่อฉีมอบสูตรอาหารให้กับบรรพชนแล้ว ตอนนั้นเองสีหน้าของพวกเขาก็ทุกข์ทนจนเกินจะบรรยาย ถูกหลงเฟยหยางกลั่นแกล้งมานับพันปี ทั้งที่ในมือของทายาทก็มีสูตรอาหารที่พวกเขาต้องการอยู่ แล้วชวนนึกถึงหลิวหลีนังหนูตัวร้าย เดาว่าคงจะรู้จักนิสัยของคนทั้งสองแน่ว่าเป็นอย่างไร จึงจงใจทำเช่นนั้น แต่พอถึงตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นางบำเพ็ญเพียรจนบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนแล้ว พวกเขาได้แต่ถลนตามองนางเท่านั้น

“น้องหญิง เจ้าลองเดาดูสิว่าบรรพชนทั้งสองจะรู้ตอนไหน” หนานกงเวิ่นเทียนถาม

“อืม ไม่ว่าอย่างไรคงต้องใช้เวลาเป็นพันปี ท่านพี่ รอให้จบงานเลี้ยงแล้ว พวกเราไปพบผู้อาวุโสท่านนั้นดีหรือไม่?” หลิวหลีนึกถึงผู้อาวุโสที่อยู่ในเขตต้องห้าม จริงสิ ควรจะเอาอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย จะให้ไปมือเปล่าคงไม่ดีนัก ครั้งแรกเป็นเพราะยังไม่รู้จัก แต่ครั้งที่สองไม่ควรทำเช่นนั้นแล้ว

“ได้ ข้าก็สงสัยในตัวผู้อาวุโสที่เจ้าพูดถึงมากอยู่เหมือนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนก็อยากรู้มากเช่นกันว่าผู้อาวุโสที่ลึกลับท่านนี้ มีตัวตนเป็นอย่างไรกันแน่ จากน้ำเสียงที่น้องหญิงของเขา เขาได้ยินน้ำเสียงเคารพศรัทธา คนที่ทำให้นางศรัทธาได้เป็นคนอย่างไรกัน หากพูดไม่น่าฟังก็คือนางยังไม่เห็นจักรพรรดิของแต่ละดินแดนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

“วางใจเถอะ ท่านพี่จะไม่ผิดหวังแน่นอน” หลิวหลีตบหน้าอกเบาๆ อย่างมั่นใจ แล้วลากมือสามีของนางไปสู้รบต่อ อืม สามีของนางค่อนข้างชอบปลาดิบนั่นมาก

งานเลี้ยงครั้งนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ คนที่เข้าร่วมงานพูดถึงงานนี้อยู่นาน แถมทั้งข่าวยังกระจายไปดินแดนอื่นด้วย ทุกคนล้วนสงสัยใคร่รู้ แถมยังมีคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านทำหินฉายภาพของงานเลี้ยงครั้งนั้น ว่ากันว่าขายดีอย่างมากจนคนจำนวนไม่น้อยทำเลียนแบบ คนที่เห็นตื่นตะลึงกับรูปแบบของงาน คนส่วนใหญ่ตกตะลึงในชุดแต่งงาน สถานที่และอาหาร ยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นมีคนที่อยากติดต่อหลิวหลีผ่านช่องทางต่างๆ เพระาอยากจะจัดงานรูปแบบเช่นนี้ แต่ตอนนี้หลิวหลีเป็นใคร นางเป็นถึงจักรพรรดิเทพเซียน หนำซ้ำยังเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของวังนภาเพลิง ไม่ใช่ทุกคนที่จะเรียกใช้นางได้

ส่วนหลิวหลีที่เป็นตัวก่อเรื่องก็ปัดก้นหนีโดยไม่สนใจจุดจบของเรื่องนี้ พาสามีของตนเองไปพบผู้อาวุโสปู้หุ่ยทันที

………………………

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset