เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! – ตอนที่ 275

< < 175 Sec2 > >

เหมือนกับการใช้งาน [ดาบสะบั้นมิติ] ผมได้เข้าถึงวิชาไสยศาสตร์ในชั่วขณะหนึ่ง ด้วยความรู้ชั่วคราวที่ได้มาผมก็ได้ทำให้ทั้งหมดมันแปดเปื้อนด้วย ‘ข้อผิดพลาดของโลก’ ในตัวเอง

ยกระดับการทำงาน ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมที่ถูกรั้งไว้โดยกฏแห่งโลก ทลายทุกสรรพสิ่งความเป็นจริง และถือกำเนิดวิชาใหม่ที่จะย้อมความเป็นจริงให้กลายเป็นของจอมปลอม ราวกับว่าชั่วขณะหนึ่ง ผมได้ทลายกฏข้อสำคัญของโลกไปอย่างไม่ใยดี

“[วิชาไสยศาสตร์]-[สัมผัสแห่งสรวงสวรรค์]”

สีขาวได้ย้อมอาณาจักรเนลยอน วงแหวนอักขระสีเหลืองตัดสิขาวลอยอยู่บนฟากฟ้าเหนือยิ่งกว่าก้อนเมฆแสงนั้นได้เลืองแสง และพุ่งลงมาสู่ผืนดิน ประกับเข้ากับแสงสีขาว และระเบิด

ทว่า ไม่ใช่การระเบิดเพื่อทำลายล้างแต่อย่างไร หากแต่เป็นการระเบิดเพื่อที่จะสร้างบรรไดไปสู่สรวงสวรรค์

ผมหลับตาลง และทำการ—สัมผัสสรวงสวรรค์

 

****

ที่แห่งนี้มีแต่หมอกสีขาว ..ไม่ใช่ ที่แห่งนี้มีแต่วิญญาญที่ล่องลอยผ่านไปมา หมอกสีขาวที่เห็นเป็นเพียงควันหลงของวิญญาณที่ลอยผ่านไปผ่านมา

ผมมองเท้าของตัวเอง และพบว่าตัวเองเหลือแต่เพียงวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของชีวิต ในทีแรกแอบตกใจนิดหน่อย แต่ก็คาดไว้แล้วว่ามันควรจะเป็นอย่างนี้

มองไปมองมาอยู่ครู่เดียว ผมก็เดินเคลื่อนตัวโดยมีเพียงแค่วิญญาณที่ล่องลอย ท่ามกลางวิญญาณนับร้อยนับพันในเวลาเพียงวิต่อวิ ตัวผมได้ลอยไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เสมือนว่าไร้จุดหมาย แต่แท้จริงแล้วกำลังหวังอย่างแรงกล้าว่าจะเจอคนๆหนึ่งให้ได้โดยเร็ว

ระหว่างทาง ผมได้พบกับ ‘วัฐจักร’ ได้พบกับ ‘กลไก’ และได้พบกับ .. ‘จุดจบของชีวิต’

วิญญาณมากมายถูกส่งไปเป็นมานาให้แก่โลก และรอคอยการถือกำเนิดใหม่ซึ่งละทิ้งอักลักษณ์เดิมไปทั้งหมด วิญญาณมากมายหลงทางอยู่ในโลกแห่งนี้ แล้วก็วิญญาณบางส่วนนั้นหลงทาง ไม่นานก็ได้หลุดไปจากโลกแห่งนี้ ในภายหลังพวกเขาจะกลายเป็นวิญญาณร้ายที่คอยสร้างสมดุลความดีและชั่วร้ายให้แก่โลก

ไม่มียมทูตมาคอยนำทาง ไม่มีนางฟ้ามาโปรยรอยยิ้มให้ผู้ตาย ที่มีก็แค่—ความว่างเปล่าที่ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น

ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว วิญญาณของผมนั้นแทบจะถูกลากไปต่อแถวกับวิญญาณตนอื่นๆ แม้กระทั่งข้อผิดพลาดของโลกก็ยากที่จะต้านวัฐจักรเอาไว้ได้ ..รู้ตัวอีกทีก็มาต่อแถวแล้ว รู้ตัวขึ้นได้ว่าไม่ได้มาเพื่อจะหวนคืนสู่มานา ผมก็รีบออกมาจากแถว และเดินหาวิญญาณตนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนผมก็หาไม่พบ

บางที ..อาจจะผ่านมาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมงแล้วก็ได้ ในทุกๆการเคลื่อนไหว ณ ตอนนี้ ยากจะควบคุมความคิดของตัวเองไว้ได้

กระนั้น—ยังต้องไปต่อ

ขยี้วิญญาณของตัวเอง และเคลื่อนที่ไปต่อ

บางทีเธอคนนั้นอาจจะกลับคืนสู่วัฐจักรไปแล้วก็เป็นได้ …ว่าแต่ เธอคนนั้นเป็นใครกัน??

เอ๊ะ?

ผมมาที่นี่เพื่ออะไรกัน? พยายามขนาดนี้เพื่ออะไรกัน? ผม ..ผม

ท่ามกลางวิญญาณที่ลอยผ่านไปมา สติของผมมันค่อยๆจะ ..ยัง ยังไม่จบแค่นี้

เป็นอีกครั้งที่เรียกสติคืนกลับมาได้ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่วิญญาณของตัวเองเกือบจะไหลตามวิญญาณตนอื่นไป 

…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม ……ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม…ผม ….ผม …ผม

….

….

….

เจอแล้ว

วิญญาณที่สวยงามยิ่งกว่าใครๆนั้น เพียงแค่ชายตามองก็รู้แล้วว่าเธอคือคนที่ผมตามหา

วิญญาณของผมได้กลายร่างเป็นร่างมนุษย์

ผมคือ เรเซอร์ ดราแคล์

และมาที่นี่เพื่อ ..

“วิน”

เพื่อ ..

ร่างวิญญาณของวินสลายไป และปรากฏร่างมนุษย์ของวิน

“มาช่วยแล้ว”

มาที่นี่เพื่อสัมผัสไออุ่นของเธออีกครั้ง 

ผมยื่นมือออกไปให้ แต่วินกลับไม่ตอบรับ เธอทำหน้าตกใจอย่างกับเห็นผี–นั่นสิเนอะ เป็นวิญญาณก็นับเป็นผีแล้วนี่นะ ไม่แปลกหรอกมั้ง

“เรเซอร์ ..มาได้ยังไง? ..ตายแล้วเหรอ?”

“บอกว่ามาช่วยไง”

“แต่ว่า ฉันตายไปแล้วนะ”

“กะอีแค่ความตาย ถ้าฉันตั้งใจหน่อยก็ก้าวข้ามได้สบายๆ”

แน่นอนว่าโม้เหม็น ที่ผมทำมันก็แค่ ..เดี่ยวนะ

คงเพราะกลายเป็นวิญญาณและท่องอยู่ในโลกใบนี้อยู่นานหลายวัน ทำให้ผมพึ่งจะรู้ตัว–ข้อแลกเปลี่ยนในการช่วยวิน คืออะไรกัน? ไม่เคยรู้มาก่อนเลย พูดให้ถูกคือไม่ได้ถามออกไปมากกว่า ..ผมหันหลังกลับไป และต้องเบิกตาโพงกว้าง

แรกซ์ยืนอยู่ข้างหลังผม บางทีเขาอาจจะเดินตามผมมาโดยตลอดเลยก็เป็นได้

“สัมผัสสรวงสวรรค์ ..เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงกฏแห่งวิญญาณภายในสวรรค์ ข้อแลกเปลี่ยนไม่ใช่ชีวิตของนาย หรือว่าคนมากมายหรอก” แรกซ์ยิ้มออกมา “ข้อแลกเปลี่ยนคือการที่ฉันจะต้องกลายเป็นผู้ขัดขืนกฏแห่งสวรรค์ และจมลงสู่นรกในฐานะผู้รู้เห็นคิดทำลายกฏร่วมกับ ‘จอมมาร’ อย่างเธอ”

นั้นเองเหรอ ..ผู้ที่ให้ความร่วมมือแก่จอมมาร จักต้องตกนรก

………

……..

ยูนาล่ะ?

“รีบพาวินไปจากที่นี่เถอะ ฉันจะอยู่ฝั่งนี้แทน เหลือแค่รอเวลาโดนจับส่งนรกก็แค่นั้น”

ตกนรก คือการจมลงสู่ความมืดอันเป็นนิรันดร์ วิญญาณจะไม่ได้หวนคืนสู่วัฐจักร แต่จะอยู่ในคุกนรกที่มีชื่อว่าความว่างเปล่าที่แท้จริง

“คิดดีแล้วเหรอ?”

“ฉันอยู่มามากเกินพอแล้ว ทั้งในฐานะมนุษย์และวิญญญาณ ไม่มีอะไรเสียใจอีกแล้ว ..ไม่ใช่แค่ฉันด้วย เธอที่เป็นจอมมาร หากสักวันได้ตายไปก็คงต้องตกนรกเหมือนๆกัน”

อะไรละนั่น น่ากลัวซะจริงๆ

“แล้วก็เรื่องของยูนา เธอคงพอรู้แล้วสินะว่าเด็กคนนั้นกำลังโกหกอะไรเธออยู่”

“..อ่า”

พอได้พบกับโลกแห่งวิญญาณมันก็ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าวัฐจักร และกฏแห่งโลกมากยิ่งขึ้น รวมถึง ..ความน่ากลัวของนรกเองก็ด้วย ที่บอกว่าน่ากลัว ผมไม่ได้โกหก แต่ผมกลัวจริงๆจากใจ เพียงแค่เทียบกับความน่ากลัวของมันแล้ว มีสิ่งที่สำคัญกว่าระดับที่ต่อให้ตกนรกก็ไม่เป็นอะไรอยู่ แล้วก็รู้แล้วด้วยว่าความผิดฐานกระทำเรื่องที่แหกกฏของโลกมันมีโทษที่ยิ่งใหญ่ ไม่เว้นกระทั่งผู้ให้ความร่วมมืออย่างแรกซ์ก็ต้องโดนลงโทษในระดับเดียวกัน

“จะคุยกันยังไงก็แล้วแต่ มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันอีกต่อไปแล้ว ..”

“เดี่ยวสิ อาจารย์!”

วินตะโกนขึ้นหลังจากที่ยืนอึ้งกับเรื่องแปลกประหลาดมากมาย

“ถึงหนูจะไม่เข้าใจว่ามันกำลังเกิดบ้าอะไรขึ้นก็เถอะ  แต่ว่า..พวกเราจะได้เจอกันอีกรึเปล่า?”

“คงจะยากนะ ศิษย์รัก”

“…”

ร่างของแรกซ์ค่อยๆจางหายไป ไม่ได้หวนคืนสู่วัฐจักร แต่ ..พอมองไปใต้เท้าของแรกซ์ก็พบกับมืดสีดำที่เอื้อมมาจับขาของเขาไว้ และกำลังดึงลงไปข้างล่างสุดที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด จมลงสู่ ‘นรก’

“แต่ว่าฉันไม่มีอะไรให้เสียใจอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยๆ ..ฉันก็สามารถช่วยให้ลูกศิษย์คนสำคัญของตัวเองมีชีวิตต่อไปได้ ..ขอบคุณนะ”

แรกซ์หันมายิ้มให้ผม

“ขอบคุณมากจริงๆ .. ‘จอมมารแห่งจุดสิ้นสุด’ ”

เพราะพันธสัญญาชั่วคราวทำให้พวกเราแชร์ความทรงจำกัน ที่มาที่ไปของเราสองคนต่างถูกล่วงรู้โดยอีกฝ่าย

แน่นอน ผมไม่ถือสาอะไรกับคนที่เร็วๆนี้จะตกนรกหรอก

“ฉันจะรอที่นรก”

ดูพูดเข้าสิ แต่ก็เอาเถอะ

“เข้าใจแล้ว”

ผมสัมผัสวิญญาณของตัวเอง และได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่ไกลออกไปจากโลกใบนี้

“แต่ถ้าผมเผลอทำลายนรกไปซะก่อนก็ช่วยไม่ได้นะ”

ไม่ใช่แค่จุดสิ้นสุดของโลกที่ผมจะนำพามา จุดจบของนรกเองก็ต้อง ..มาถึงแน่นอน

“..อยากจะเห็นเหมือนกันนะ”

….

….

แรกซ์หายไปแล้ว

ผมกับวินยืนอยู่ข้างกัน ผมกุมมือเธอไว้เพื่อไม่ให้วิญญาณหลุดไปไหนได้อีก

“ไปกันเถอะ”

“..อือ”

ผมออกวิ่งโดยที่คว้ามือของวินไว้ วิ่งผ่านวิญญาณมากมายนับร้อยนับพันที่ไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวินาที—

 

****

แรกซ์กำลังถูกดึงโดยแขนสีดำอันน่าหยะแหยง แขนนับร้อยนั้นช่างน่าหวาดกลัว มันคือก้าวแรกสู่นรก ..และแม้ว่าจะถูกดึงไปยันนรก แต่ความรู้สึกเสียใจก็ไม่ได้มีอยู่ในใจของแรกซ์เลย

“อาจารย์”

ยูนาเอ่ยทักขึ้น ณ จุดกึ่งกลางระหว่างโลกแห่งวิญญาณและนรก

“เธอจะไม่เสียใจใช่มั้ย?”

เช่นเดียวกับแรกซ์ ชะตากรรมของยูนาก็คือนรกเหมือนกับเขา ในฐานะผู้ร่วมแหกกฏของโลก

“ก็จริงที่ชีวิตของฉันเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่เหมือนกับอาจารย์นั่นแหละนะ”

“เหมือนกัน?”

….

“พวกเราน่ะอยู่มานานเกินไปแล้ว วิญญาณพวกเราไม่ควรจะอยู่บนโลกตั้งแต่แรกแล้ว ควรจะสลายกลายเป็นมานาอย่างที่ควร แต่พวกเรากลับอยู่ต่อไปในฐานะวิญญาณ ทั้งๆที่ยุคสมัยของพวกเรามันจบไปเป็นพันๆปีแล้ว ในบทสรุป อาจจะเลวร้ายกว่า แต่มันก็ไม่ต่างกันหรอก ก็แค่หายไปจากโลกอย่างที่ควรโดยวิธีที่ดูโหดร้ายกว่านิดหน่อย”

แรกซ์พยักหน้ารับที่เธอพูด เขารู้ดีว่ายูนาไม่มีทางโกหกใจจริงของตัวเอง และต่อให้ปลายทางมันจะเป็นนรก แต่ถ้าหากว่ามันคือเจตจำนงศ์ของยูนา เขาก็ยินดีที่เธอจะลงนรกตามเขามา

ใครจะคิดกันล่ะ ว่านรกจะเป็นสุสานสำหรับวีรบุรุษและวีรสตรีในตำนานอย่างพวกเขา แค่คิดก็อยากจะหัวเราะลั่นออกมาแล้ว

“แต่ก่อนจะตามอาจารย์ไป ฉันจะส่งเรนไปในที่ที่ควรอยู่ ซึ่งคงจะไม่ใช่นรกอย่างที่พวกเราต้องลงไป”

ยูนานำมือมาทาบที่อก และยิ้มส่งผู้เป็นอาจารย์และพ่อบุญธรรมของตัวเอง

“ฉันจะมอบความตายที่อ่อนโยนที่สุดให้กับเขา เพราะอย่างนั้นวางใจได้ค่ะ ที่เหลือปล่อยให้ฉัน และ–นายเหนือหัวของฉัน ‘จอมมารแห่งจุดสิ้นสุด’ เป็นคนจัดการเอง”

ก่อนที่ทั้งสองจะหันหลังให้กัน และไปสู่ที่ที่ตัวเองต้องอยู่

“แล้วก็–ฉันไม่เสียใจหรอกนะคะ” ยูนาพูดต่อ “ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจเลยแม้แต่อย่างเดียว ..หากมาสเตอร์ได้พบกับตอนจบที่แสนสุข เพื่อการนั้นต่อให้ตกนรกฉันก็จะขอยอมด้วยความยินดี”

ทิวทัศน์สุดท้ายก่อนที่แรกซ์จะถูกดึงไปนรก เขาได้พบกับลูกศิษย์ของตัวเองที่เปล่งประกายบนผืนหญ้า ราวกับ–วันจบการศึกษาเมื่อหลายพันปีก่อน

อา …

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ”

แรกซ์หัวเราะยินดีในห้วงลึกสุดของนรก

สุสานของราชาไสยศาสตร์ คือ ‘นรก’ ทว่าในวาระสุดท้ายของวิญญาณดวงนี้กลับมีแต่ความยินดี และเสียงหัวเราะ แม้แต่นรกก็ไม่อาจชิงความสุขไปจากเขาได้ นี่คือความจริงที่แสนแปลกประหลาด

 

****

แสงสีขาวค่อยๆจางหายไป ..ผมนอนพิงซากหินโดยที่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับ ‘วิน’ ซึ่งนอนทับอยู่บนตัวผม แถมยังอยู่ในร่างเปลือยเปล่าอีก

สำหรับวัยรุ่นอย่างผมแล้วคิดว่าสัญชาตญาณดิบของชายหนุ่มอาจถูกปลุกขึ้นมาได้ แต่ ..ไม่เลย ผมไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากโล่งอก และดีใจ

คว้าไว้ได้แล้ว ..แค่หน่อยเดียวก็จริง แต่คว้ามาได้แล้ว 

ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติ โดยไม่รู้ตัววินเองก็ตื่นตามๆผมมา และเขม็งใส่

“แก้ผ้าอยู่ อย่ามองนะ”

“ไม่มองหรอกน่า ถึงมองก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

“ชักไม่รู้แล้วสิว่าควรดีใจหรือเสียใจ ..เรเซอร์”

“ว่าไ–”

ไม่ทันจะได้ถามโต้ตอบอะไรกัน วินก็เข้ากอดผมโดยทิ้งความเขินอายทั้งหมดไป เวลานี้เธอไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะเปลือยเปล่าอยู่หน้าผู้ชาย

“อาจารย์แรกซ์เขา”

“ตกนรกตลอดกาล”

….

“ทำไมฉันถึงโล่งอกกันนะที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่” วินร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ยากที่จะได้พบเห็น แต่พักนี้ดันเห็นได้บ่อยเหลือเกิน “ดีแล้วเหรอที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ..คนแบบฉัน ..ควรจะอยู่บนโลกนี้ต่อจริงๆเหรอ?”

น้ำตาหยดลงที่ตักของผม ใบหน้าของวินในตอนนี้ช่างอ่อนแอราวกับผลึกที่สามารถแตกได้ทุกเมื่อหากไม่ระวังให้ดี ..ดวงตาสีฟ้าที่เหมือนกับท้องทะเลนั่นกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก

“ถ้าแรกซ์ได้ยิน เขาคงจะดีใจสุดๆเลยละ ..ใช่แล้วละ วิน ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเป็นชีวิตที่คนๆหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อให้ดำเนินต่อไปได้มันยิ่งสำคัญ การที่เธอมีชีวิตอยู่คือเรื่องที่น่ายินดีที่สุดสำหรับเขาคนนั้น”

รวมถึงผมด้วย แต่เรื่องนี้ยากเกินที่ผมจะโพล่งออกมาได้

“..นึกว่าจะตายซะแล้ว”

โดยพื้นฐานก็ตายไปแล้วน่ะนะ

“คิดว่าจะไม่ได้เจอกับเรเซอร์อีกแล้ว”

โชคดีจังนะที่ได้เจอกันอีก

“เศร้าเหลือเกินที่จะไม่ได้พบกับอาจารย์อีก”

ผมเองก็เสียใจเหมือนกัน

“แต่เหนือสิ่งอื่นใด ..เรเซอร์ ..ฉันมันคนเห็นแก่ตัว”

ผมเองก็เหมือนกัน

“ฉัน–อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”

อ่า ..วินพิงหัวกับอกของผม เธอใช้มันหนุนเป็นหมอน แอบยิ้มโดยไม่คิดจะให้ผมได้เห็น แต่เวลานี้ผมไม่ได้อยากจะรู้อะไรไปมากกว่าความจริงที่ว่า-วินสามารถมีชีวิตต่อไปได้พร้อมกับผม และคนอื่นๆ แม้จะมีการสูญเสียมากมายอยู่ข้างหลังก็ตาม แต่พวกเราก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

ดีแล้วเหรอที่ยังมีชีวิตอยู่ คนที่จะตอบคำถามนี้ไม่ใช่ผม ท่ามกลางซากศพที่กองอยู่ข้างใต้ ใต้ลงไปคือขุมนรกที่อาจารย์คนสำคัญต้องอยู่โดยแลกกับชีวิตของตัวเธอเองที่เธอได้โยนมันทิ้งไปแล้วครั้งหนึ่ง ความเป็นจริงมากมายเหล่านี้..คนที่จะตอบคำถามนี้ได้มีเพียงแค่วินเท่านั้น

ส่วนตัวผมเป็นแค่คนที่คอยอยู่ข้างๆ ซึ่งคิดได้เพียงแค่ว่า–

“ดีแล้วละที่เธอยังมีชีวิตอยู่”

หิมะตกลงที่อาณาจักรเนลยอน เปลวเพลิงที่เผาอาณาจักรแห่งนี้ไปเกือบครึ่งได้เลืองหายไป ตัวผมโอบกอดเด็กสาวผู้เห็นแก่ตัวคนนี้เอาไว้ และ ..

 

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!

เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! << 0 >> รู้สึกว่าโลกเราช่วงนี้จะฮิตต่างโลกกันสินะ? ถ้าจำไม่ผิดนวนิยายประเภทไลทโนเวลของญี่ปุ่นในยุค 2020 จะฮิตกันเอาเรื่องเลย ขนาดผมก็เคยอ่าน หรือเคยดูอนิเมที่ดัดแปลงจากนิยายมาอีกทีไม่น้อยเลย ใช่ มันค่อนข้างสนุกเลย อาจจะเป็นเพราะมันช่วยสนองนีทให้ผมก็ได้ เพราะปกติผมมักจะเป็นผู้แพ้เป็นประจำทั้งๆที่พยายามากแล้ว พอได้เห็นคนๆหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนั่นก็คือพระเอกมันก็ชวนให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาด้วย พร้อมไปกับสาวๆในฮาเร็มของแกด้วยอะนะ แต่ด้วยความที่เป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้มีหลายความเห็นตามไปด้วย หลายครั้งที่นิยายแนวนี้จะถูกวิจารย์ในเชิงไม่ดี อาทิเช่น ส้ำซากจำเจ เดาทางง่าย ตัวละครผู้หญิงง่าย ทุกอย่างง่ายไปหมด บางเม้นต์ก็ร้ายแรงขนาดบอกว่า ‘นี่ไม่ใช่นิยายแต่เป็นสินค้า’ อืม ถ้าในมุมผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ออกไปในทางชอบด้วยซ้ำ แต่ขอติหน่อยเถอะ ตัวร้ายส่วนใหญ่ในเรื่องแนวนี้โคตรจะไม่น่าให้อภัย คนอะไรมันจะเลวได้ขนาดนั้น เลวถึงแก่นแท้เลยพวกตัวร้ายในนิยายต่างโลกเนี่ย ไม่น่าให้อภัยที่สุด โง่ก็โง่ กระจอกก็กระจอกชิบหายเลย ไร้ความคิดความอ่าน กลับตัวก็ไม่เป็น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset