ชายขี้เมาจมูกแดงรีบวิ่งไปทางตู้นิรภัยและถึงภายในสองสามก้าว จากนั้นก็หยิบเครื่องรับโทรเลขไร้สายกับสมุดถอดรหัสออกจากช่องลับ
ในท่านั่งยอง มันส่งข่าวคราวของชาร์ลี·เลคไปหาปลายทางในรูปแบบโทรเลข
และในบ้านหลังที่เป็นร้านหนังสือ สาวใช้ผิวสีน้ำตาลถกแขนเสื้อขึ้นและราดของเหลวสีครามลงบนแขนซ้าย
ผิวหนังในบริเวณดังกล่าวเปลี่ยนสีทันที ใต้ชั้นสีครามมีแสงสีดำสว่างขึ้น ลักษณะคล้ายกับไส้เดือนฝอย
เส้นสีดำเรียงตัวกลายเป็นใบหน้าอย่างรวดเร็ว ขาดเท่าครึ่งฝ่ามือ ดวงตาเล็กเท่าเมล็ดข้าว มากใหญ่เท่าจานรองแก้ว
“เกิดเหตุร้ายขึ้นกับชาร์ลี·เลค” สาวใช้กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำพลางจ้องใบหน้าบนแขน
ทุกคำที่พูดออกไปเริ่มแปรสภาพกลายเป็นวัตถุซึ่งมีรูปทรงที่ชัดเจน สีครามเหมือนกับแขนและปาก
ทันทีหลังจากนั้น ถ้อยคำที่ดูเหมือนกับถูกเขียนขึ้นเริ่มเรียงร้อยเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มก้อนและถูกห่อหุ้มด้วยควันสีเดียวกัน
ใบหน้าประหลาดบนท่อนแขนของสาวใช้อ้าปากขึ้นเล็กน้อยและสูดควันดังกล่าวเข้าไปในปาก
จนกระทั่งความผิดปรกติทั้งหมดจบลง แต่แขนซ้ายของสาวใช้ยังคงไม่กลับเป็นไปสีเดิม
ขณะเดียวกันในความมืดด้านนอกหน้าต่าง ค้างคาวตัวเล็กที่ดูธรรมดาเริ่มกระพือปีกและบินไปยังสถานที่ใดก็มิอาจทราบได้
…
บนถนนคนละเส้นที่อยู่ห่างจากร้านหนังสือเลคไม่เกินห้าร้อยเมตร กึ่งกลางอากาศเหนือภัตตาคารที่ขายอาหารทวีปใต้
ค้างคาวจำนวนมากบินออกจากความมืดและรวมตัวกันจนเกิดควันหนา
ควันและค้างคาวค่อยๆ เลือนรางคล้ายภาพมายาก่อนจะหายไป ชายคนหนึ่งในทักซิโดปรากฏขึ้นโดยมิได้สวมหมวกให้เข้าชุด
บุรุษผู้นี้มีรูปร่างสูงผอม มาดองอาจสง่างาม เส้นผมสีอ่อนค่อนไปทางสีเงินสว่าง ดวงตาแดงก่ำประหนึ่งทำจากเลือด ไม่ใช่ใครนอกจากเอิร์ลผีดูดเลือด มิสทราล
มันยกแขนซ้ายที่สวมแหวนเลี่ยมอัญมณีสีน้ำเงินพลางลูบไล้ไปบนเนกไทที่หรูหรา สายตาก้มมองภัตตาคารเบื้องล่างที่ปิดไปแล้วพร้อมกับพึมพำ
“ข้อมูลทั้งสองแหล่งล้วนถูกส่งมายังที่นี่”
ทันทีที่มิสทราลกล่าวจบ ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นฝั่งตรงข้ามมัน อีกฝ่ายเป็นสตรีสวมเดรสซับซ้อนคล้ายชาววัง สวมหมวกอ่อนใบเล็กเหนือเส้นผมสีทองซีด ดวงตาสีฟ้าบนใบหน้าขาวซีด เค้าโครงหน้าโดยรวมดูคล้ายกับตุ๊กตาราคาแพง
ต้นไม้บนถนนด้านล่างพลันโยกเอนอ่อนโยน แสงจากโคมไฟถนนไหววูบโดยพร้อมเพรียง
“หุ่นกระบอก” เอิร์ลมิสทราลพยักหน้ากับตัวเองเล็กน้อยหลังจากยืนยันตัวตนและสถานะของชารอน
ชารอนกล่าวโดยไม่มองหน้า เพียงจ้องไปยังชั้นสองของภัตตาคาร
“มีกลิ่นอายของการบวงสรวงมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ชัดเจนแล้ว” มิสทราลหมุนตัวกลางอากาศ หันไปผงกศีรษะให้กับจุดที่มืดที่สุด “ลอร์ดนีบาส กรุณาผนึกที่นี่ให้ด้วย”
เสียงถอนหายใจที่แก่ชราดังขึ้น ตามด้วยภาพของปีกค้างคาวคู่หนึ่งซึ่งหุ้มด้วยหนังด้านสีดำเปี่ยมลวดลายสยายออกจากความว่างเปล่า ขนาดของปีกค่อยๆ กว้างและยาวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปกคลุมบริเวณโดยรอบภายในสองวินาที
ภัตตาคารถูกห่อหุ้มด้วยความมืดที่ไม่ปรกติ ราวกับตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์
มิสทราลไม่มัวรีรอ มันมิได้บุ่มบ่ามโจมตีเข้าไป แต่เป็นการนำกล่องทองแดงเลี่ยมทับทิมออกมาเปิดฝาและหยิบวัตถุด้านใน
เป็นวัตถุทรงกลมสีใสที่มีลักษณะคล้ายดวงตา
จากนั้นเอิร์ลมิสทราลเผยสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยขณะปล่อยให้ลูกบอลสีใสร่วงหล่นจากปลายนิ้ว
บอลแก้วผุดแสงขึ้นท่ามกลางความมืดและเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศอย่างต่อเนื่องคล้ายกับถูกดึงดูดด้วยอิทธิพลบางอย่าง
ในท้ายที่สุด มันตกลงในห้องบนชั้นสองของภัตตาคาร
แสงสีขาวพลันสว่างวาบจนดูคล้ายกับพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นภายในห้อง แปรเปลี่ยนให้ทั้งมลทิน ความชั่วร้าย เลวทราม อันแดด และความมืดทั้งหมดละลายไปอย่างรวดเร็ว
“อะ…” มิสทราลที่หลับตาลงล่วงหน้าพลันขมวดคิ้วพร้อมกับเปล่งเสียงเจือความฉงน
มันไม่รู้สึกถึงแรงต้านจากภายในภัตตาคารแม้แต่นิดเดียว!
ชารอนเปลี่ยนจากการมองต่ำมาเป็นมองตรง แม้สีหน้าจะไม่แปรเปลี่ยน แต่เส้นผมสีทองอ่อนของเธอที่ถูกมัดรวบเกิดการโยกคลอนเล็กน้อย
หลังจาก ‘พระอาทิตย์ขึ้น’ พระอาทิตย์ก็ ‘ตก’ อย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสว่างที่หายไปในความมืดอย่างเงียบงัน
เนื่องจากเป็นพลังที่ไว้จัดการกับวิญญาณมารโดยเฉพาะ ตัวอาคารของร้านอาหารจึงไม่ได้รับความเสียหาย เอิร์ลมิสทราลแห่งเผ่าผีดูดเลือดลืมตาขึ้นและจ้องมองสองสามวินาที ก่อนจะเหยียดมือขวาออกไปและกำแน่น
คล้ายกับความมืดมิดเหนือภัตตาคารได้รับชีวิตชีวา พวกมันแปรสภาพกลายเป็นโซ่ตรวนมายาและพันธนาการกับอาคารทั้งหลัง
ท่ามกลางเสียงเสียดสี หลังคาตึกถูกดึงขึ้นด้วยตรวนแห่งความมืดจนลอยค้างกลางอากาศ
เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวาง ทั้งมิสทราลและชารอนต่างมองเห็นสถานการณ์ภายในห้องที่เป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน
บนโต๊ะสี่เหลี่ยมที่มีผ้ารอง ข้างๆ เครื่องรับโทรเลขไร้สายมีข้อความที่ถูกเข้ารหัส ส่วนบนพื้นฝั่งตรงข้ามปรากฏรอยไหม้สีคราม
อีกมุมหนึ่งของห้องมีเปียโนตัวเก่าวางอยู่ เบาะนั่งสีน้ำตาลมีร่องรอยการใช้งานจนถึงเมื่อครู่
เหนือเปียโนมีไวน์แดงวางอยู่หนึ่งแก้ว ภายในแก้วมีก้อนเนื้อประหลาดเหนียวๆ ถูกแช่อยู่
นอกจากการตกแต่งและการจัดวาง ห้องนี้ก็เหมือนกับบ้านทั่วๆ ไปที่มีผงสมุนไพรและน้ำมันสกัดหกกระจัดกระจายเต็มพื้น
ฉากตรงหน้าทำให้ชารอนที่สามารถรับวิวรณ์โดยตรงได้จากโลกวิญญาณผุดความคิดบางอย่าง
บุคคลที่เคยอยู่ที่นี่เพิ่งหลบหนีไป!
แต่ยังไม่ทันที่เธอ เอิร์ลมิสทราล และมาร์ควิสนีบาสจะได้ตอบสนอง ไวน์แดงที่แช่ก้อนเนื้อเหนียวๆ พลันส่องแสงจางเจือจาง
ทันใดนั้น แสงสีแดงพลันสว่างไสวจนดูเหมือนกับพระจันทร์สีแดง
แสงจากพระจันทร์ช่วยขจัดปัดเป่าความมืดโดยรอบ ส่งผลให้เหล่าครึ่งเทพในที่เกิดเหตุรู้สึกคล้ายกับพวกมันกำลังยืนอยู่บนพื้นดินและแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน
ดวงตาสีฟ้าของชารอนคล้ายกับถูกแช่แข็งชั่วคราว จากนั้นเธอรีบยกมือซ้ายและตวัดแผ่วเบาจนเผยให้เห็นเครื่องประดับสีแดงเข้มในมือ
เครื่องประดับดังกล่าวดูคล้ายพระจันทร์เต็มดวงที่มีอัญมณีสีแดงเข้มฝังอยู่โดยรอบ กึ่งกลางมีลวดลายพระจันทร์และอักขระลึกลับ
นี่คือ ‘มงกุฎจันทร์ชาด’ ที่ชารอนสามารถชิงมาครองด้วยความช่วยเหลือจากนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ตัวมงกุฎคอยแผ่แสงสว่างอันสงบนิ่งออกมาตลอดเวลาและช่วยให้ผู้ถือเป็นอิสระจากอิทธิพลของพระจันทร์เต็มดวง
ทว่า พระจันทร์ในภัตตาคารนั้นไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวงธรรมดา หากแต่ใกล้เคียงกับจันทราโลหิตหรือมากกว่านั้น พลังวิญญาณที่ยากจะอธิบายพลันพรั่งพรูไปทุกทิศ มิติที่ถูกแยกออกจากโลกความจริงด้วยปีกขนาดมหึมาของนีบาสพลันมอบบรรยากาศเงียบเชียบสุดพิสดาร แม้แต่ชารอนที่ถือมงกุฎจันทร์ชาดก็เริ่มสัมผัสถึงความคิดชั่วร้ายภายในใจที่เริ่มแพร่พันธุ์ สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ยากจะอธิบาย
สัญชาตญาณสั่งให้เธอแปลงกายเป็นวิญญาณมารและหลบซ่อนในวัตถุชนิดต่างๆ จำนวนต้นไม้หรือโคมไฟถนน แต่สติและหลักเหตุผลได้ขัดขวางพฤติกรรมดังกล่าว เนื่องจาก ‘พระจันทร์สีแดง’ ดวงดังกล่าวนั้นกำลังเจิดจ้าจนไม่มีจุดอับ
ทันใดนั้น เอิร์ลมิสทราลพบว่าท้องของมันพองออกเล็กน้อย รู้สึกคล้ายกับสัญญาณชีพค่อยๆ หลั่งไหล่มารวมกันด้านในและก่อตัวเป็นรูปร่าง
ในฐานะสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษที่สามารถดึงพลังของดวงจันทร์มาใช้งานได้อย่างอิสระ เอิร์ลมิสทราลไม่เคยเตรียมตัวรับมือกับผลข้างเคียงของพระจันทร์และจันทราโลหิตมาก่อน เนื่องจากตัวมันควรจะดื่มด่ำและมีความสุขท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนั้น แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เลวร้ายจนเหนือจินตนาการเช่นนี้
มันตระหนักดีว่าหากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไป ตนจะให้กำเนิดชีวิตใหม่โดยไม่มีทางทราบต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายและน่าสยดสยองเช่นนี้
หนึ่งในอำนาจในขอบเขตของ ‘จันทรา’ คือการ ‘สืบพันธุ์’ และ ‘ขยายพันธุ์’ !
พร้อมกันนั้น ขนสีขาวดกหนาอันน่าสะพรึงเริ่มผุดขึ้นจากปีกค้างคาวขนาดมหึมาที่แบ่งแยกมิติแห่งนี้ออกจากโลกแห่งความจริง
นีบาสคำรามต่ำพร้อมกับการปรากฏขึ้นของรอยร้าวบนผิวมิติปิดผนึกแห่งนี้
ห่างออกไปสองสามช่วงตึก เอ็มลิน·ไวน์ซึ่งหมุนแหวนคำสาบานแห่งกุหลาบเล่นด้วยความเบื่อหน่าย ประสาทสัมผัสของมันทำการเชื่อมต่อกับเอิร์ลมิสทราลทันที ได้เห็นในสิ่งที่อีกฝ่ายเห็น ได้ยินในสิ่งอีกที่ฝ่ายได้ยิน
ความคิดและความรู้สึกที่เป็นของเอิร์ลมิสทราลถูกถ่ายทอดมายังสมองของเอ็มลินอย่างท่วมท้น มันรีบเหยียดหลังตั้งตรงด้วยสีหน้าตกตะลึงและบิดเบี้ยวสุดขีด ท้องไส้ปั่นป่วนกะทันหันพร้อมกับความรู้สึกอยากอาเจียน
แม้ร่างต้นไคลน์จะอาศัยพลังจากยุบพองหิวโหยเพื่อซ่อนตัวในเงามืดด้านนอกภัตตาคาร แต่หุ่นเชิดของมันได้แฝงตัวเข้ามาในมิติปิดผนึกที่นีบาสสร้างขึ้น แถมยังช่วยให้พลัง ‘บิดเบือน’ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดขาดกับโลกภายนอกและด้ายวิญญาณ
แต่ในวินาทีที่ดวงจันทร์มายาสีแดงส่องแสง ชายหนุ่มมีอันต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าหุ่นเชิดไร้ชีวิตของตนมีความต้องการที่จะขยายพันธุ์!
และชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นย่อมต้องเป็นทายาทของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!
นี่มันเหมือนกับพลังของลิลิธที่เดอะซันน้อยเล่าจากตำนานเมืองเงินพิสุทธิ์ และลักษณะเด่นของดวงจันทร์บรรพกาลที่เอ็มลินเคยเล่าให้ฟัง… อย่างนี้นี่เอง มาดราพฤกษาแห่งแรงกระหายได้ครอบครองส่วนหนึ่งของอำนาจในขอบเขต ‘จันทรา’ และกัดกร่อนมันให้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม… ไคลน์ซึ่งเตรียมจะสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดเพื่อเข้าไปอยู่ในมิติปิดผนึกและเทเลพอร์ตพาชารอนออกมา พลันเกิดความยินดีปรีดาเกินกว่าจะพรรณนาในใจ
เป็นความสุขคล้ายกับได้เห็นดอกไม้บานภายในค่ำคืนที่เปี่ยมไปด้วยสายหมอก เป็นความสุขคล้ายกับได้ออกจากเมืองใหญ่ไปอาศัยในแถบชนบทและสูดอากาศอันสดชื่นภายในป่าหลังฝนตก เป็นความสุขคล้ายกับการได้เห็นเห็ดค่อยๆ เจริญเติบโต เป็นความสุขของการได้เห็นชีวิตใหม่ถือกำเนิดและพัฒนา
ขนสีขาวนวลบนปีกค้างคาวยักษ์พลันหลุดร่วง ท้องที่ปูดโปนของเอิร์ลมิสทราลหดกลับเป็นปรกติ ดวงตาของชารอนที่ถูกแช่แข่งขณะกำลังถือมงกุฎจันทร์ชาดได้รับประกายแสงกลับคืน
ทันทีหลังจากนั้น พระจันทร์สีแดงภายในภัตตาคารสูญเสียความสว่างอย่างรวดเร็วประหนึ่งมีใครบางคนดูดกลืนแสงออกไป
จนกระทั่งพระจันทร์สีแดงเลือนหายโดยสมบูรณ์ ทุกสิ่งกลับสู่ภาวะปรกติ
เป็นฝีมือของดยุคโอลเมอร์แห่งตระกูลผีดูดเลือด? ไคลน์พยักหน้าไตร่ตรองและซ่อนตัวในเงามืดต่อไป
มิสทราลระงับโทสะของมันพลางก้มมองภัตตาคารเบื้องล่างและกล่าวเสียงต่ำ
“ดูเหมือนว่าเป้าหมายจะรู้ตัวล่วงหน้า”
“ล่วงหน้าเพียงครู่เดียว” เมื่อผนวกสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิวรณ์ที่ได้รับจากโลกวิญญาณ ชารอนมอบคำตอบของตัวเอง
ขณะสำรวจราวสองสามวินาที ดวงตาสีแดงสดของมิสทราลเผยประกายประหลาด
“แทบจะในเวลาเดียวกับที่เรามาถึง คนที่เคยอยู่ที่นี่หนีไปโดยทิ้งแก้วไวน์และหุ่นกระบอกพิสดารนั่น… ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กับดักที่เตรียมการนานอะไรนัก เป็นการคิดขึ้นมาสดๆ”
กล่าวถึงตรงนี้ มิสทราลหันไปมองชารอนและพูด
“ทำไมพวกมันถึงรู้ตัวได้ในทันที?”
สีหน้าของชารอนยังคงเฉยเมย เธอมอบคำตอบเสียงเรียบ
“ไม่ใช่ฝีมือของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย”
เทพมารตนดังกล่าวมิอาจแทรกแซงพลังมายังโลกความจริงได้มากนัก จึงเป็นเรื่องยากที่จะแจ้งเตือนสาวกล่วงหน้า
…………………….