หลังจากมอบคำตอบ ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดพลันตื่นตัวโดยสมบูรณ์ เริ่มเข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำถามของไคลน์:
มันกำลังหมายถึง ตาแก่อาจเคยเห็นสิ่งที่เรียกว่าศิลาเย้ยเทพ?
โดยไม่ปล่อยให้เลียวนาร์ดคิด ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองไปรอบๆ และกล่าว:
“โบสถ์รัตติกาลได้รับข้อมูลจากพลตรีโจนาส·โคลเกอร์ รองผอ. แห่ง MI9 และยืนยันว่าพระเจ้าจอร์จที่สามแห่งโลเอ็นซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้… เขาแอบส่งคนไปขุดโบราณสถานของ ‘จักรพรรดิโลหิต’ ด้วยความร่วมมือของนิกายแม่มดและสมาคมแปรจิต”
ไคลน์บังคับหุ่นเชิดเพื่ออธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมซึ่งเคยเล่าให้มิสจัสติสฟังไปแล้ว และปิดท้ายด้วยการเน้นประโยค:
“ดูเหมือนว่าโบสถ์ใหญ่ทั้งสามจะไม่พบหลักฐานที่สามารถมัดตัว ผนวกกับการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของเฮอร์วิน·แรมบิส เรื่องราวจึงยังดูเหมือนจะสงบ… แต่ตอนนี้กำลังสงสัยกันว่า อาจมีเบื้องบนของหนึ่งในโบสถ์หลักเป็นผู้ทรยศ”
กรุงเบ็คลันด์มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่เราไม่อยู่? ดูเหมือนว่าไคลน์จะได้รับข้อมูลจากศาสนจักรโดยตรง… ทำไมเราถึงไม่รู้อะไรเลย… ได้ยินจบประโยค ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดเหลือบมอง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ เจือความเหม่อลอยเล็กน้อย เริ่มไม่แน่ใจว่าใครเป็น ‘ถุงมือแดง’ ของโบสถ์รัตติกาลซึ่งกำลังถูกบ่มเพาะให้เป็นอาวุโสกันแน่
หลังจากนึกทบทวนสักพัก มันเริ่มเข้าใจบางสิ่งอย่างคลุมเครือ แต่มิอาจทำประกายไอเดียเหล่านั้นมาเรียบเรียงเป็นข้อมูลที่เห็นภาพชัดเจน
ซิลซึ่งวางแผนจะแบ่งปันประสบการณ์และคำสารภาพของไวเคานต์สตาร์ฟอร์ดในชุมนุมทาโรต์เพื่อขอคำปรึกษา พลันประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะสิ่งที่มิสเตอร์เวิร์ลกำลังไล่ตาม นับว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายในชีวิตของเธอมาก มีหลายจุดที่ซ้อนทับกัน
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ก่อนไล่ตามไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดไปที่โกดังท่าเรือ เราของความช่วยเหลือจากมิสเตอร์เวิร์ลก็คงดี บางทีอาจเอาชนะข้อจำกัดและได้รับเบาะแสเพิ่มเติม… ซิลมองไปรอบๆ เรียบเรียงคำพูดเพื่อเตรียมกล่าว
ทันใดนั้น อัลเจอร์พลันตัวสั่น ย้อนนึกไปถึงเมื่อสามสี่เดือนก่อน สมัยที่เดอะสตาร์และจัดจ์เมนต์ยังไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมชุมนุมทาโรต์ ในช่วงเวลาดังกล่าว ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยขอให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์สืบหาข้อมูลเพิ่มเติมของโจนาส·โคลเกอร์ นอกจากนั้น อีกฝ่ายยังระบุว่าเฮอร์วิน·แรมบิสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีฆ่าตัวตายของคารอน
นึกแล้วเชียว… คดีฆ่าตัวตายธรรมดาๆ ของคารอนไม่น่าจะทำให้ ‘เดอะเวิร์ล’ ลงทุนลงแรงมากมายขนาดนี้ คนที่มันไล่ตามมักจะเกี่ยวข้องกับความลับที่ส่งผลต่อสถานการณ์โลก… นอกจากนั้นยังอาจมีผู้ทรยศเป็นเบื้องบนของสามศาสนจักรใหญ่? พระคาร์ดินัลหรืออาวุโสใหญ่คนไหน? อัลเจอร์ตระหนักถึงความปั่นป่วนของคลื่นใต้น้ำ ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นของโอกาส
ว่ากันตามตรง มันเป็นเพียงสมาชิกที่ไม่สลักสำคัญของโบสถ์วายุสลาตัน เป็นผู้วิเศษที่คอยเล่นเป็นโจรสลัดนอกเครื่องแบบ ปลายทางอย่างมากคือการได้เป็นลำดับ 5 ผู้ขับขานสมุทร จากนั้นก็กลับไปประจำการที่วิหารและรับตำแหน่งทูตพิพากษาระดับสูง แทบจะไม่มีโอกาสได้ถือสมบัติปิดผนึกหรือกลายเป็นครึ่งเทพ
ทว่า เรื่องราวจะเปลี่ยนไปหากมีสถานการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก หากมันพึ่งพาความช่วยเหลือจากชุมนุมทาโรต์และแสดงฝีมือได้ดี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ก็มีโอกาสที่จะถูกศาสนจักรบ่มเพาะ
ในทำทองเดียวกัน คล้ายกับแคทลียามองเห็นเมฆมืดที่กำลังสั่งสมภายในเบ็คลันด์ มองเห็นสายลมกระโชกที่กำลังเปลี่ยนทิศ และเริ่มเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าทำไม ‘ราชินี’ จึงหมกตัวอยู่ที่นั่นในช่วงหกเดือนหลัง ส่วนเอ็มลินทำเพียงขมวดคิ้ว เป็นอีกครั้งที่มันรู้สึกว่า เบ็คลันด์ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับตระกูลผีดูดเลือด
ได้แต่หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะไม่รบกวนแผนการล่าสมาชิกคนสำคัญโรงเรียนกุหลาบ… นอกจากนั้น คงเป็นการดีที่สุดหากจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เราและหลวงพ่อยุ่งวุ่นวาย เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันเมื่อปีที่แล้ว… เมื่อเอ็มลินนึกทบทวนอดีต คิ้วของมันขมวดชนกัน
มันกวาดหางตาไปทางเดอะซันด้านข้าง เมื่อพบว่าเด็กหนุ่มเอาแต่นั่งตัวตรงด้วยสายตาว่างเปล่า เอ็มลินอดไม่ได้ที่จะรำพัน
“ดิฉันจะช่วยตามหาเฮอร์วิน·แรมบิส” ‘จัสติส’ ออเดรย์ทำลายความเงียบด้วยการพูด
‘จัดจ์เมนต์’ ซิลหันไปทาง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์และกล่าว:
“ฉันกำลังตรวจสอบบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับของกษัตริย์ หากต้องการความช่วยเหลือ ทางนี้ยินดีเต็มที่”
กล่าวจบ เธอเล่าถึงเรื่องที่มีใครบางคนคอยจับตามองเชอร์มาเน่
“ตกลง” ไคลน์ที่ทราบว่าเป็นแม่มดทริสซี่ บังคับให้หุ่นเชิด ‘เดอะเวิร์ล’ พยักหน้า ตามด้วยหัวเราะแผ่วเบา “ไม่ว่าจะเป็นการสืบหาที่อยู่ของเฮอร์วิน·แรมบิสหรือการสืบสวนความลับของกษัตริย์ พวกคุณทุกคนต้องคอยสังเกตว่าเรื่องราวรอบตัวเต็มไปด้วยความบังเอิญหรือไม่ ถ้าหากมี ต้องแจ้งให้ผมทราบทันที”
มันไม่ได้พูดถึง ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ และอาดัมโดยตรง ด้วยกังวลว่ามิสจัสติสจะคิดหนักจนเกิดความเครียด และนั่นจะมาพร้อมปัญหา มาพร้อมการถูกเฝ้ามองจากอีกฝ่าย
ความบังเอิญที่มากเกินไป… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและสมาชิกคนอื่นๆ ของชุมนุมทาโรต์เน้นย้ำประโยคดังกล่าวภายในใจ แต่ละคนมีการคาดเดาของตัวเอง
หลังจากเงียบไปสิบวินาที ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคพูด
“หลังจากผ่านช่วงปรับตัวและเตรียมความพร้อม ผมต้องตามทีมสำรวจไปที่ค่ายในหมู่บ้านยามบ่าย เมื่อถึงตอนนั้น ทีมสำรวจอาจจะพยายามเข้าสู่ ‘วังราชาคนยักษ์’ ”
สำหรับออเดรย์และคนอื่นๆ เรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกมันทราบอยู่แล้วว่าหลังจากเดอะซันกลายเป็นลำดับ 5 มีความเป็นไปได้สูงที่เมืองเงินพิสุทธิ์จะเริ่มลงมือ
ดังนั้น พวกมันจึงไม่แปลกใจหรือตกตะลึง ตรงกันข้าม รู้สึกว่าในที่สุดก็ถึงเวลาเสียที ตำนานในยุคสมัยบรรพกาลกำลังจะถูกเปิดเผยอย่างถูกต้องและชัดเจน
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ครุ่นคิดสักพัก ตักเตือนอย่างคลุมเครือ:
“เมื่อถึงตอนนั้น ทำตามคำสั่งของหัวหน้าของคุณอย่างเคร่งครัด รวมถึงการสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลให้มากที่สุด และถ้าประสบปัญหา สามารถทำเหมือนมิสเตอร์มูน จัดการชุมนุมย่อยขึ้นเพื่อให้พวกเราช่วยกันระดมความคิด”
“ตกลงครับ มิสเตอร์แฮงแมน” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน เพราะนั่นคือสิ่งที่มันเตรียมจะทำอยู่แล้ว
หลังจากช่วงเวลาแลกเปลี่ยนจบลง ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หันไปทางโต๊ะทองแดงยาว กล่าวอย่างนอบน้อมและเคารพ:
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ เรื่องที่ท่านเคยขอให้ผมตรวจสอบ ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว”
ท่ามกลางสายตาที่สงสัยและอยากรู้อยากเห็นของสมาชิก มันเล่าต่อ:
“ในยุทธการโคโนโต้ปี 1338 จักรวรรดิฟุซัคมีนาวาเอกเข้าร่วมสงครามทั้งสิ้นห้าคน สองในห้าถูกสังหารในยุทธการทางเรือ หนึ่งคนต้องออกจากราชการทันทีหลังจบศึกเนื่องจากแก่ชรา โดยสองปีต่อมาได้เสียชีวิตจากโรคพิษสุราเรื้อรัง หนึ่งคนได้รับการเลื่อนยศเป็นนาวาเอกพิเศษ ย้ายทำไปงานที่โรงเรียนนายเรือ ดำรงตำแหน่งรองคณบดี หนึ่งคนกลายเป็นพลเรือตรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือจู่โจมที่สองของจักรวรรดิฟุซัค”
ทันทีที่สิ้นเสียง อัลเจอร์ได้รับอนุญาตให้สร้างหน้ากระดาษขาวที่เต็มไปด้วยข้อมูลเพิ่มเติม
‘เดอะฟูล’ ไคลน์เสกมาอยู่บนฝ่ามือตัวเองและอ่านอย่างรวดเร็ว
มันเคยขอให้แฮงแมนสอบสวนนาวาเอกของจักรวรรดิฟุซัคในยุทธการโคโนโต้ในปี 1338 ส่วนหนึ่งเพราะต้องการทราบว่าใครคือเจ้าของเดิมของ ‘ยุบพองหิวโหย’ นายทหารเรือผู้จับกุมแอนดี้·ไฮเดิน ผู้ช่วยกัปตันเรือเอ็นมาร์ตในการยุทธการทางทะเลและ ‘ต้อนแกะ’ เข้าไป และเมื่อพิจารณาว่ามันเป็นฝ่ายชนะ จึงตัดเรื่องการตายในสงครามไปได้เลย
และสาเหตุที่แฮงแมนค้นพบเกาะโบราณ ไคลน์สงสัยว่าจะเป็นฝีมือของ ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ ผู้มอบถุงมือให้คีลิงเกอร์
ไม่ว่านาวาเอกคนนั้นจะเป็นสมาชิกวงนอกหรือเต็มตัว มันไม่น่าจะตายง่ายขนาดนั้น ไม่น่าจะเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง… แน่นอน ไม่ความเป็นไปได้ที่มันอาจถูกปิดปาก… ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เขียนชื่อทั้งสามลงในสมุดปกขาว:
“บอริส… ตายในปี 1347 สาเหตุการตาย: โรคพิษสุราเรื้อรัง”
“ซุสดาล… อายุสี่สิบแปด ยศนาวาเอกพิเศษ รองคณบดีโรงเรียนนายเรือฟุซัค”
“ดิมีทรีฟ… อายุสี่สิบห้า นาวาตรี ผู้บัญชาการกองเรือจู่โจมที่สองของฟุซัค”
ถอนสายตาออกจากกระดาษ ‘เดอะฟูล’ ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย กล่าวกับแฮงแมน
“ดำเนินการสืบสวนสามคนหลังโดยละเอียดต่อไป ค้นหาเหตุการณ์สำคัญในชีวิตพวกเขา”
“ขอรับ มิสเตอร์ฟูล” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เห็นขานรับโดยไม่ลังเล
สำหรับมัน สิ่งนี้ถือเป็นโอกาส ไว้เสร็จงานเมื่อไร มันอาจได้ยืมไม้กางเขนฟรี
หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกันสักพักแล้ว ชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ก็ยุติลงอย่างเป็นทางการ ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดกลับสู่โลกความจริง
ในท่านั่งบนโซฟา หลังจากลังเลสักพัก มันพาดขาลงบนโต๊ะกาแฟ ลดเสียงลงและถาม:
“ตาแก่… คุณเคยเห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองไหม”
ภายในใจ เสียงค่อนข้างชราของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ดังขึ้น:
“ไม่… เป็นปู่ทวดของข้าที่ได้เห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง… หึหึ… ใครเป็นผู้ถามเรื่องนี้?”
เลียวนาร์ดไม่ตอบทันที ยังคงนำคำตอบของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ไปขบคิด
ศิลาเย้ยเทพมีอยู่จริง!
ปู่ทวดของตาแก่ได้เห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง!
เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงกลายเป็นเทวทูต!
ผ่านไปสองสามวินาที เลียวนาร์ดถามด้วยความอยากรู้เจือคาดหวัง:
“ตาแก่… คุณรู้สูตรโอสถของ ‘ผู้พิทักษ์ราตรี’ ไหม?”
พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะเยาะทันที
“ไร้เดียงสา! จากคำบอกเล่าของท่านปู่ทวด สถานการณ์ในตอนนั้นเร่งด่วนมาก โอกาสมีเพียงน้อยนิด ศิลาเย้ยเทพอาจหายไปตอนไหนก็ได้ คนฉลาดทุกคนย่อมทราบว่า เป็นการดีที่สุดที่จะใส่ใจกับเส้นทางผู้วิเศษที่สมบูรณ์ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยไปดูเส้นทางอื่นๆ … นอกจากนั้น ความรู้บนศิลาเย้ยเทพยังนำเสนอในรูปแบบของแก่นแท้มากกว่าถ้อยคำ ผู้พบเห็นทุกคนต้องใช้เวลาตีความ… ในตอนที่ศิลาเย้ยเทพถูกนำกลับไป ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถจดจำเส้นทางผู้วิเศษของตนได้ครบถ้วน จึงไม่ต้องพูดถึงเส้นทางอื่น… จริงอยู่ ข้าเองก็มีสูตรโอสถเส้นทางอื่นเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งหมดล้วนมาจากการรวบรวมของตระกูลตลอดหลายปี ในหมู่พวกมันจึงไม่ค่อยมีลำดับสูง”
“เข้าใจแล้ว…” เลียวนาร์ดยิ้มแห้ง ก่อนจะถามต่อ “แล้วใครเป็นคนนำศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองกลับไป?”
พาลีส·โซโรอาสเตอร์เงียบงันสักพัก
“ถ้าปู่ทวดของข้าเล่าไม่ผิด… คนผู้นั้นคือ ‘ราชาเทวทูต’ อาดัม”
“สำหรับเจ็ดเทพ… ไม่สิ ตอนนั้นคงเป็นหกเทพ… ไม่ได้เข้าร่วมเหตุการณ์นี้?” เลียวนาร์ดถามด้วยความประหลาดใจ
พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะอย่างมีเลศนัย
“อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำอย่างเปิดเผย”
…………………..