เขตเชอร์วู้ด บ้านเลขที่ 22 ถนนปรารถนา โรมแรมแฮททริค
พนักงานดูแลแผนกต้อนรับเตรียมจะจิบน้ำ แต่ดันเหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งเดินมาที่ประตู
ผู้หญิงคนนี้สูง 1.65 เมตร สวมกระโปรงยาวสีอ่อนมีจีบ ผมสีน้ำตาลอ่อน หยักศกตอนปลาย สวมแว่นตากันแดด ทำตัวผ่อนคลายราวกับเพิ่งกลับมาจากอ่าวเดซีย์
เธอถือกระเป๋าเดินทางหนังสีน้ำตาลเข้ม เดินไปที่แผนกต้อนรับอย่างไม่รีบร้อน
นำสมัยและมีเสน่ห์มาก… เดรสสวย… เราอยากเห็นจริงๆ ว่าตอนถอดแว่นจะเป็นยังไง… ในฐานะสตรี พนักงานที่แผนกต้อนรับมีพฤติกรรมชอบมองไปยังเสื้อผ้าและเครื่องประดับของแขก
เธอได้ยินอีกฝ่ายกล่าวด้วยเสียงเจือความเกียจคร้าน
“หนึ่งคืน ห้องเดี่ยว”
“สองซูล แปดเพนนี” พนักงานต้อนรับแจ้งราคา จากนั้นก็ถามว่า “มีเอกสารยืนยันตัวตนไหม?”
นี่คือระเบียบการลงทะเบียน แต่เธอไม่ได้จริงจังอะไรนัก เพราะโรงแรมไม่มีวิธีตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารอยู่แล้ว
“ตกลง” หญิงสาววางกระเป๋าสีน้ำตาลเข้มลง หยิบปึกเอกสารออกมาจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าหิ้ว ส่งไปให้อีกฝ่าย
“มาร์กาเร็ต·เทย์เลอร์…” พนักงานพึมพำ ก้มหน้าลงทะเบียน จากนั้นยื่นพวงกุญแจให้และกล่าว “ห้อง 2012”
“ขอบคุณ” หญิงสาวผู้แต่กายนำสมัยฝั่งตรงข้ามรับกุญแจ ยกกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลเข้ม เดินไปทางบันได
ขณะเดียวกัน บริกรชายในเสื้อกั๊กสีแดงเดินเข้ามาใกล้ โค้งศีรษะและคำนับ
“ให้ช่วยไหมครับ?”
สายตาของมันมองตรงไปยังกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลเข้มในมือหญิงสาว
ริมฝีปากของเธอยกโค้ง ส่ายหัวและตอบ
“ไม่จำเป็น มันเบามาก”
กล่าวจบ เธอไม่มัวรีรอ เดินขึ้นบันได เข้าไปในห้อง 2012
รอจนกระทั่งประตูปิด วางกระเป๋าเดินทางลง เธอยกแขนขวาขึ้น จับหน้าอก ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าโล่งอก
“ทำไมเราถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฆาตกรโรคจิต…”
ไม่ใช่ใครนอกจากฟอร์สที่ปลอมตัวมา ในกระเป๋าเดินทางไม่มีสิ่งใดนอกจากศีรษะของมิสเตอร์ X ที่ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์!
พนักงานสองคนนั้นคงคาดไม่ถึงแน่ ภายในกระเป๋าเดินทางที่สาวนำสมัยถือติดตัวมา ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไม่มีเครื่องสำอาง มีเพียงศีรษะที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ศีรษะของคนตายที่เต็มไปด้วยเลือด… หากถูกพบเข้า ทั่วทั้งโรงแรมคงแตกตื่น… นี่มันพล็อตนิยายนักสืบชั้นเลิศ! ฟอร์สสงบความกังวลในใจ ยกกระเป๋าเดินทาง เปิดประตูห้อง
เธอสำรวจทางเดิน เมื่อไม่เห็นใครจึงรีบออกไป เดินมาถึงหน้าห้อง 2016 และใช้นิ้วเคาะประตูไม้
อาจารย์ของเธอ โดเรี่ยน·เกรย์·อับราฮัมอาศัยอยู่ที่นี่
เมื่อสังเกตเห็นว่าตาแมวกำลังมองมา ฟอร์สได้ยินเสียงบิดลูกบิด ได้เสียงกลอนกำลังทำงาน
โดเรี่ยน·เกรย์ในชุดสีดำ ไหล่กว้าง สายตาชำเลืองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง หลีกทางและสัญญาณให้ศิษย์เข้ามา
“ไม่มีใครรู้ใช่ไหม?” มันปิดประตูห้อง ซักถามอย่างระมัดระวัง
ฟอร์สวางกระเป๋าเดินทางลง ถอดแว่นกันแดดที่ปกปิดใบหน้าไว้เกือบครึ่ง
“ไม่ค่ะ ฉันใช้ตัวตนปลอม”
ในฐานะลูกครึ่งเบ็คลันด์และผู้วิเศษลำดับต่ำมากประสบการณ์ เอกสารปลอมหลายชุดคือสิ่งสำคัญ
นอกจากนั้น เธอยังมีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้คอยช่วยเหลือ
ปัญหาเดียวก็คือ ของปลอมคือของปลอมวันยังค่ำ ไม่มีทางรอดพ้นการตรวจสอบของกรมตำรวจ
ทว่า ฟอร์สเคยได้ยิน บางช่องทางสามารถสร้างบัตรประชาชนของจริงขึ้นมาได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตัวตนดังกล่าวถูกลงทะเบียนกับสำนักงานกรมตำรวจไว้แล้ว แต่จะสวมรูปภาพของคนอื่นแทนเข้าไป แน่นอน ราคาจะแพงกว่าปรกติมาก
โดเรียนพยักหน้าอ่อนโยน ถอนหายใจเงียบ ส่งสัญญาณให้ฟอร์สนั่ง ดึงเก้าอี้ออกมาและกล่าว
“ตามที่คุณแจ้งไว้ในจดหมาย ในชุมนุมลับผู้วิเศษของเบ็คลันด์ ใครบางคนเสนอรางวัลสำหรับการตามหาตัวทายาทสายตรงของตระกูลอับราฮัม เป้าหมายคือการรวบรวมข้อมูลของมิสเตอร์ประตู ข้อมูลถูกต้องใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ อาจารย์” ฟอร์สเล่าความจริงทั้งหมด “ฉันไม่ค่อยรู้จักตระกูลนี้ ก็เลยถามเผื่อว่า คุณอาจจะทราบ”
เธอปิดบังแค่สองเรื่อง หนึ่งคือ ชุมนุมลับดังกล่าวมีชื่อว่าชุมนุมทาโรต์ และสองคือ เธอรู้อยู่แล้วว่าอาจารย์เป็นคนตระกูลอับราฮัม
โดเรี่ยนนั่งลง หยิบถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีขาวขึ้นจิบ ถามด้วยสีหน้าใจเย็น
“ใครเป็นคนตั้งรางวัล?”
“ดิฉันไม่ทราบ ยืนยันได้แค่ว่า อีกฝ่ายเป็นสตรี เธอปกปิดตัวตน เอ่อ… เธอน่าจะแข็งแกร่งมาก และดูเหมือนจะมีบุคคลเบื้องหลังที่ทรงพลังคอยช่วยเหลือ” ฟอร์บรรยายภาพจำของมาดาม ‘เฮอร์มิท’
สิ่งที่เธอไม่ได้กล่าวออกไปก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต นั้นไม่ธรรมดา
โดเรี่ยน·เกรย์คร่ำครวญสองสามวินาที
“ผมเองก็ไม่ค่อยมีข้อมูล ทราบแค่ว่า มิสเตอร์ประตูคือบรรพบุรุษของตระกูลอับราฮัม หายตัวไปใน ‘สงครามสี่จักรพรรดิ’ คุณสามารถนำข้อมูลนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินรางวัลได้บางส่วน”
มิสเตอร์ประตูคือบรรพบุรุษของตระกูลอับราฮัม? และยังเป็นคนที่ทำให้ตระกูลอับราฮัมได้รับคำสาปจากจันทร์เต็มดวง… มิสเตอร์ประตู ผู้ทำให้สายเลือดของตัวเองคลุ้มคลั่งมานานหลายปี ความจริงแล้วคือบรรพบุรุษของตระกูลอับราฮัม? ฟอร์สตกตะลึงกับข้อมูลนี้
เธอเคยได้ยินสถานการณ์ของตระกูลอับราฮัมจากมิสเตอร์ฟูล จึงไม่อยากเชื่อว่า บรรพบุรุษคือบ่อเกิดของปัญหาทั้งหมด!
มิสเตอร์ประตูเคยตระหนักถึงผลของการกระทำบ้างไหม? ฟอร์สพึมพำ คิ้วขมวดชนกันโดยไม่รู้ตัว
โดเรี่ยน·เกรย์สังเกตเห็นความผิดปรกติของศิษย์ ซักถามด้วยสีหน้าเจือความฉงน
“มีปัญหาอะไรหรือ?”
แย่ล่ะสิ… เราลืมเก็บซ่อนสีหน้า… ฟอร์สครุ่นคิดสักพักและตอบ
“ดิฉันแค่ไม่เข้าใจ ผ่านมาแล้วหลายพันปี นอกจากทายาทสายตรงของตระกูลอับราฮัม ใครยังจะอยากได้ข้อมูลของมิสเตอร์ประตูอีก? จุดประสงค์คืออะไรกันแน่?”
หรืออยากให้มิสเตอร์ประตูกลับมา? อา… นั่นสินะ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ คือบุตรสาวของจักรพรรดิโรซายล์ และมิสเตอร์ประตูปรากฏตัวในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ ดังนั้น ราชินีคนดังกล่าวจึงต้องการตามหามิสเตอร์ประตู สำรวจความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน สมเหตุสมผล… ทว่า มิสเตอร์ประตูหายไปในสงครามสี่จักรพรรดิ เป็นเหตุการณ์ก่อนที่จักรพรรดิโรซายล์จะเกิดนับพันปี แล้วความเชื่อมโยงอยู่ตรงไหน… หรือว่าจักรพรรดิโรซายล์เองก็ได้ยินเสียงเพรียกในคืนจันทร์เต็มดวง… หืม เราจำได้ มิสเตอร์ฟูลเคยกล่าวถึงมิสเตอร์ประตูว่า ชายคนนั้นอาจกำลังขอความช่วยเหลือ… ถ้านี่เป็นความจริง มันช่าง… มันช่าง… ในฐานะนักเขียน ฟอร์สมิอาจบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้
โดเรี่ยนยิ้มขื่นขม
“อันที่จริง ผมกำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าคุณได้คำตอบ อย่าลืมแจ้งให้ผมทราบ”
ฟอร์สรีบสลัดประเด็นดังกล่าวออกจากความคิด กังวลว่าจะถูกโดเรี่ยน·เกรย์พบความผิดปรกติ จากนั้นก็ถามกลับ
“อาจารย์ ทำไมจู่ๆ ถึงกลับมาที่เบ็คลันด์”
โดเรี่ยนอมยิ้ม หยิบบุหรี่และเลื่อนมาที่ปลายจมูก สูดดมเล็กน้อย แต่ไม่ได้จุดไฟ
“ผมมีงานต้องสะสางในเบ็คลันด์กะทันหัน ระหว่างทาง ผมอยากตรวจสอบความคืบหน้าในการย่อยโอสถของคุณ”
อันที่จริง มันรู้สึกประหลาดใจกับข่าวที่ฟอร์สถ่ายทอดมาในจดหมาย มันไม่อยากเชื่อว่า โลกนี้จะยังมีคนที่ถามถึงมิสเตอร์ประตูอยู่ เพราะว่ากันตามตรง แม้แต่ตระกูลอับราฮัมก็ยังถอดใจไปนานแล้ว มีเพียงมันที่ยังคงยืนกรานหนักแน่น ตั้งใจสั่งสอนศิษย์ก็เพื่อค้นหาคำตอบนี้โดยเฉพาะ
นอกจากนั้น โดเรี่ยนยังหวนถึงคำทำนายที่พูดกันอย่างแพร่หลายภายในตระกูล กล่าวกันว่า ตระกูลอับราฮัมจะเข้าใกล้ความพังพินาศเข้าไปทุกขณะ
มันเชื่อมโยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน จึงรีบเดินทางมายังเบ็คลันด์ ยืนยันสถานการณ์ปัจจุบันของศิษย์ โดยหวังว่า เธอจะเลื่อนลำดับให้เร็วที่สุด ช่วยพยุงความหวังอันริบหรี่ของตระกูลอับราฮัม
“ดิฉันเพิ่งจะแตกฉานความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์…” ฟอร์สตอบเสียงค่อย
เนื่องจากภาวะถังแตกในระยะหลัง เธอจึงยังมิได้ซื้อลูกแก้วเวทมนตร์ที่จำเป็นสำหรับ ‘โหราจารย์’
เพื่อไม่ให้หัวข้อสนทนานี้ดำเนินต่อ ฟอร์สหันไปทางโดเรี่ยน·เกรย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีสวมบทบาทของโหราจารย์ และได้รับการชี้แนะอย่างคลุมเครือทำนองว่า ‘โหราศาสตร์ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล’
จนกระทั่งบทเรียนจบลง ฟอร์สก้มมองกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลเข้มด้านข้างและเปิดปากเล่า
“อาจารย์ ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง”
“เรื่อง?” โดเรี่ยนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จิบชาอย่างสบายใจ
ฟอร์สกล่าวตามบทที่ท่องไว้ล่วงหน้า
“เมื่อทราบว่าลูอิส·เวย์นเคยทรยศต่อองค์กร รวมถึงเคยทำให้คุณสูญเสียหลายสิ่ง ฉันอยากเจอมันมาตลอด อยากแก้แค้นให้คุณ”
“ล้มเลิกความคิดเดี๋ยวนี้!” โดเรี่ยนนั่งตัวตรง “ถึงคุณจะมีบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ แต่ก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่นอน ลืมเรื่องฆ่ามันไปได้เลย! ผมดีใจนะที่ได้ยินอะไรแบบนี้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้ามาเสี่ยง”
เขาพูดถูก ลำพังเราคนเดียวคงฆ่ามันไม่ได้… ฟอร์สพึมพำในใจ กล่าวออกไปตามตรง
“ดิฉันรู้จักนักล่าค่าหัวที่เก่งมากคนหนึ่ง ต้องใช้เงินไปเกือบหนึ่งหมื่นปอนด์เพื่อขอให้เขาช่วย”
เธอมิอาจกะเกณฑ์มูลค่าของงานจ้างวานฆ่าลูอิส·เวย์นได้แม่นยำ จึงนำค่าหัวที่มิสออเดรย์จ้างฆ่าราชทูตอินทิสมาเป็นบรรทัดฐาน
“คนคนนั้นต้องหลอกคุณแน่… มีโอกาสมากที่ลูอิส·เวย์นจะเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ นอกจากนั้น มันยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบจากชุมนุมแสงเหนือ” ขณะโดเรี่ยนกำลังจะยืนกรานว่า ไม่มีนักล่าค่าหัวคนใดสามารถล่าลูอิส·เวย์นไหว มันได้ยินศิษย์ของตนกล่าว
“เขาทำสำเร็จแล้ว”
แค่ก! แค่ก! แค่ก! โดเรี่ยนสำลักน้ำลาย ไอราวกับปอดจะฉีก
ถ้วยชาในมือหลุดร่วงทันที หล่นกระแทกพื้น แต่ราวกับเล่นกล ถ้วยชากลับมา ‘ตั้ง’ อย่างมั่นคงบนโต๊ะกาแฟ
“เขาส่งศีรษะของลูอิส·เวย์นมาให้ดิฉันแล้ว” ฟอร์สนำกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาวาง เปิดมันออก หยิบวัตถุทรงกลมที่ถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์
เมื่อกระดาษค่อยๆ ถูกคลี่ออกทีละชั้น โดเรี่ยนได้เห็นใบหน้าที่มันไม่มีวันลืม เทียบกับสมัยบุกโจมตีสำนักงานใหญ่ของตระกูลอับราฮัม รอยยิ้มอย่างพึงพอใจของลูอิส·เวย์นไม่หลงเหลืออยู่อีก ศีรษะมีรอยแตกร้าว คล้ายกับประกอบเข้าด้วยกันใหม่ด้วยกาว ดวงตาแฝงความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ในฐานะโหราจารย์ สัมผัสวิญญาณของโดเรี่ยน·เกรย์บอกกับมันอย่างมั่นใจ นี่คือศีรษะของลูอิส·เวย์น
“เยี่ยมมาก… ยอดเยี่ยมมาก” โดเรี่ยนพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้น จ้องหน้าศิษย์ “นักล่าค่าหัวคนนั้นเป็นใคร? ผมไม่อยากเชื่อว่านักล่าหัวของเบ็คลันด์จะมีคนที่เก่งขนาดนี้อยู่ด้วย”
ฟอร์สครุ่นคิดสักพัก
“เกอร์มัน·สแปร์โรว์”
………………………………………………………..