โบสถ์วายุสลาตันเริ่มลงมือสืบสวนเมืองท่าแบนชีแล้วหรือ…
ไคลน์เลื่อนกำปั้นขึ้นมาจ่อปากพลางกระแอมสองหน จากนั้นก็ซักถามตรงไปตรงมา
“แล้วเกิดเหตุการณ์แบบไหน”
ไอร์แลนด์ไม่พบความผิดปรกติในอากัปกิริยาของไคลน์ จึงมองไปรอบตัวและกล่าว
“ผมเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มั่นใจว่า เหตุการณ์นี้มีสมาชิกระดับสูงของโบสถ์วายุสลาตันเข้าร่วมด้วยแน่นอน ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์สองสามวัน เที่ยวเรือขาเข้าแบนชีทั้งหมดถูกยกเลิก นั่นคงเป็นสัญญาณก่อนเริ่มลงมือ”
สมาชิกระดับสูง? ผิดแล้ว… ต้องเป็นสมาชิกระดับสูงสุดต่างหาก บางที สันตะปาปาของโบสถ์วายุสลาตัน เทวทูตเดินดิน อาจออกโรงเองด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งนำสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ออกมาใช้งาน… เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ศัตรูถูกคาดหมายว่าจะเป็นราชาเทวทูตจากยุคสมัยที่สี่ แถมยังมีทายาทของมันอีกกลุ่มหนึ่ง…
ไคลน์พยักหน้ารับ ซักถามเสียงเรียบ
“ผลลัพธ์ล่ะ”
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมโบสถ์วายุสลาตันถึงเพิ่งลงมือเอาป่านนี้ ชายหนุ่มไม่แปลกใจนัก เพราะถึงหน่วยทูตพิพากษาจะได้ชื่อว่าหุนหันใจร้อน แต่พวกมันก็มิอาจลัดขั้นตอนระเบียบราชการได้ คงต้องมีการสืบข่าวเบื้องต้นเพื่อยืนยันระดับอันตราย รวมถึงการอพยพย้ายชาวเมืองบริสุทธิ์ออกจากพื้นที่ ปิดกั้นน่านน้ำใกล้เคียง ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนใช้เวลามาก
ไอร์แลนด์ยังคงไม่พบความผิดปรกติทางอารมณ์ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จึงทำเพียงถอนหายใจยาวและยิ้ม
“ผลลัพธ์หรือ… คงไม่มีเมืองท่าแบนชีไปอีกนาน”
สมกับเป็นโบสถ์วายุสลาตัน…
ไคลน์ผุดคำถามมากมาย ภายในใจนึกอยากทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ทันที
มันอยากรู้ว่า เทวทูตสีชาด เมดีซี ปรากฏตัวออกมาหรือไม่ และอาศัยในละแวกเมืองท่าแบนชีจริงไหม มันถูกโบสถ์วายุสลาตันกวาดล้างโดยสมบูรณ์แล้วหรือยัง เกิดอะไรขึ้นกับชนพื้นเมืองแบนชีบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มชอบที่พูดจาลากเสียง รวมไปถึงความลับของภัตตาคารมะนาวและสำนักงานโทรเลข
แต่น่าเสียดาย เมืองท่าแบนชีแปรสภาพกลายเป็นความพินาศย่อยยับ ยากจะตามไปสืบสวนในภายหลัง…
จริงอยู่ ในรายงานของทูตพิพากษาอาจมีรายละเอียดเขียนไว้ แต่เราไม่มีสิทธิ์อ่าน และเมื่อประเมินจากตำแหน่งของแฮงแมน เขาก็คงไม่มีสิทธิ์อ่านเช่นกัน…
ต้องรีบปลุกปั้นให้มิสเตอร์แฮงแมนกลายเป็นคนใหญ่คนโตของโบสถ์โดยเร็ว ลำดับอย่างต่ำคือครึ่งเทพ จึงจะเพียงพอต่อการอ่านเอกสารลับในคดีเมืองท่าแบนชี…
ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน ก่อนจะกล่าวต่อไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ที่นั่นอันตรายจริงๆ … แค่ก! แค่ก!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ไคลน์ไอกระแอมอย่างรุนแรงหลายหนติดต่อกัน
“คุณป่วยหรือ” ไอร์แลนด์ซักถามด้วยสีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ
มันเข้าใจมาตลอดว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์เหมือนกับตน คือเป็นผู้วิเศษบนเส้นทางที่มีสมรรถภาพร่างกายสูง คงไม่ป่วยไข้ได้ง่ายจนกว่าจะแก่ชรา แต่ภาพตรงหน้าทำให้มันต้องเปลี่ยนความคิด
ไคลน์เพียง ‘อือ’ โดยไม่อธิบาย
ถามไม่คิด… หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดกับพลเรือโทโรคภัย หากไม่ป่วยคงจะแปลกมากกว่า! เดนิสพึมพำในลำคอ
เอลเลนยิ้มและกล่าว
“ผมแนะนำนักปรุงยาให้เอาไหม ได้ผลดีกว่าการไปโรงพยาบาลหรือคลินิกแน่นอน อีกฝ่ายเป็นผู้วิเศษ ร้านขายสมุนไพรตั้งอยู่ในซอยเยื้องกับโรงละครแดง โด่งดังด้านการขายยาปลุกความฮึกเหิมในตัวบุรุษ แต่นั่นไม่ใช่ความถนัดเพียงอย่างเดียวของเขา”
นักปรุงยาบนโลกนี้ต้องขายยาหำแข็งทุกคนเลยรึไง… นั่นสินะ คงไม่มียาตัวไหนทำกำไรและขายง่ายกว่านี้แล้ว ได้เห็นเงินก้อนโตอยู่ตรงหน้า ใครบ้างจะอดใจไหว…
ไคลน์พยักหน้าเชิงรับทราบ
“เดี๋ยวก่อน! ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยิน?” เดนิสถามด้วยน้ำเสียงแฝงความประหลาดใจ
“เขาเพิ่งย้ายมาอยู่บายัมเมื่อเดือนก่อน ส่วนนายกลับมายังบายัมครั้งสุดท้ายตอนไหน?” ไอร์แลนด์ย้อนถามพลางหัวเราะ
ก็ตอนที่นั่งเรือเส็งเคร็งของแกไง… เดนิสตอบในใจ
มันนึกทบทวนตาม ในช่วงไม่กี่เดือนหลัง หากไม่นับครั้งที่มาถึงบายัมพร้อมเกอร์มัน·สแปร์โรว์ วันหยุดพักผ่อนส่วนใหญ่ของตนจะหมดไปกับการล่องทะเล สำมะเลเทเมา หรือไม่ก็ล่าสมบัติ มีแวะบายัมแค่ครั้งเดียว และมิได้เก็บรายละเอียดมากนัก
“ฉันพักอยู่ที่บายัมสามวัน และแวะเวียนไปที่โรงละครสีแดงอยู่บ้าง แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีนักปรุงยาหน้าใหม่มาก่อน ถ้ายากระตุ้นอารมณ์ของเจ้านั่นเจ๋งจริง คนข้างในก็ต้องพูดกันบ้าง!” เดนิสโต้แย้งพลางโอ้อวด
ไอร์แลนด์เผยรอยยิ้ม ไม่คิดโต้เถียงกับโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ให้เปลืองน้ำลาย เพียงหันมาทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“หากเป็นอาการป่วยทั่วไป นักปรุงยาจะคิดราคาสูงกว่าปรกติไม่มาก และสำหรับคุณ ราคาถูกแพงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เป็นสุขภาพต่างหาก ผู้วิเศษอย่างเราต้องรีบรักษาร่างกายให้เป็นปรกติโดยเร็ว เพราะอันตรายอาจถามหาได้ทุกเมื่อ เช่นการถูกลอบจู่โจมโดยไม่คาดหมาย หรือกระทั่งโอกาสในการคลุ้มคลั่งที่เพิ่มขึ้น”
กล่าวได้ถูกต้อง สิ่งสำคัญของผู้วิเศษคือการรักษาร่างกายให้เป็นปรกติ แต่ใครบอกว่าราคาไม่สำคัญ? มันสำคัญมากต่างหาก! ถ้านักปรุงยาคิดเงินหนึ่งพันปอนด์ ขอไปเสี่ยงกับโรงพยาบาลและคลินิกดีกว่า หรือไม่ก็ อธิบายอาการเบื้องต้นกับเอ็มลิน ให้อีกฝ่ายปรุงยาและสังเวยผ่านห้วงมิติเหนือสายหมอก… จริงอยู่ เราอาจมีเงินเก็บมากถึงหกพันปอนด์ ยังไม่นับรวมตะกอนพลังอีกจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงอนาคต เราต้องมีสมบัติวิเศษที่สามารถโจมตีได้หนักหน่วง และยังต้องตามหาเบาะแสของสูตรโอสถครึ่งเทพ…
ไคลน์พึมพำ
สูตรผลิตโอสถครึ่งเทพขึ้นไปย่อมมิอาจประเมินค่าเป็นเงินทอง ลำพังเบาะแสน้อยนิดก็มีราคาสูงมากแล้ว
เมื่อไอร์แลนด์จากไป ไคลน์หยิบเงินเจ็ดร้อยปอนด์ออกมาและแบ่งให้เดนิสสองร้อยปอนด์
ชายหนุ่มสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ยกไม้ค้ำขึ้นพลางไอกระแอม จากนั้นก็เช็ดน้ำมูกด้วยผ้าสะอาดและเตรียมตัวเดินทางไปยังย่านโรงละครแดงด้วยรถม้าเช่า
เดนิสเองก็เกิดความสงสัยในตัวนักปรุงยาหน้าใหม่ จึงทำการติดหนวดปลอม สวมหมวกแก๊ป และเดินตามไคลน์ไม่ห่าง มันอาศัยคำแนะนำของไคลน์ที่บอกว่า การปลอมตัวด้วยผ้าพันคอผืนใหญ่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ฉลาด ควรติดหนวดปลอมแทนมากกว่า เดนิสจึงยอมเชื่อฟังมืออาชีพและทำตามแต่โดยดี
…
ณ ตรอกเยื้องโรงละครแดง ขณะไคลน์กำลังจะเดินเข้าไปในร้านสมุนไพรที่ไม่แขวนป้าย มันเห็นชายคนหนึ่งเดินสวนออกมาด้วยท่าทีมีพิรุธ และเมื่อถูกคนแปลกหน้าพบเข้า อีกฝ่ายรีบก้มตัวและเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
สหาย ฉันไม่รู้เลยว่านายซื้อยาอะไรมา…
ไคลน์ไอแห้งอีกสองครั้ง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในร้านสมุนไพรบรรยากาศค่อนข้างสลัว
หลังจากกวาดตามองหนึ่งรอบ ไคลน์พลันชะงักสายตา เนื่องจากมันจำเจ้าของร้านได้
เจ้าของร้านสวมชุดคลุมสีดำยาวคล้ายกับหมอชนบท อายุราวสามสิบ ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล หน้ากลมค่อนไปทางท้วม ไม่ใช่ใครนอกจากนักปรุงยาในชุมนุมลับของเนตรแห่งปัญญาที่ปากเสียแต่จริงใจ นอกจากนั้น ไคลน์ยังเคยพบมันนอกรอบในคณะละครสัตว์
การที่เขาไม่ปรากฏตัวที่ชุมนุมลับของมิสเตอร์เนตรแห่งปัญญาในช่วงหลัง เป็นเพราะเดินทางออกจากกรุงเบ็คลันด์แล้วนี่เอง…
ไคลน์ยืนครุ่นคิด ไอแห้ง และเดินไปข้างหน้าสองก้าว
“ขอยาหน่อย”
บนหัวไหล่นักปรุงยาร่างท้วมมีนกฮูกตากลมตัวหนึ่งยืนเกาะอยู่ เมื่อได้ยินเสียงทักทาย หนึ่งคนหนึ่งสัตว์หันหน้ามามองไคลน์พร้อมเพรียง
หลังจากจ้องสำรวจไคลน์สักพัก นักปรุงยาร่างท้วมฉีกยิ้มด้วยสีหน้ามั่นใจ
“สหาย ข้างนอกอากาศเย็นมาก ไม่ควรทำเรื่องอย่างว่าบ่อยครั้ง ถึงมันจะตื่นเต้นดีก็เถอะ”
เชี่ยไรอีกเนี่ย…
ไคลน์มึนงงในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็เริ่มพบสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายพูดเช่นนั้น
ขณะสู้กับเทรซี่ เราได้รับอิทธิพลจากเสน่ห์ของเธอจนเลือดลมสูบฉีดผิดปรกติ เลือดตามร่างกายไหลลงไปรวมตัวที่อวัยวะเบื้องล่าง ส่งผลให้ร่างกายขาดภูมิคุ้มกันจนเกิดอาการป่วย… จริงอยู่ เราไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลเย็นจัดเนื่องจากพรของ ‘เทพสมุทร’ แต่ลมหนาวของเมืองบายัมได้กระตุ้นให้ไข้กำเริบ…
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อาการป่วยของเรามีสาเหตุเดียวกับคนที่มีเพศสัมพันธ์ท่ามกลางอากาศเย็นจัด… สมกับเป็นเส้นทางนักปรุงยา สายตาเฉียบแหลมมาก…
ไคลน์ยืนจ้องนักปรุงยาร่วมท้วมโดยไม่ตอบโต้ ทำเพียงเงียบงัน รอให้อีกฝ่ายจัดยา
เดนิสมองเข้าไปในร้านสมุนไพรพลางหัวเราะเยาะเหยียดหยัน
เป็นนักปรุงยาประสาอะไร แค่อาการป่วยจากสตรีแห่งโรคภัยก็แยกแยะไม่ถูก!
เพลิงพิโรธรำพันอย่างโอหัง
เมื่อนักปรุงยาร่างท้วมเห็นว่าไม่มีใครสานต่อบทสนทนา จึงหันหลังกลับไปเปิดตู้เก็บของและหยิบสมุนไพรประหลาด เปลือกแมลง รวมถึงวัตถุดิบหายากชนิดอื่นๆ ออกมาวาง จากนั้นก็นำทั้งหมดบรรจุใส่ถุงกระดาษและส่งให้ไคลน์
“นำทั้งหมดแช่น้ำพร้อมกัน ต้มทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง และดื่มของเหลวที่เกิดจากการต้ม… สี่ซูล”
ค่อนข้างแพง… ไคลน์ชำเลืองเดนิสด้านข้าง
ฝ่ายหลังรีบกุลีกุจอล้วงหยิบเงินออกมาจ่าย
นักปรุงยาร่างท้วมรับธนบัตรไปนับพลางเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดเสียงให้ต่ำลง และกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“ฉันมียาดีที่จะทำให้นายปึ๋งปั๋งบนเตียงยิ่งกว่าเดิม มีส่วนผสมหลักเป็นผงมัมมี่ ว่าไง? สนใจไหม? ขอรับประกันความพึงพอใจ ฉันรู้ว่านายคงเจ๋งในเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว แต่บุรุษทุกคนล้วนต้องการเป็นเลิศ…”
จะทำแบบนั้นได้ ฉันต้องหาแฟนก่อน…
ไคลน์ส่ายหน้าเย็นชา ปฏิเสธข้อเสนอแสนเย้ายวนจากนักปรุงยาร่างท้วม
เมื่อเห็นภาษากายขอชายหนุ่ม เจ้าของร้านเหยียดตัวตรงด้วยสีหน้าเจือความผิดหวัง
ถัดมา มันเริ่มชักชวนลูกค้าคุยนอกเรื่อง
“พวกนายเป็นนักผจญภัยใช่ไหม”
“อือ” ไคลน์ตอบห้วน
นักปรุงยาถูฝ่ามือและกล่าว
“ฉันมีภารกิจมาให้ทำ จะจ่ายเงินก็ต่อเมื่องานเสร็จแล้วเท่านั้น”
“เท่าไร?” ไคลน์ถามพลางจับจมูก
“หนึ่งร้อยปอนด์!” เจ้าของร้านกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความระทม “งานตามหาคน ชื่อของเขาคือรอย·คิง เป็นอาจารย์ของฉัน และเป็นคนนัดแนะให้ฉันมาหาที่นี่ แต่ผ่านมานานนับเดือน กลับยังไม่พบเบาะแสของเขาแม้แต่น้อย”
“มีรูปวาดไหม แค่ก! รูปถ่ายก็ได้”
ไคลน์ไอแห้ง ตั้งคำถาม
นักปรุงยาร่างท้วมล้วงหยิบภาพหนึ่งออกจากกระเป๋าสีเข้มข้างเอว จากนั้นก็ส่งให้ไคลน์
บุคคลในภาพเป็นเด็กหนุ่มมาดสง่างาม ผมหวีเรียบ บรรยากาศรอบตัวอ่อนโยน
“นี่คืออาจารย์ของนาย?” ไคลน์ถามย้ำ
บอกว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ยังน่าเชื่อกว่าเลย…
นักปรุงยาร่างท้วมกระแอมในลำคอ
“ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ชายคนนั้นอายุหกสิบกว่าแล้ว แค่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กด้วยเหตุผลบางอย่าง”
เป็นพลังจากเส้นทาง หรือจากสมบัติวิเศษ?
ไคลน์พยักหน้ารับ ทำสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็ซักถามข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีสื่อกลางใดให้ทำนายถึงเป้าหมาย ชายหนุ่มจึงถือถุงกระดาษเดินออกจากร้านสมุนไพรพร้อมเดนิส
จนกระทั่งแผ่นหลังทั้งสองหายไปจากตรอก นกฮูกที่ยืนบนไหล่นักปรุงยาร่างท้วมพูดขึ้น
“ดัควีลล์ ชายคนนั้นอาจรู้จักนาย”
……………………