เทรซี่เห็นสายฟ้าสีเงินสองเส้นภายในดวงตาเขียวมรกตของเอลเลน จากนั้น แสงสีเงินได้ปกคลุมทัศนวิสัยของเธอ
คางโค้งเรียวของหญิงสาวเชิดขึ้นกะทันหัน ท่าทีคล้ายกับเตรียมกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
ทว่า ร่างกายเทรซี่พลันชะงัก ก่อนจะแตกเป็นกระจายเป็นเสี่ยง ๆ โดยมีกระจกเงาเต็มบานภายในห้องถูกทำลายไปพร้อมกัน เศษเล็กเศษน้อยหล่นโปรยปรายเต็มพื้น
กระจกตัวแทน!
เทรซี่ในเชิ้ตขาว กางเกงสีน้ำตาลอ่อน รองเท้าหนังสีดำ ปรากฏตัวอีกครั้งจากด้านข้างกระจกเงาที่ถูกทำลาย แต่ยังไม่ทันได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังแว่วข้างหู เอลเลนผมแดงในเดรสกระโปรงยาว กำลังบึ่งตะลุยเข้าใส่ประหนึ่งรถม้าศึก ถุงมือข้างซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีดจาง
ไคลน์สลับเป็นพลังซอมบี้ มัดกล้ามเนื้อทั่วร่างเริ่มปูดขึ้น มาพร้อมกับพละกำลังมหาศาล
ชายแขนเสื้อสั่นกระเพื่อมตามแนวกล้ามเนื้อ หมัดขวาถูกกำแน่น ตามด้วยการประเคนใส่ พลเรือโทแห่งโรคภัย เทรซี่ ราวกับทุบด้วยค้อนยักษ์
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ชายหนุ่มยังคงอยู่ในรูปลักษณ์เอลเลน แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายและเกรี้ยวกราด หมัดแล้วหมัดเล่า อีกทั้งยังมีท่วงท่าเตะ เทรซี่ทำได้เพียงตั้งรับเต็มกลืน มองไม่เห็นช่องว่างในการใช้พลังพิเศษตอบโต้
หากไม่ใช่แม่มดทุกข์ระทมซึ่งมีลำดับ 9 เป็นนักลอบสังหาร ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้และหลบหนีเป็นทุนเดิม คงยากที่จะทนรับการโหมกระหน่ำประหนึ่งพายุบุแคมของไคลน์
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กำปั้นไคลน์อัดแน่นไปด้วยออร่าน้ำแข็ง ทุกการปะทะจะทำให้ร่างกายเทรซี่สั่นระริกอย่างเหน็บหนาว ผิวพรรณบางส่วนของหญิงสาวเริ่มมีชั้นน้ำแข็งฉาบเกาะ
พลังควบคุมน้ำแข็งของซอมบี้!
ได้เห็นเลือดตัวเองเริ่มจับตัวเป็นก้อน เทรซี่ไม่ลังเลอีกต่อไป ตัดสินใจปลอดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อตอบโต้
ปากที่ซีดลงเล็กน้อยของเธอเผยอออก เสียงกรีดร้องที่มองไม่เห็นพุ่งออกมา
เมื่อสิ้นเสียงกรีดร้อง ออร่ามายาสีฟ้าเข้มข้นเริ่มแผ่ออกจากร่างกายหญิงสาว จากนั้นก็ก่อตัวเป็นชั้นน้ำแข็งทับซ้อนกัน
ผ่านไปราวหนึ่งถึงสองวินาที เธอและไคลน์ตกอยู่ท่ามกลางโลกน้ำแข็ง รายล้อมไปด้วยก้อนน้ำแข็งแผ่นใหญ่และหนา ตามอวัยวะมีปุยน้ำแข็งเกาะหลายจุด ทั้งสองอาจดูเหมือนยืนใกล้กันมาก แต่ความจริงแล้ว ต้องพังอุปสรรคมากมายกว่าจะเข้าถึงตัวอีกฝ่าย
เทรซี่เผยรอยยิ้มสดใส เพลิงทมิฬเริ่มลุกโชนอย่างเงียบงันจากภายในสู่ภายนอก
ทั้งสองต่างรีบทำลายน้ำแข็งรอบตัว แต่ในส่วนของพลเรือโทโรคภัย เธอได้รับโอกาสให้ทำการตอบโต้
แต่ทันใดนั้น เทรซี่เห็นเอลเลน หญิงสาวที่มักอยู่ในสภาพอ่อนแอและโลเล ทำหน้าสงบนิ่งเจือความเย็นชาพร้อมกับดีดนิ้ว
ก้านไม้ขีดไฟปริศนาไหนเริ่มเผาไหม้ เพลิงสีแดงส้มลุกโชนโชติช่วง คลอกร่างหญิงสาวผมสีแดงยาวด้านในโดยสมบูรณ์
รูม่านตาเทรซี่พลันหดเกร็ง สัมผัสวิญญาณเริ่มตระหนักถึงลางร้าย!
ด้านหลังเพลิงทมิฬที่กำลังลุกโชนเงียบเชียบ ไคลน์ซึ่งยังคงอยู่ในร่างเอลเลนกระโจนออกมาด้วยความคล่องแคล่ว พร้อมกับเหยียดแขนสองข้างกางออก โอบกอดร่างกายเทรซี่ สตรีแห่งโรคภัย เอาไว้แนบแน่นโดยไม่ปล่อยให้ขยับตัว
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มอ้าปากเลียนเสียง
“ปัง!”
กระสุนอัดอากาศซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าลูกโม่ดัดแปลง เทียบเท่าได้กับไรเฟิลรุ่นล่าสุดในยุคปัจจุบัน ถูกยิงออกจากปาก
หัวกระสุนแหวกอากาศ พุ่งเจาะใส่ท้ายทอยของเป้าหมายอย่างแม่นยำ
โผละ!
กระสุนทะลวงกะโหลกลึกเข้าไปในเนื้อสมอง ทว่า ร่างมายาของสตรีแห่งโรคภัยพลันหดตัวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไม้เท้าสีดำชำรุดหนึ่งด้าม
ไม้กายาสิทธิ์ตัวแทน!
เทรซี่ปรากฏตัวอีกครั้งในทิศทางตรงกันข้าม กระดุมเสื้อแถวล่างเริ่มหลุดลุ่ย เผยให้เห็นผิวพรรณขาวเนียนราวกับหิมะขาว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดสายตาไคลน์มิใช่เรือนร่าง หากแต่เป็นเลือดสดที่กำลังเปื้อนฝ่ามืออีกฝ่าย
ขณะไคลน์ใช้แขนรัดเทรซี่ มันถูกกรงเล็บของเธอข่วนเข้าทีเผลอบริเวณต้นขา!
โดยไม่รีรอ เทรซี่ขยับปากอย่างรวดเร็ว สร้างเพลิงมายาสีดำลุกโชนบนฝ่ามือ แผดเผาเลือดเหล่านั้นจนมอดไหม้
มนต์ดำ คำสาปของแม่มด!
ร่างกายไคลน์พลันสั่นเทาจนมิอาจยับยั้ง จากภายในสู่ภายนอก จากหัวจรดเท้า เพลิงทมิฬแผดเผาอวัยวะทุกส่วนอย่างไร้ความปรานี อย่างไรก็ตาม ผ่านไปสักพัก ร่างกายชายหนุ่มเริ่มหดตัวลงเหลือเพียงเศษกระดาษมอดไหม้
ขณะไคลน์โผล่ออกจากอีกมุมหนึ่งของห้อง สัญชาตญาณเริ่มสัมผัสได้ว่า รอบห้องกัปตันเต็มไปด้วยใยแมงมุมล่องหน เส้นที่แข็งพยายามรัดรึงไคลน์ให้แน่นิ่ง ส่วนเส้นที่อ่อนนุ่มพยายามเล้าโลมจุดสำคัญบนร่างกาย ส่งผลให้หัวใจไคลน์ ผู้มีประสบการณ์ด้านต่อสู้โชกโชน กำลังเต้นระรัวราวกับกลองศึก ใบหูร้อนฉ่า อวัยวะบางส่วนเริ่มชาและไร้ความรู้สึก เลือดลมไหลเวียนลงไปกองที่ร่างกายส่วนล่าง
เมื่อเทียบกับมาดามเชอรอนในทิงเก็น พลังใยแมงมุมของเทรซี่น่ากลัวว่านับสิบเท่า!
ไคลน์ไม่ประมาท รีบดีดนิ้วมือ
เมื่อสิ้นเสียง ‘เป๊าะ’ ใยแมงมุมรอบตัวถูกแผดเผาจนดำเกรียม เพลิงแดงส้มขยายตัวลุกลามจากใยเส้นหนึ่งไปยังอีกเส้นหนึ่ง จนกระทั่งย้อนกลับไปหาตัวหาพลเรือโทแห่งโรคภัย เทรซี่ ประหนึ่งน้ำป่าหลากไหล
เหตุการณ์ในทิงเก็นช่วยให้ไคลน์ทราบว่า :
ใยแมงมุมของแม่มดแพ้ทางไฟ!
เพียงพริบตา จุดกึ่งกลางห้องกัปตันสว่างไสวไปด้วยเพลิงแดงส้มรูปร่างใยแมงมุม เทรซี่เผยสีหน้าตกตะลึง ร่างกายของเธอเริ่มถูกทะเลเพลิงลุกท่วม
“ฮึ่ม!” หญิงสาวพ่นลมหายใจ ออร่าสีน้ำเงินเข้มข้นแผ่ออกจากลำตัวอีกครั้ง แต่หนนี้เป็นการแช่แข็งตัวเองด้วยผลึกน้ำแข็งก้อนใหญ่
เพลิงแดงส้มจากใยแมงมุมระโยงระยางพยายามคลอกโลงศพน้ำแข็ง แต่ก็ทำได้เพียงละลายผิวชั้นนอก และเริ่มเสื่อมฤทธิ์ลงเมื่อเวลาผ่านไป
ไคลน์ไม่กล้าหยิบกำไลข้อมือเลี่ยมเพชรขึ้นมาใช้งานส่งเดช เนื่องจากยังไม่ทราบว่า สิ่งนั้นมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
การหยิบสมบัติวิเศษขึ้นมาใช้งานมั่วซั่ว นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ ยังถือเป็นอันตรายอย่างมาก
ชายหนุ่มเหยียดตัวตรง กางแขนออก ถุงมือข้างซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นสีของดวงอาทิตย์
นักบวชแสง!
ในวินาทีนี้ เทรซี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในโลงศพน้ำแข็งเริ่มสังเกตเห็นว่า เอลเลนที่เธอรู้จักดีกว่าใคร กำลังฉาบไปด้วยออร่าศักดิ์สิทธิ์จนผิดวิสัย ดวงตาเผยความดุดันเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มาดอันสง่างามโดยปราศจากความอ่อนแอในอดีต ประหนึ่งดอกไม้งามที่เบ่งบานใต้แสงตะวัน ประหนึ่งบุปผาแห่งสนามรบนองเลือด
เทรซี่ส่งเสียงเจือความแหบพร่า
“แกเป็นใคร ทำไมถึงไม่แสดงหน้าจริงออกมา!”
ในสภาพสวมกระโปรงเช่นนี้ ใครจะกล้าใช้ใบหน้าตัวเอง อยู่ในร่างเอลเลนก็นับว่าเหมาะสมดีแล้ว… ไคลน์เหยียดหยัน
ถัดมา ชายหนุ่มสรรเสริญดวงอาทิตย์
เสาลำแสงต้นหนึ่ง สาดลงมาจากอากาศว่างเปล่าเบื้องบน มาพร้อมกับเพลิงสีทองร้อนแรงที่คลอกใส่โลงศพน้ำแข็งของเทรซี่โดยสมบูรณ์
โลงศพน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วจนเห็นชัดด้วยตาเปล่า ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ท่ามกลางเสาลำแสงสุกสว่าง
ใบหน้าเทรซี่เริ่มอิดโรย หญิงสาวกลิ้งตัวหลบอย่างคล่องแคล่วเพื่อหนีจาก ‘ทะลวงจิต’ ของนักสืบสวนซึ่งไคลน์สลับมาใช้ ส่งผลให้ความเจ็บปวดอันควรจะเกิดขึ้น หายไปพร้อมกับเสาลำแสงจากฟากฟ้า
แสงศักดิ์สิทธิ์จะสร้างความเสียหายมหาศาลกับสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณและอันเดด จึงเป็นเพียงการโจมตีธรรมดาสำหรับแม่มดลำดับ 5
ปัง! ปัง! ปัง!
เทรซี่ม้วนตัว โยกหลบกระสุนอากาศจากชายหนุ่มอย่างคล่องแคล่ว พรมกลางห้องถูกเจาะพรุนไปด้วยรอยกระสุนล่องหน
ขณะกำลังกลิ้งหลบ เทรซี่ได้หายตัวไปจากการมองเห็นของไคลน์อย่างสมบูรณ์
พลังล่องหนของแม่มด…
ไคลน์งอตัวมาด้านหน้า เพ่งจิตจดจ่อกับสถานการณ์ปัจจุบัน หวังอาศัยนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกช่วยรับมือตอบโต้และค้นหา
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปหลายอึดใจ ชายหนุ่มกลับไม่พบสิ่งใดเลย จนกระทั่งหน้าผากร้อนรุ่ม ปอดเดือดพล่านราวกับถูกไฟแผดเผา คอเจ็บและคัน ฝืนกลั้นไอไว้สุดความสามารถ
จะปล่อยให้ยืดเยื้อกว่านี้ไม่ได้…
ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ทันใดนั้น มันผุดแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ จึงฉีกยิ้มกว้างพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชาย
“เอลเลนบอกความลับทั้งหมดของเธอกับฉัน รวมถึงความลับทั้งหมดของตัวเองด้วย”
ยังไม่ทันสิ้นเชิง สัมผัสวิญญาณของไคลน์จับความผิดปรกติบางอย่างได้ ณ มุมหนึ่งของห้องกัปตัน เกิดความผันผวนทางอารมณ์ในปริมาณเข้มข้น เป็นความเกลียดชังและเดือดดาลจนยากจะเก็บซ่อน
ไคลน์บิดตัวครึ่งวงกลมและมองตรงเข้าไป
ทันใดนั้น ถุงมือข้างซ้ายมีเกล็ดสีทองปกคลุม ดวงตาชายหนุ่มกลายเป็นสีทองสว่าง รูม่านตาขยายเป็นทรงรีแนวตั้ง
ท่ามกลางความเงียบสงัด ร่างกายของเทรซี่หลุดจากภาวะล่องหน สีหน้าหญิงสาวบ่งบอกถึงความเจ็บปวด
เส้นผมสีดำขลับยืดยาวอย่างมิอาจควบคุม และขยายไปรอบตัวโดยไม่มีจุดหมาย
‘โรคประสาท’ ของ ‘นักจิตบำบัด!’
ระหว่างที่เทรซี่ถูกยั่วยุจนอารมณ์ไม่คงที่ การถูกกระตุ้นซ้ำด้วยพลังดังกล่าว ส่งผลให้สติยิ่งกระเจิดกระเจิงจนยากควบคุม
ไคลน์ไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ รีบดีดนิ้ว
กระสุนล่องหนพุ่งแหวกอากาศ ตรงไปทางเทรซี่ผู้มีใบหน้างดงามแม้กำลังเจ็บปวด
แต่ทันใดนั้น เส้นผมสีดำหนาพลันเหวี่ยงมาปัดเบี่ยงวิถีกระสุน ส่งผลให้ความเสียหายถูกย้ายไปยังหัวไหล่แทนใบหน้า เชิ้ตขาวฉีกขาดในทันที เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเป็นฝอยกระจาย
“อึ่ก!”
เทรซี่แผดเสียงเจ็บปวด พร้อมกันนั้น เพลิงทมิฬพรั่งพรูออกจากร่างกายราวกับไม่มีวันหมด ปกคลุมทุกอวัยวะโดยสมบูรณ์
ถัดมา ออร่าสีน้ำเงินแผ่ออกมาพร้อมกับก่อตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง สร้างโลงศพแข็งแกร่งปกคลุมเพลิงทมิฬไว้อีกชั้น
ยังไม่จบแค่นั้น ผมสีดำของเธอทวีความยาวจนสามารถม้วนพันรอบร่างกาย ห่อทับโลงศพน้ำแข็งเป็นชั้นนอกสุด มองผิวเผินจะเหมือนกับรังไหมที่สร้างจากเส้นผมมนุษย์
ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนอากาศของไคลน์ทำได้เพียงทะลวงผ่านชั้นผมสีดำ และชะงักค้างที่โลงศพน้ำแข็ง
ชายหนุ่มหยุดพฤติกรรม และเปลี่ยนถุงมือข้างซ้ายให้กลายเป็นสีดวงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม อาการคันคอรุนแรงจนมิอาจฝืนทนอีกต่อไป ไคลน์ส่งเสียงไอกระแอมจนไม่สามารถปลดปล่อยการโจมตี
เมื่อเทรซี่ในรังไหมสีดำเล็งเห็นโอกาส หญิงสาวรีบตะโกนด้วยเสียงแหลมสูง
“ศัตรูบุก! ศัตรูบุก!”
ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์ชะงักงันหนึ่งวินาที ภาพความทรงจำในกรุงเบ็คลันด์หวนกลับมาฉายอีกหน เป็นเหตุการณ์ขณะชายหนุ่มหลงทางไปเจอสุนัขปีศาจโดยบังเอิญ เมื่อตระหนักว่ามิอาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ จึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างน่าสมเพช พลางเผ่นหนีหนีจนกระทั่งพ้นจากอันตราย
การตะโกนว่า ‘ศัตรูบุก’ ของเทรซี่เมื่อครู่แทบไม่ต่างอะไรกันเลย
จริงอยู่ บนกาฬมรณะอาจมีผู้วิเศษทรงพลังไม่ถึงหลักสิบคน แต่ไคลน์ก็มั่นใจว่าคงน้อยกว่านั้นไม่มาก และส่วนใหญ่มีลำดับค่อนข้างสูง
กะแล้วเชียว… การฆ่าพลเรือโจรสลัดในพริบตาไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะวางแผนลอบสังหารได้สมบูรณ์แบบแล้ว…
ไคลน์ไอกระแอมอีกสองหน ก่อนจะดีดนิ้วมือโดยปราศจากความลังเล คราวนี้มิใช่การโจมตี แต่เป้าหมายคือหน้าต่างภายในห้องกัปตัน
สายตาสุดท้ายของชายหนุ่มเหลือบเห็นกำไลข้อมือเลี่ยมเพชร แต่ไคลน์ก็ไม่กล้าหยิบ
มันไม่ไว้วางใจผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษปริศนา เพราะนั่นอาจทำให้การหลบหนีล่าช้าลงและผิดแผน ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ มันกังวลว่าเทรซี่อาจอาศัยวิธีพิเศษในการระบุตำแหน่งสมบัติวิเศษของเธอ และนั่นจะทำให้ไคลน์ถูกพลิกแผ่นดินตามล่า
ห้ามโลภเด็ดขาด!
ไคลน์เบือนหน้าหนี ปล่อยร่างกายกระแทกกระจกหน้าต่าง และร่อนลงบนดาดฟ้าเรือ
โจรสลัดสองคนกรูเข้ามาล้อมหน้าหลัง พร้อมกับแทงดาบยาวเข้าใส่
ฉึก! ฉึก!
คมดาบทะลวงผ่านแผ่นกระดาษ
ไคลน์โผล่ออกจากความว่างเปล่าด้านหลังโจรสลัดคนหนึ่ง ยกมือซ้ายขึ้น โดยกึ่งกลางฝ่ามือปริแตกเป็นรูปปากสัตว์
ขณะยุบพองหิวโหยกำลังเขมือบอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไคลน์ยกศพเหยื่อขึ้นและเดินไปทางกราบเรือฝั่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงปืนดังหลายนัดและเสียงฝีเท้าของกลุ่มโจรสลัด ชายหนุ่มกระโดดลงไปในทะเลอันมืดมิดยามค่ำคืน
……………………