พลเรือโทธารน้ำแข็งนัดเจอเราที่กีรากัส?
ไคลน์ผงะเล็กน้อย เกือบหลุดขมวดคิ้ว
สำหรับมัน ข้อเสนอนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะสิ่งที่มิอาจถามได้ในจดหมายเนื่องจากต้องอธิบายซับซ้อน สามารถนำมาถามต่อหน้าและได้รับคำตอบทันที การแลกเปลี่ยนข้อมูลคราวนี้อาจกระตุ้นให้ไคลน์เกิดแรงบันดาลใจใหม่ หรืออาจได้รับข้อมูลที่สำคัญสำหรับโอสถลำดับถัดไป
การมีเพื่อนเพิ่มหนึ่งคน ย่อมหมายถึงการมีเครือข่ายข้อมูลเพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง…
ไคลน์พึมพำ ตามด้วยการหยิบเหรียญทองออกมาดีดทำนายต่อหน้าเพลิงพิโรธ·เดนิส
เหรียญทองระยิบระยับลอยไปในอากาศ ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือโดยด้านตัวเลขหงายขึ้น
ผลลัพธ์ออกมาเป็น ‘ไม่’ หมายถึง การพบกับพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด ที่ท่าเรือกีรากัส จะไม่ทำให้ไคลน์เกิดอันตราย
ชายหนุ่มเงยหน้ามอง จ้องเดนิสค้างไว้สักพัก
“ตกลง”
“ในนามตัวแทนกัปตัน ฉันขอขอบคุณที่นายตอบรับคำเชิญชวน”
เดนิสเริ่มหายใจทั่วท้อง คิ้วที่เคยตึงเครียดคลายปมลง
ไคลน์ชำเลืองนาฬิกาแขวนผนัง
“ขอเข้าห้องน้ำก่อน”
เข้าห้องน้ำก่อน… หมายความว่า นายจะออกไปข้างนอกและใช้บัตรประชาชนตัวเอง ซื้อตั๋วขึ้นเรือเผื่อฉันอีกหนึ่งใบ?
เดนิสมองตามแผ่นหลัง พลางวิเคราะห์ความนัยที่แฝงมากับคำพูดอีกฝ่าย
หลังจากยืนยันด้วยเทคนิคลูกตุ้มวิญญาณบนมิติสายหมอก ไคลน์กลับลงมาโลกจริง ยืนล้างมืออีกสักพัก และเปิดประตูออกมาพูดกับเดนิส
“เราจะไปข้างนอกกัน”
“ฉันก็ด้วย?” เดนิสชี้หน้าตัวเอง
ไคลน์สวมโค้ท ผงกศีรษะยืนยัน
“จำเป็นด้วยหรือ… นายก็แค่ไปหาไอร์แลนด์ และให้เขาช่วยหาตั๋วให้พวกเราสองใบก็พอ…”
ไคลน์ชำเลืองเงียบ ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงสวมหมวกทรงกึ่งสูงและเดินไปเปิดประตูห้อง
เดนิสยืนสั่นเทา คำพูดที่เตรียมไว้พลันถูกกลืนลงคือในทันที มันกำลังจะเสนออีกหนึ่งวิธี นั่นคือการปลอมบัตรประชาชน และให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์แปลงโฉมไปซื้อตั๋ว
เพลิงพิโรธรีบสวมผ้าพันคอ สวมหมวกแก๊ป และวิ่งตามหลังเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างลนลาน
…
ผ่านไปราวยี่สิบนาที ไคลน์ชี้นิ้วไปยังสถานที่อันเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกตรงหน้า
“ข้างในนั้น?”
ทั้งสองกำลังยืนหน้าผับสาหร่ายทะเล สถานที่ซึ่งเดนิสเคยซื้อตั๋วผีล้มเหลวมาแล้วหนึ่งหน
“ช…ใช่” เดนิสไม่คาดคิดว่าตนจะได้กลับมายังจุดเดิมอีก จึงออกอาการสับสนทางใบหน้า
ระหว่างทาง มันเล่าประสบการณ์ขณะออกมาซื้อตั๋วผีตามลำพังให้อีกฝ่ายฟัง เดนิสจึงไม่เข้าใจว่า ทำไมเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถึงยังต้องการแวะเข้าไปในผับ
หลังจากสมองประมวลผลได้สักพัก มันคาดเดาได้หนึ่งเหตุผล นั่นคือ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ต้องการย้อนกลับมาแก้แค้นให้ตน!
“น…นายกำลังจะเอาคืนพวกที่โกงฉัน?”
ถึงหมอนี่จะเสียสติ แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อน บางครั้งก็ใจดีจนน่าเหลือเชื่อ ตัวอย่างเช่น การออกไปช่วยไอร์แลนด์และคนอื่นขณะเรือจอดเทียบท่าที่แบนชี
ไคลน์ชำเลืองเดนิสด้วยหางตา ไม่กล่าวคำใด เพียงย่างกรายเข้าไปในผับ
“ม…ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้!” เดนิสเดินตามโดยพยายามโน้มน้าว
หากไม่ใช่เพราะมันไม่ต้องการให้เรื่องราวลุกลามบานปลาย ป่านนี้ไอ้พวกระยำโกงที่ตั๋วผีทุกคน คงถูกเผาจนเกรียมและเอาซากขี้เถ้าโยนลงทะเลไปแล้ว!
บรรยากาศภายในผับเนืองแน่นไปด้วยเสียงอึกทึกและดนตรีท้องถิ่น ชวนให้วิงเวียนโสตประสาทพอสมควร
เดนิสกวาดสายตาอย่างตั้งใจ มองหากลุ่มคนเจ้าเล่ห์ที่หลอกขายตั๋วผี รวมไปถึงโจรสลัดชื่อดังอย่างเนตรสีฟ้า·มีธ ที่เป็นพวกเดียวกัน
“นั่นคือเดอเนียร์” เดนิสเริ่มชี้ตัวพ่อค้าของเถื่อนเป็นคนแรก
น่าเสียดาย ผับกำลังวุ่นวาย เราจึงไม่เห็นว่าเจ้าพวกนั้นอยู่ด้วยรึเปล่า… เดนิสรำพันเจ็บใจ
ไคลน์เดินตาม มือขวาเลื่อนไปจับยุบพองหิวโหยที่มือซ้าย
จากนั้น ชายหนุ่มหันไปมองเดนิสและกล่าวเสียงเรียบ
“ถอดผ้าพันคอ”
โทนเสียงคล้ายกับกำลังสั่งให้เดนิสไปซื้อเบียร์
หือ…? เดนิสยืนผงะ คลางแคลงใจว่าตนอาจได้ยินคำสั่งผิด
มุมปากไคลน์ยกขึ้นเล็กน้อย
“ถอดผ้าพันคอ ฉันจะไม่พูดเป็นครั้งที่สาม”
“ทำไม…” ถ้อยคำเดนิสพลันขาดห้วงเมื่อหันไปเห็นสายตาแสนอำมหิต
มันบรรจงถอดผ้าพันคอด้วยท่าทีสับสนเจือความกังวล คนในผับอาจจดจำได้ว่า ตนคือเพลิงพิโรธเจ้าของค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์!
ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างขึ้น ออกคำสั่งเพิ่มเติม
“ถอดหมวกด้วย แล้วเดินไปซื้อตั๋วผี”
ในวินาทีนี้ เดนิสรู้สึกราวกับร่างกายถูกสายฟ้าสีเงินผ่าใส่อย่างจัง มันต้องการเผ่นหนีไปให้ไกลที่สุด
“แต่พวกมันจะจำหน้าฉันได้…”
สายตาอำมหิตของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้บีบให้เสียงเดนิสค่อย ๆ แผ่วเบา
ในเวลากัน เดนิสเริ่มเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย
หมอนี่ต้องการให้เรา ผู้มีค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์ เป็นเหยื่อล่อโจรสลัดหิวเงิน! แม่เย็*! ทำไมเราดันไปคิดว่ามันเป็นเพื่อนที่ดี… ไม่สิ ทำไมเราถึงมองว่าคนแบบนี้เป็นเพื่อน! ไอ้ลูกกะหรี่! สารเลวเอ้ย!
เดนิสเกรี้ยวกราดในใจ
แต่มันก็ไม่คัดค้าน เพราะทราบดีว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นคนเช่นไร
ชายเสียสติคนนี้คิดจะล่าแม้กระทั่งพลเรือเอกโจรสลัด!
เดนิสเผยรอยยิ้มขื่นขม หมุนคอให้กระดูกลั่นเล็กน้อย ก่อนจะถอดหมวกและเดินตรงไปหาเดอเนียร์อย่างไม่รีบร้อน
ตลอดทาง ขี้เมาทั่วผับต่างแหวกช่องให้เดนิสเดินสะดวก ประหนึ่งโมเสสกำลังแหวกน้ำทะเล
ฉากตรงหน้าอาจทำให้เดนิสลนลาน แต่ขณะเดียวกันก็สร้างความพึงพอใจเหนือคำบรรยาย
โจรสลัดที่ยิ่งใหญ่คงรู้สึกแบบนี้สินะ… ได้รับความยำเกรงจากผู้คน! …บัดซบ! ใครบางคนกำลังพูดชื่อเรา… บางคนกำลังกระซิบกระซาบคำว่าเพลิงพิโรธ!
เมื่อตระหนักว่ามีคนรู้ความจริง เดนิสก้าวเดินด้วยท่าทีประหม่า สองมือลดต่ำลง เตรียมต่อสู้ในทุกสถานการณ์
“เพลิงพิโรธ·เดนิส!”
เนตรสีฟ้า·มีธ โพล่งขึ้นจากกลุ่มฝูงชน
ทันใดนั้น ลูกน้องของมันหันมามองตาม ก่อนจะตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ไม่ผิดแน่! บอส เจ้านั่นคือเพลิงพิโรธค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์! เล่นมันเลยไหม?”
มีธหรี่ดวงตาสีฟ้าลง พลางใช้มือซ้ายตบใส่ท้ายทอยลูกน้องหนึ่งฉาดใหญ่
“เจ้าโง่! ถ้าเพลิงพิโรธมันโง่เหมือนแก ป่านนี้คงได้ตายเป็นร้อยรอบแล้ว! มันไม่มีทางปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนโดยไม่เตรียมรับมือการโจมตีได้แน่นอน… หรือจะมีบุคคลแข็งแกร่งคอยคุ้มกัน?”
มีธรีบมองไปรอบตัวอย่างลนลาน
ข้อสงสัยอันดับหนึ่งก็คือ พลเรือโทธารน้ำแข็ง ได้ลอบเข้ามาในบายัมเรียบร้อยแล้ว!
ขณะกำลังกวาดสายตา มีธบังเอิญเหลือบเห็นสุภาพบุรุษหนุ่มที่กำลังยืนใกล้ทางเข้าผับ สวมเสื้อโค้ทกระดุมสองแถวสีดำ หมวกทรงกึ่งสูง ผมดำสนิท ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าผอมเพรียวและมีสัดส่วนคมชัด
ไม่ต้องมีคำอธิบายใดเพิ่มเติม ลำพังสัมผัสวิญญาณอันเฉียบแหลมของมัน สามารถระบุได้ทันทีว่านี่คือสัตว์ประหลาดอันน่าสะพรึง!
ในอดีต ความเฉียบคมของสัมผัสวิญญาณเคยนำพาหายนะให้มีธบ่อยครั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มันรอดพ้นจากอันตรายได้เสมอ
“รีบหนี!” มันลดเสียงลงพลางออกคำสั่ง จากนั้นก็เดินนำลูกน้อง แหวกผ่านกลุ่มขี้เมาไปทางหลังร้าน สภาพเหมือนกับเดนิสเมื่อช่วงเย็นทุกประการ
เดนิสเดินเข้าใกล้เดอเนียร์ด้วยอาการประหม่า ตามด้วยการซื้อตั๋วเรือโดยสารเที่ยวกีรากัสจำนวนสองที่นั่ง จากชายผู้กำลังยืนสั่นเทา
เดนิสหันหลังกลับ เดินผ่านหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์และตรงออกประตูผับ โดยไม่มีใครกล้าโจมตีเข้ามาแม้แต่คนเดียว
ไหนบอกว่าเป็นจุดรวมตัวของบรรดาโจรสลัดชื่อดังและมีค่าหัว… ดูเหมือนกับดักจะได้ผลดีเกินคาด… ยิ่งเหยื่อทำตัวผิดปรกติมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความลับซ่อนอยู่มากเท่านั้น… บางครั้ง ความผิดปรกติก็สามารถนำมาใช้เขียนเสือให้วัวกลัว..
เฮ่อ… น่าเสียดายฉิบ… ไคลน์กดปีกหมวก เดินตามเดนิสออกไปอย่างเงียบงัน
ที่ด้านนอก เดนิสกำลังยืนรอริมโคมไฟถนน เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์กลับออกมา มันฉีกยิ้มกว้างพลางหายใจโล่งคอ
“ฉันสวมผ้าพันคอได้รึยัง? ฮะฮะ! สนุกชะมัด ไอ้พวกขี้ขลาดนั่น”
“อือ” ไคลน์ไม่หยุดรอ รีบเร่งความเร็วให้พ้นจากถนนเส้นเดิม
“…!” รูม่านตาเดนิสพลันหดเกร็ง มันรีบเดินตามหลังพลางซักถามอย่างฉงน
“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้”
ไคลน์กล่าวโดยไม่หันหลังกลับมามอง
“จะรอให้ทูตพิพากษาชวนไปดื่มชาหรือ”
ขณะพูด ไคลน์หยิบกระดาษรูปคนออกมาสะบัดและเผาทิ้ง
ประโยคดังกล่าวทำให้เดนิสตาสว่าง จริงอยู่ บรรดาโจรสลัดอาจขี้ขลาดไม่กล้าโจมตีบุ่มบ่าม แต่ถ้าเป็นการแจ้งข่าวให้ทางการทราบ พวกมันทำแน่นอน! เพราะถ้าเดนิสถูกจับ คนแจ้งเบาะแสก็จะได้รับส่วนแบ่ง
คนทั้งสองวิ่งสลับเดินจนมาถึงตรอกเปลี่ยวแห่งหนึ่ง เมื่อเดนิสเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หยุดพัก มันอาศัยจังหวะดังกล่าวรีบสวมผ้าพันคอและหมวกแก๊ป
“แล้วเราจะไปไหนต่อ” เดนิสถามพลางหายใจหอบ
ไคลน์ชำเลืองด้วยหางตา
“ตามหาไอร์แลนด์”
ได้ยินเช่นนั้น มุมปากเดนิสสั่นกระตุกเล็กน้อย คล้ายกับต้องการขว้างไฟบอลใส่อีกฝ่ายสักก้อน
“ซื้อตั๋วไปดีลินุส” ไคลน์อธิบายพลางเดินออกจากตรอก
ดีลินุสคือชื่อของเกาะแรกทางตอนใต้ของหมู่เกาะรอสต์
“จริงด้วย… บนเกาะดีลินุสก็มีเรือไปกีรากัส! ตอนนี้ความสนใจของทุกฝ่ายกำลังมุ่งไปยังเส้นทางบายัม-กีรากัสโดยตรง… ส่วนพวกเราก็แอบไปขึ้นเรือที่เกาะดีลินุสเพื่ออ้อมไปยังกีรากัส!”
เดนิสรีบเดินตามด้วยสีหน้าเบิกบาน
…
อังคารช่วงเช้า ไคลน์ลงมือแปลงโฉมใบหน้าเดนิสด้วยตัวเอง จนอีกฝ่ายมีลักษณะคล้ายกับลูกครึ่งที่สวมแว่นตากรอบทอง
จริงอยู่ ชายหนุ่มอาจใช้พลังผู้ไร้หน้ากับเดนิสไม่ได้ แต่เท่านี้ก็ดีกว่าที่เดนิสแต่งเองนับสิบเท่า
คนทั้งสองขึ้นเรืออย่างราบรื่น เข้าสู่การเดินทางอันยาวนานกว่าสิบชั่วโมง โดยมีจุดหมายเป็นท่าเรือทางตอนใต้ของเกาะดีลินุส
ปู๊น!
เรือเดินสมุทรแล่นออกจากท่า เข้าสู่เขตทะเล
แสงแดดอบอุ่น เมฆก้อนบาง ท้องฟ้าสีคราม
ท่ามกลางสายลมเย็นสบาย เรือพลังงานผสมกำลังแล่นไปบนคลื่นลูกเล็กอย่างราบรื่น
ภายในห้องพัก ไคลน์กำลังนั่งศึกษาเนื้อหาของหนังสือแห่งความลับ เตรียมนำประเด็นสำคัญไปปรึกษาพลเรือโทธารน้ำแข็ง ส่วนเดนิสเอาแต่เดินวนเวียนในห้อง สมองครุ่นคิดถึงคำโอ้อวดที่จะเล่าให้พวกพ้องบนฝันทองคำฟัง
ทันใดนั้น ทั้งสองหันหน้าพร้อมกัน เพราะท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างเกิดมืดลงกะทันหัน ประหนึ่งเมฆก้อนใหญ่เคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์
เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ไคลน์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า เรือโบราณสีดำลำใหญ่ที่มีความยาวกว่าร้อยเมตร แล่นเข้ามาในระยะสายตาของตนตั้งแต่เมื่อไร
ใบเรือถูกกางและยกสูง กราบเรือเต็มไปด้วยปืนใหญ่รูปทรงน่าเกรงขามหลายกระบอก
แต่มันไม่เข้าใกล้ เรือปริศนาเพียงหันหัวแล่นไปยังทิศทางอื่น ถึงกระนั้นก็ยังทำให้บรรยากาศโดยรอบมัวหมองราวกับมีบางสิ่งบดบังดวงอาทิตย์ไว้
เดนิสเผยสีหน้าหวาดกลัวเจือความรังเกียจ พลางพึมพำชื่อเรือด้วยเสียงล่องลอย
“จักรพรรดิมืด…”
……………………