ตอนที่ 381 เข้าเรือนหอ งานเลี้ยงสหายคนสนิท กลับไปเยี่ยมเยียนต้นตระกูล (2)
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกเพียงว่าแสงตรงหน้ามืดมัวลง ริมฝีปากของเขาประกบลงมาเสียแล้ว
เขาโอบเอวของนางแน่นขึ้น ทำให้นางขยับไปไหนไม่ได้ ริมฝีปากร้อนผ่าวกดลงมาที่ริมฝีปากของนางแนบแน่น ปลายลิ้นสอดเข้าไปในโพรงปากของนางโดยไม่ลังเล และเกี่ยวกระหวัดลิ้นนางอย่างร้อนแรง ลมหายใจอันคุ้นเคยอวลอยู่เต็มปาก ทุกครั้งที่เขาเลียและดูดนั้น เป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งและแน่วแน่ ราวกับว่าจะกลืนกินริมฝีปากและลิ้นของนางให้สะอาด
ผ่านไปเป็นเวลานาน ริมฝีปากร้อนของเขาถึงจะขยับออก ขณะเดียวนี้เขาเพียงมองนางอย่างไม่พูดไม่จา
เหยาเยี่ยนอวี่มองเขาด้วยสายตางุนงงไม่เป็นตัวเอง กลางดึกอันเงียบสงบนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาประดุจรูปปั้นนี้กำลังเพ่งมองนางแต่เพียงผู้เดียว
บรรยากาศรอบข้างร้อนอบอ้าวขึ้นมาทันที หัวใจของนางเต้นแรงเป็นพิเศษ ความว่างเปล่าและความเจ็บปวดภายในใจของนางในก่อนหน้านี้ เหมือนถูกจุมพิตนี้ของเขาเติมเต็มและเยียวยาให้หาย
ลิ้นและริมฝีปากของเขา การสัมผัสของเขาเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดนาง และทำให้นางยิ่งอยากได้มากกว่านี้
บรรยากาศเงียบสงบไปสักพัก นางยื่นมือไปโอบคอของเขาไว้ เขาหรี่ตามองนาง มือของสองคนประสานกัน ริมฝีปากและลิ้นของพวกเขากลับมาพัวพันกันอีกครั้ง
หัวใจทั้งสองดวงอยู่ไม่เป็นสุข ทั้งรู้สึกอัดอั้นตันใจ ทั้งรู้สึกหิวกระหายในขณะเดียวกัน
ตอนแรก ลิ้นและริมฝีปากของเว่ยจางสัมผัสกับแก้มของนางเท่านั้น จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับมาตรงซอกคอของนาง
และตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกร้อนรุ่มไปร่าง สมองของนางคิดอะไรไม่ออก นางแค่ทำตามสัญชาตญาณตนเองเท่านั้น
นางเคยเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์ เคยวิจัยเกี่ยวกับอวัยวะทั้งหมดมนุษย์ นางจึงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้กว่าใครๆ อันที่จริงเรื่องระหว่างชายหญิงก็ไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ว่าวรรณกรรมจะบรรยายได้น่าสนใจเพียงใด อย่างไรก็ไม่มีอะไรมากกว่าการร่วมสังวาส
ทว่าความรู้สึกในคืนนี้แตกต่างจากสิ่งที่นางเข้าใจในก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ความคิดชั่ววูบบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ล้วนเป็นสิ่งที่กลบฝังไว้ในส่วนลึกของร่างกาย เหมือนถูกจุดประกายขึ้น
ความคิดชั่ววูบนี้ทั้งอันตรายและน่าดึงดูด ทว่านางกลับไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
ชุดพิธีสีแดงมงคลถูกถอดออกทีละชั้น ไม่เพียงแต่ชุดของนาง แน่นอนว่าหมายรวมถึงชุดของเขาด้วย สุดท้ายก็เหลือเพียงเสื้อผ้าชั้นใน และถึงตอนนี้ หมอหลวงเหยาถึงจะสัมผัสได้ถึงข้อดีของชุดเจ้าสาวที่ถูกออกแบบมาเป็นชั้นๆ
แม้มือของแม่ทัพทั้งใหญ่และหยาบกร้าน แต่กลับเป็นมือที่ช่ำชองอย่างมาก
เหยาเยี่ยนอวี่แค่ยื่นมือทั้งสองข้างจับแขนของเขาไว้ ใบหน้าผ่าวร้อนแนบชิดกับหัวไหล่ของเขา
และในตอนนี้ นิ้วมือยาวของเว่ยจางลูบหน้าของนางเบาๆ ฝ่ามือของเขาสัมผัสผิวของนาง ทำให้รู้สึกดียิ่งนัก
เขาสัมผัสได้ว่าเรือนร่างของนางสั่นเทาเพราะการกระทำของเขา ก็นี่ก็ทำให้เขายิ่งหลงใหลมากขึ้น ในเวลาเช่นนี้ เขากลับขอคำแนะนำกับนางอย่างถ่อมตน “ฮูหยิน ควรทำอย่างไรต่อ”
“เจ้า…” ใบหน้าแดงก่ำของเหยาเยี่ยนอวี่ผินหลบไปด้านข้าง พร้อมทั้งสบถหยาบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “เจ้าอยากทำอย่างไรก็ทำเถอะ!”
เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า “น้อมรับคำสั่งขอรับ ฮูหยิน”
…
ผลที่ได้จากการน้อมรับคำสั่งขอรับของแม่ทัพ…ทำเอานางรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งเรือนร่าง!
ยามฟ้ารุ่งสาง นอกหน้าต่างแม้จะมีข้ารับใช้ทำงานกันอย่างเบามือที่สุด ทว่าก็ยังทำให้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของพวกขาได้อย่างชัดเจนอยู่ดี ด้านหลังของนางมีแผงอกกว้างที่ยังคงร้อนรุ่ม แขนยาวข้างหนึ่งวางทาบเอวของนางไว้ ลมหายใจที่กระทบลงบนศีรษะของนาง ทำให้รู้สึกจักจี้เล็กน้อย
เหยาเยี่ยนอวี่พึมพำเสียงเบา พร้อมทั้งขยับเรือนร่างลงมาด้านล่างแล้วแกล้งหลับต่อไป
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เป็นเสียงที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างมาก
“ยัง” เสียงแหบพร่าของสตรีดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่ไร้มารยาทจริงๆ
“ดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
“ฮื้อ…” เดิมทีนางไม่อยากสนใจเขา ทว่านางกลับอยากดื่มน้ำมาก ช่วยไม่ได้ นางกลับพ่ายแพ้ให้กับน้ำอุ่นเพียงถ้วยเดียว
น้ำอุ่นนี้เพิ่งจะมีคนยกเข้ามา นางจึงถูกพยุงขึ้น รุ่งเช้าแรกหลังวันวิวาห์นี้ เหยาเยี่ยนอวี่กลับทำตัวเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต สามีป้อนน้ำนางด้วยความระมัดระวัง หลังจากนั้นนางก็หลับต่อ
แม่ทัพเว่ยนอนต่อไม่ไหวอีกต่อไป ในความทรงจำของเขาเหมือนเขายังไม่เคยนอนจนถึงเวลานี้ ดังนั้นเขาเลยยอมทิ้งเตียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแล้วลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมแต่งกายให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงที่อยู่นอกประตูเห็นแม่ทัพเว่ย จึงรีบน้อมคำนับทันที
เว่ยจางผายมือ “ฮูหยินยังคงหลับอยู่ พวกเจ้ารออยู่ด้านนอกก่อนเถอะ”
สาวใช้เอกทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากัน แล้วค้อมตัวขานรับ “เจ้าค่ะ”
พอเห็นว่าใกล้เวลาอาหารเช้าแล้ว ชุ่ยเวยจึงค่อนข้างกระวนกระวายใจ เวลานี้แล้วคุณหนูยังไม่ตื่นอีกหรือ
เหตุเพราะมีสตรีอยู่ในเรือน ฉังเหมาจึงไม่สะดวกที่จะเข้าไป ดังนั้นจึงสั่งให้ผัวจื่อคนหนึ่งเข้ามาส่งสารให้นายท่าน “อาหารเช้าจัดเตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ส่งเข้ามาได้หรือยังเจ้าคะ”
ชุ่ยเวยจึงเสวนากับชุ่ยผิง “เวลาก็สายมากแล้ว เข้าไปปลุกคุณหนูเถอะ”
เว่ยจางเพิ่งแต่งกายเสร็จก็เดินมาจากฝั่งโน้น พอได้ยินคำพูดของชุ่ยเวยสั่งการด้วยคิ้วขมวด “ไม่ต้อง ให้นางพักผ่อนดีๆ เถอะ”
ชุ่ยผิงมองชุ่ยเวยอย่างจนปัญญา และตัดสินใจฟังคำสั่งของแม่ทัพ
ดังนั้น เดิมทีอาหารเช้าที่ควรกินในยามเม่า สุดท้ายกลับล่าช้าไปถึงยามเฉินสองเค่อ (ก็ราวๆ เวลาเก้าโมงครึ่งในปัจจุบัน)
ในจวนแม่ทัพมีข้ารับใช้หลายร้อยคนต่างกินมื้อเช้าในยามเม่า พอฮูหยินใหม่แต่งเข้าจวนในวันแรก กฎระเบียบในจวนเปลี่ยนไปหมด พ่อบ้านเอกฉังเหมาจึงรู้สึกหมดคำพูดกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจและได้รับแรงสนับสนุนเป็นอย่างมาก
ฮูหยินเหยาที่ซึ่งเป็นฮูหยินคนใหม่ของจวนตื่นนอนเสียที เฝิงหมัวมัวรอคอยชุ่ยเวยและชุ่ยผิงมานานแล้ว
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันและแต่งกาย เฝิงหมัวมัวก็ถือโอกาสสั่งสอนชุ่ยเวยและชุ่ยผิง “ถึงแม้ในจวนจะไม่มีนายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่า และท่านแม่ทัพก็ไม่มีพี่น้อง ทว่าก็มีบ่าวรับใช้อยู่หลายร้อยคน พวกเจ้าทั้งสองเป็นสาวใช้คนสนิทของฮูหยิน ก็ควรคำนึงถึงชื่อเสียงของฮูหยิน วันหลังห้ามลอบเกียจคร้าน อีกอย่าง ข้าจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับคุณชายรองแน่นอน พวกเจ้าอาจถูกส่งตัวกลับเลยก็ได้”
ชุ่ยผิงและชุ่ยเวยแลกเปลี่ยนสายตากันชั่วครู่ แล้วรีบลุกขึ้นทันนที เหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังล้างหน้าได้ยินคำพูดนี้ ถึงกับพูดขึ้นยิ้มๆ “หมัวมัวไม่ควรว่ากล่าวตำหนิพวกนางสองคน คนที่สมควรโดนก็คือคนที่สั่งการพวกนาง”
เฝิงหมัวมัวฟังจบ จึงเบะปากทันที “คุณหนูกล่าวถูก ทางฝั่งท่านแม่ทัพ บ่าวจะหาเวลาไปคุยเองเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อแม่นม และอยากเห็นภาพตอนนางเตือนเว่ยจางว่าจะเป็นเช่นไร
อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นอาหารเช้าที่ถูกปากฮูหยินเหยาทั้งหมด ข้าวต้มรสจืดและกับข้าวทางเขตตอนใต้ ทั้งยังมีซาลาเปาไส้ปูและเกี๊ยวไส้กุ้ง กล่าวได้ว่าอาหารเช้าเช่นนี้เป็นมื้ออุ่นใจของฮูหยินเหยาเลยทีเดียว
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ พ่อบ้านเอกฉังเหมาจึงหาโอกาสเข้าไปรายงาน “นายท่านขอรับ ตอนนี้เหล่าหัวหน้าข้ารับใช้ในจวนมากันครบแล้วขอรับ”
“อืม ไปกันเถอะ” เว่ยจางพยักหน้ามองเหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่หันหน้าไปมองเฝิงหมัวมัวเพียงชั่วพริบตา “หมัวมัวตามข้าไปด้วยเถอะ”
เฝิงหมัวมัวไม่มีทางไม่ทำตามคำสั่งของเหยาเยี่ยนอวี่อยู่แล้ว จึงขานรับแล้วเดินตามไปห้องโถงหน้า
เหล่าหัวหน้าข้ารับใช้ต่างน้อมคำนับให้ฮูหยินในจวนอย่างพร้อมเพรียง
ในความเป็นจริง เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ใช่ว่าไม่คุ้นหน้าหัวหน้าข้ารับใช้ในจวนแม่ทัพเว่ยเหล่านี้ ในนี้มีเกือบครึ่งที่เคยติดตามนางไปเมืองเฟิ่ง ตลอดทางที่พวกเขานอนกลางดิน กินกลางทราย ถึงแม้คนเหล่านี้จะไม่เคยเข้าใกล้ฮูหยินคนใหม่ ทว่าก็รู้สึกคุ้นเคยกัน
ไม่เพียงแต่เท่านี้ ท่วงท่าสง่างามของฮูหยินเหยาในวันนี้ ถึงกับทำให้นัยน์ตาของคนเหล่านี้เป็นประกาย
ตอนนั้นนางแต่งกายด้วยชุดสีขาวนวลจันทร์ที่เป็นจุดเครื่องแบบหมอ ทั้งยังสวมชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอก มิหนำซ้ำยังแต่งกายเป็นบุรุษ ตอนนั้นนางดูมั่นใจในตัวเองยิ่งกว่าบุรุษอื่นใด เป็นชินไชหญิงที่รูปงามยิ่งนัก