บทที่ 351
บทที่ 351
เสี่ยวฮุ่ย หวางซ่ง และคนอื่นไม่อยากให้เย่เฉิงได้หน้าคนเดียว พวกเขาจึงพากันพูดขึ้นพร้อมกัน “แม่ทัพหลี่ ไหน ๆ ถังหยินก็ตายไปแล้วทำไมพวกเราไม่คว้าโอกาสนี้เข้าโจมตีพวกเทียนหยวนเลยล่ะ ?”
“หา ?”
ถังหยินตายเป็นเรื่องดี แต่หลี่ฉีก็ยังไม่กล้าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน ด้วยกำลังทั้งหมดที่มียังไม่อาจป้องกันเมืองได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดการออกไปโจมตีศัตรูด้วยซ้ำ “ไม่ใช่ตอนนี้ เราต้องรอไปก่อน”
“แม่ทัพหลี่ อย่าพลาดโอกาสนี้เลย !” เสี่ยวฮุ่ยพูดยุ
“รออีกสักหน่อยเถอะ” หลี่ฉียังคงลังเล เขาได้รับคำสั่งจากซ่งเทียนให้ดูแลปกป้องเมืองหยาน ดังนั้นจึงลังเล และไม่อยากออกไปโจมตี เนื่องจากมันเสี่ยงเกินไป !
หลี่ฉีเป็นแม่ทัพใหญ่ และถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับการออกไปโจมตีกองทัพเทียนหยวน เสี่ยวฮุ่ยและหวางซ่งก็ไม่สามารถทำอะไรเกินคำสั่งได้ พวกเขาได้แต่ส่ายหัวอย่างหมดหวัง
คืนนั้นถังหยินตื่นขึ้นกลางดึก และพบว่าเย่เหล่ยหลับอยู่ข้างเตียง
ชายหนุ่มมองหน้านางสักครู่ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกในร่างกาย
แม้ว่ายาของเย่เหล่ยจะได้ผลดี แต่มันก็ยังเทียบไม่ติดกับพลังปราณของเขา ถังหยินรู้สึกว่าทั้งร่างเต็มไปด้วยมดจำนวนหลายล้านตัวกำลังซ่อมแซมร่างกายของเขาอยู่ เขารู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแต่ก็ไม่อาจทนได้ และต่อให้เขาจะเก่งกาจแค่ไหน มันก็ต้องมีร้องโอดครวญกันบ้าง
เย่เหล่ยตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงถังหยิน นางลืมตาขึ้นแล้วมองหน้าเขา
ถังหยินอยากจะพูดแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ลำคอของเขาร้อนไปหมด
เย่เหล่ยรู้แล้วว่าคนไข้ต้องการอะไร นางเดินออกไปแล้วกลับเข้ามาพร้อมน้ำอุ่น
ชายหนุ่มมองนางอย่างอิ่มเอมใจแล้วดื่มน้ำเข้าไป หลังจากดื่มแล้วเขาก็เอนกายนอนลงไปบนเตียงก่อนจะถอนหายใจ เพราะตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว
“เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ารอดจากประตูนรกมาได้อีกครั้งแล้วน่ะ” เย่เหล่ยพูดแล้วเก็บเหยือกน้ำออกไป
“แล้วไม่ดีหรือไร ? ข้าไปและกลับมาในเวลาเดียวกันเลยนะ” ถังหยินสามารถพูดได้แล้ว แต่เสียงของเขาแหบแห้งมาก
เย่เหล่ยมองหน้าเขา “เจ้าลองทำแบบนี้ดูอีกครั้งสิ แม่ทัพที่ออกรบแนวหน้าใช่ว่าจะเป็นคนที่เก่งกาจเสมอไป และแม่ทัพที่ไม่ออกรบเลยก็ใช่ว่าเขาจะอ่อนแอ ส่วนแม่ทัพที่แท้จริงนั้น พวกเขาจะต้องรักษาชีวิตทหารของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด !”
ถังหยินไม่คิดว่านางจะพูดมากขนาดนี้ ถังหยินเริ่มครุ่นคิดตามคำที่นางแนะนำมาในทันที
“บอกไปเจ้าก็ไม่ฟังหรอก” เย่เหล่ยนั่งลงบนเตียง
ถังหยินยิ้มให้นาง “เรียกชิวเจิ้นให้หน่อย ข้ามีอะไรจะบอกเขา”
“ได้สิ” เย่เหล่ยเดินออกไปบอกพี่น้องฉางกวงที่หน้ากระโจม
สองพี่น้องถามอย่างดีใจ “ท่านเย่เหล่ย นายท่านตื่นแล้วหรือ ?”
เย่เหล่ยพยักหน้าให้
“ถ้างั้นเขาเป็นอย่างไรบ้าง ?” ทั้งสองถามอย่างตื่นตระหนก
“อย่างน้อยก็ยังไม่ตายล่ะนะ” เย่เหล่ยตอบแล้วกลับเข้าไป
สองพี่น้องยืนงงก่อนที่จะได้สติแล้วกำหมัด พวกเขาอยากจะเข้าไปชกหน้าเย่เหล่ยมาก ทว่านางก็ได้ช่วยถังหยินให้รอดจากความตายมาแล้ว พวกเขาจึงปล่อยไปก่อน
ชิวเจิ้นมาเร็วกว่าที่คิด เขาไม่ได้แต่งตัวแล้วมาในชุดนอนทั้งแบบนั้นเลย
เมื่อเห็นถังหยิน ชิวเจิ้นก็รีบวิ่งเข้าไปแล้วกระซิบถาม “นายท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง ?”
“ข้าไม่เป็นไร” ถังหยินฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้เมืองหยานเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ชิวเจิ้นส่ายหัว “ยังไม่มีข่าวคราว แต่มีคนบอกกันว่านายท่านตายไปแล้ว”
ถังหยินตาลุกโชนแต่ก็ไอออกมา
ชิวเจิ้นจึงช่วยลูบหลังเขาให้
เย่เหล่ยพูดอย่างเย็นชา “ร่างของเจ้ายังอ่อนแออยู่ อย่าพูดมากล่ะ”
ชิวเจิ้นมองเย่เหล่ยแล้วมองถังหยิน “ข้าโล่งใจที่นายท่านปลอดภัย”
เมื่อเห็นว่าชิวเจิ้นกำลังจะกลับออกไป ถังหยินก็ห้ามไว้ก่อน ก่อนเป็นเด็กหนุ่มที่พูดขึ้น “ท่านเย่เหล่ย ขอเวลาข้าคุยกับนายท่านสักหน่อยได้หรือไม่ ?”
เย่เหล่ยพยักหน้าให้แต่ไม่ได้พูดอะไร
ถังหยินกล่าวต่อ “พรุ่งนี้ให้ทั้งกองทัพไว้อาลัยพร้อมกับถอนกำลังออกจากเมืองหยาน”
ได้ยินแบบนี้ชิวเจิ้นก็แทบสำลักออกมา แม้ว่าถังหยินจะยังไม่ตาย แต่การให้ทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากการแช่งให้ตายเลย แม้แต่เย่เหล่ยก็ยังตะลึงจนตาเบิกกว้าง
ถังหยินไม่รู้สึกว่านี่เป็นการสาปแช่งแต่อย่างใด มันเป็นแผนที่เขาตั้งใจจะใช้มันเป็นแผนการหลอกศัตรูต่างหาก
“นายท่าน อย่าว่าแต่จัดงานไว้อาลัยเลย แค่สั่งให้พวกทหารถอยทัพกลับพวกเขาก็คงจะปฏิเสธแล้ว !” ชิวเจิ้นส่ายหัวทันควัน พร้อมกันนั้นเขาก็รู้สึกแปลกที่ถังหยินเสนอแนวคิดนี้มา
ถังหยินยิ้มออกมา “ที่ข้าบอกไปก็เพื่อเอาไว้หลอกศัตรู เป้าหมายของข้าคือล่อให้พวกทหารเมืองหยานออกมา ด้วยตอนนี้พวกมันน่าจะกำลังกระจายข่าวเรื่องที่ข้าตายไปแล้ว และน่าจะกำลังหลงระเริงเป็นแน่ ดังนั้นข้าจึงอยากให้พวกเจ้าหลอกพวกมันด้วยการแสดงความไว้อาลัยและให้จัดงานศพหลอก ๆ ขึ้น !”
“เพื่อทำให้พวกมันคิดว่าข้าไม่รอดจากพิษบาดแผลนี้ และในเมื่อข้าตายไปแล้ว พวกทหารก็ต้องถอยทัพกลับ ซึ่งถ้าเกิดว่าพวกทหารเปิงที่ป้องกันเมืองกล้ามากพอ พวกมันก็จะคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ !”
“พวกเจ้าต้องใจเย็น และเมื่อพวกมันออกมา ก็ให้ทหารของพวกเราเข้าปะทะกับพวกมันเต็มกำลังเพื่อจะกวาดล้างทหารเปิงให้สิ้นซาก ! นอกจากนี้ตอนที่พวกเราถอยทัพก็ให้แบ่งเป็นทหารราบและทหารม้าเพื่ออ้อมไปอีกทางของเมืองหยาน จะได้ใช้จังหวะตอนศัตรูมันไล่ตามเราเข้าโจมตีเมือง …และเพื่อการนี้ ข้าก็หวังพึ่งเจ้าแล้ว !!”
หลังจากพูดยาว ๆ ออกไป ถังหยินก็เหนื่อยเสียจนต้องหลับตาลง
ชิวเจิ้นความคิดแล่นทันที และเข้าใจแล้วว่าการจัดงานไว้อาลัยปลอม ๆ เพื่อให้พวกเปิงหลงเชื่อนั่นน่าสนใจมากแค่ไหน ! “นายท่านช่างหลักแหลมยิ่ง !”
ถังหยินไม่ได้ลืมตา เขาโบกมือให้ “ไม่ต้องชม ไปทำซะ”
“ข้าจะไปเรียกพวกแม่ทัพเดี๋ยวนี้ !”
ชิวเจิ้นไม่รอช้า เด็กหนุ่มวิ่งออกไปข้างนอก และมุ่งหน้าไปยังค่ายของพวกแม่ทัพทั้งหลายในทันที
หลังจากออกไป เย่เหล่ยก็มองเขาด้วยความตะลึง ถึงนางจะไม่รู้การศึก แต่ก็เข้าใจถึงความร้ายกาจของแผนนี้ดี ทำให้นางรู้สึกผิดคาด เพราะก่อนหน้านั้นนางเข้าใจว่าถังหยินกล้าหาญแต่โง่เง่ามาโดยตลอด !!
ถังหยินไม่ได้ลืมตา แต่เขาก็รู้ว่านางกำลังจ้องมองอยู่ “อะไรเล่า ? หลงรักข้าขึ้นมาแล้วหรือไง ?”
ใบหน้าของเย่เหล่ยเขินอายทันที ซึ่งถ้าถังหยินไม่หลับตาอยู่ นางก็คงจะโดนหัวเราะเยาะเป็นแน่
“หยุดพูดมากแล้วนอนสักที ถ้าพูดมากกว่านี้เจ้าคงไม่ต้องแกล้งตายแล้วนะ !” เย่เหล่ยสบถออกมาแก้เขิน
ถังหยินยิ้มให้กับนางก่อนจะพักผ่อน
ชิวเจิ้นนั่งลงยังที่นั่งของแม่ทัพใหญ่ และเมื่อพวกกุนซือกับแม่ทัพมารวมตัวกัน เขาก็บอกเล่าแผนทั้งหมดให้ฟัง
ทุกคนตะลึงก่อนจะกล่าวพร้อมกัน “อย่างนี้นี่เอง ! ฉลาดสุด ๆ ไปเลย นี่นายท่านคิดเองหรือเนี่ย ?”
จริง ๆ แล้วพวกแม่ทัพก็ไม่คิดว่าถังหยินจะฉลาดได้ขนาดนี้เช่นกัน
หลังจากได้ยินแบบนั้น ชิวเจิ้นก็พลันหัวเราะออกมา ด้วยเขาเองก็ไม่คิดว่าถังหยินจะคิดแผนนี้ได้เหมือนกัน “นี่เป็นแผนของนายท่านจริง ๆ และในเมื่อไม่มีใครค้าน งั้นแล้วข้าก็จะดำเนินการตามแผนเลยนะ !”
“ขอรับ !” ทุกคนพูดพร้อมกัน
หลังจากนั้นชิวเจิ้นก็ออกถ่ายทอดคำสั่งไป เขาได้สั่งให้พวกแม่ทัพและทหารทั้งหลายเข้ามาร่วมกันไว้อาลัยแก่ถังหยินที่จากไป นอกจากนี้เขายังจัดกองทหาร 2 หมื่นนายขึ้น โดยให้อู่กวนและจ้านหูเป็นผู้นำทัพ เพื่อไปซุ่มกำลังดักรออยู่ในป่าทางตะวันออกของเมืองหยาน !