เดิมทีหงส์ฟ้ายังพอมีโอกาสได้เปรียบอยู่บ้าง ทว่าร่างที่ปรากฏกายอย่างกะทันหันทำให้สถานการณ์ของมันพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง
ในเวลานี้บรรยากาศเยือกเย็นได้เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ พร้อมส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของหงส์ฟ้าและทำให้มันเชื่องช้าลงทันที
“นี่มันกลิ่นอายของราชินีเหมันต์มิใช่หรือ ?”
หงส์ฟ้าเป็นอสูรบรรพกาล เพราะเหตุนั้นจึงเป็นธรรมดาที่มันจะสามารถรับรู้ได้ถึงต้นกำเนิดของกลิ่นอายลึกลับดังกล่าว จากนั้นสีหน้าของมันจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ ๆ รับรู้ถึงกลิ่นอายของราชินีเหมันต์ได้ด้วยรึ ? ถือว่าไม่เลวเลย”
เสียงหัวเราะอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคนและคลื่นพลังรุนแรงก็พุ่งตรงไปที่หงส์ฟ้าจนมันถอยหลังกลับไปหลายก้าว
“มารยา เสี่ยวจิ่ว”
เมื่อเห็นอสูรทั้งสอง ฉินอวี้โม่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจทันที
นับตั้งแต่มารยาและเสี่ยวจิ่วเดินทางไปตามหามรดกสืบทอดของราชินีเหมันต์ เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานพอสมควรแล้ว เดิมทีฉินอวี้โม่วางแผนไว้ว่าหลังจากสะสางปัญหาที่นี่เสร็จสิ้น นางจะมุ่งหน้าไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือเพื่อตามหาอสูรทั้งสอง ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะกลับมาก่อนและมาทันได้เข้าร่วมสมรภูมิรบครานี้พอดิบพอดี
“พี่มารยา เสี่ยวจิ่ว ในที่สุดก็กลับมาเสียที”
อสูรอื่น ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตาม ๆ กัน หลังจากแยกจากกันเป็นเวลานาน แน่นอนว่าพวกมันย่อมคิดถึงอสูรทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง
“ดูเหมือนว่าจะมาได้ทันเวลาพอดี”
เสี่ยวจิ่วกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้อสูรทั้งสองได้รับข่าวเกี่ยวกับสงครามชี้ชะตาครานี้และรีบมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที โชคดีที่ตอนนี้พวกมันก็มาถึงได้ทันเวลา
“มารยา เจ้าได้รับมรดกตกทอดจากราชินีเหมันต์แล้วหรือ ?”
ซิวหันไปมองอสูรทั้งสองชั่วครู่หนึ่งก่อนหันกลับไปต่อสู้กับมังกรกระดูกดำอย่างดุเดือดต่อไป
มารยาก็เพียงพยักศีรษะตอบรับเบา ๆ ขณะเปลี่ยนมือเปล่าของตนเองให้กลายเป็นกระบี่น้ำแข็งและจ้วงแทงตรงไปที่หงส์ฟ้า
ความแข็งแกร่งของอสูรสาวในตอนนี้พัฒนาขึ้นมาก ฉินอวี้โม่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอย่างน้อยที่สุดพลังของมารยาก็บรรลุถึงระดับเทพยุทธ์สี่ดาราและอาจเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ
“ราชินีเหมันต์ล่มสลายไปแล้วมิใช่รึ ?!”
เสียอวิ๋นขมวดคิ้วมุ่นและไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใดราชินีเหมันต์จึงยังฟื้นคืนกลับมาได้
ในสงครามโบราณครานั้น ราชินีเหมันต์ผู้ทรงพลังได้ล้มตายไปแล้วและไม่มีทางที่จะฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก
อย่างไรก็ตาม สตรีที่ปรากฏกายอย่างกะทันหันแผ่กลิ่นอายที่เหมือนกับราชินีเหมันต์ไม่มีผิดเพี้ยนและมีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นยิ่งกว่าราชินีเหมันต์ในอดีตเสียอีก
“ฮ่า ๆ ๆ จริงอยู่ที่ว่านางล่มสลายไปแล้ว ทว่ามันก็ไม่ได้หมายความว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของราชินีเหมันต์จะสูญหายไปตลอดกาล !”
มารยาหัวเราะเยาะและกลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็เยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม
แรกเริ่มเดิมที แม้ว่ามันจะเป็นเพียงผลึกน้ำแข็งในปราสาทของราชินีเหมันต์ ทว่าตอนนี้มันก็ได้สืบทอดพลังศักดิ์สิทธิ์ของราชินีเหมันต์มาแล้วและกลายเป็นราชินีเหมันต์คนใหม่
ราชินีเหมันต์เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการควบคุมพลังน้ำแข็งที่ทรงพลัง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมารยา นอกเหนือจากหานโม่ฉือและเสียอวิ๋น ภายในสมรภูมิรบแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่จะเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน
“เหอะ ต่อให้เจ้าจะได้รับสืบทอดพลังของราชินีเหมันต์แล้วอย่างไรกัน ?! วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายอยู่ดี !”
เสียอวิ๋นแค่นเสียงเย็นชาแม้จะตระหนักว่าตัวแปรในสงครามชี้ชะตาครานี้ซับซ้อนกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก
หานโม่ฉือผู้ทรงพลัง ราชินีเหมันต์ที่ฟื้นคืนมาใหม่และฉินอวี้โม่ที่มีไพ่ตายซ่อนไว้มากมายล้วนเป็นปัจจัยที่เหนือความคาดหมายของเสียอวิ๋นไปมากนัก
หากมิใช่เพราะบุรุษลึกลับผู้ทรงพลังจากโลกปีศาจ เกรงว่าคงจะมีความคิดในการล่าถอยผุดขึ้นมาในหัวของเสียอวิ๋น อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีบุรุษผู้นั้นอยู่ที่นี่ด้วย เชื่อว่าจอมยุทธ์ปีศาจของเขาจะไม่มีทางพ่ายแพ้ไป !
สงครามยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด เวลานี้มารยาก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ได้ทราบ เพียงแต่รีบเข้าร่วมการต่อสู้เท่านั้น
เมื่อมีมารยาร่วมด้วย หงส์ฟ้าที่เดิมทียังรับมือกับบรรดาอสูรได้และอยู่ในสภาวะชะงักงันก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ตกกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในที่สุด
บรรดาอสูรมากมายไม่จำเป็นต้องลงมืออะไรด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้มารยาเพียงผู้เดียวก็เกินกว่าที่หงส์ฟ้าจะต้านทานได้แล้ว
“หงส์ฟ้า อย่าดิ้นรนขัดขืนไปอีกเลย เจ้ามิใช่คู่มือของข้าหรอก”
มารยากล่าววาจาเย็นชาและกลิ่นอายเยือกเย็นแผ่ปกคลุมหงส์ฟ้าจนมันแทบกลายเป็นน้ำแข็ง
“ต่อให้เป็นราชินีเหมันต์แล้วอย่างไรกัน !”
หงส์ฟ้ากัดฟันกรอดทันที มันฝึกฝนบ่มเพาะวิชามาเนิ่นนานและไม่เคยถูกกดข่มเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ฮวาฟางเฟยผู้เป็นนายก็ยังด้อยกว่ามันมาตลอด
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มารยากลับบีบไล่ต้อนจนมันไม่มีพลังตอบโต้ได้เลย หงส์ฟ้าตระหนักได้แล้วว่าวันนี้อาจเป็นวันตายของมัน…
“ถ้าเช่นนั้นก็ลงนรกไปเสียเถอะ !”
สีหน้าของมารยาเรียบเฉยและเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะโบกมือและแช่แข็งอากาศทั่วบริเวณทันที ในเวลานี้เท้าของหงส์ฟ้าก็แข็งทื่อและขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่อไป จากนั้นทั้งร่างของมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งโดยที่สูญเสียพลังในการต่อสู้ไปอย่างสมบูรณ์
“หงส์ฟ้า !”
ใบหน้าของฮวาฟางเฟยซีดเผือดทันทีและรู้สึกได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างตนและอสูรประจำตัวถูกตัดขาดไป ตอนนี้นางไม่สามารถสื่อสารกับหงส์ฟ้าได้เลย หากหงส์ฟ้าซึ่งเป็นอสูรแห่งโชคชะตาของนางตายไป ความแข็งแกร่งของฮวาฟางเฟยจะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง
“มารยา อย่ารีบร้อนฆ่ามัน มิเช่นนั้นมันคงจะน่าเบื่อแย่”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวออกไปเพื่อให้มารยาไว้ชีวิตหงส์ฟ้าต่อไปก่อน
เพราะเมื่อใดที่หงส์ฟ้าตายไป ฮวาฟางเฟยจะได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้น ฮวาฟางเฟยก็จะมิใช่คู่มือของนางแม้แต่น้อยซึ่งมันจะไม่สนุกสำหรับนางอีกต่อไป
นางต้องการใช้ฮวาฟางเฟยในการทดสอบพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพที่พัฒนาขึ้นใหม่และไม่ต้องการเอาชนะอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วเกินไปนัก
“ฮวาฟางเฟย คราก่อนเจ้าหนีไปจากข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของข้าได้ แต่ครานี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครา หากเจ้าเอาตัวรอดจากข่ายอาคมของข้าได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”
นางมองตรงไปที่ฮวาฟางเฟยและยกยิ้มมุมปาก
ฮวาฟางเฟยลังเลเล็กน้อย ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้แน่ ทันทีที่หงส์ฟ้าตายไปและมารยาเข้ามาสมทบ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางต้านทานอีกฝ่ายได้เลย
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรับข้อเสนอของอีกฝ่ายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ฉินอวี้โม่ หากข้าต้านทานหรือแม้กระทั่งทำลายข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของเจ้าได้ เจ้าต้องปล่อยหงส์ฟ้าไป หากเจ้ารับปาก ข้าก็จะตอบรับข้อเสนอของเจ้า”
นางกล่าวเสนอเงื่อนไขของตนเองออกไปเช่นกัน หงส์ฟ้าอยู่เคียงข้างนางมานานหลายปี ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงความแข็งแกร่งของมันที่มีส่วนช่วยต่อนางมาก ทว่าหลังจากการอยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน ฮวาฟางเฟยก็ไม่อาจทนมองเห็นมันต้องตายไปต่อหน้าต่อตาได้
“ไม่มีปัญหา ตราบใดที่เจ้าเอาตัวรอดจากข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของข้าได้”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะด้วยความมั่นใจทันที แม้ฮวาฟางเฟยจะมากฝีมือ นางก็ไม่มีทางทำลายข่ายอาคมอันทรงพลังนี้อย่างแน่นอน
หากตกอยู่ในวงล้อมของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพในปัจจุบันนี้ ต่อให้เป็นเสียอวิ๋น ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าจะควบคุมเขาได้ในระยะหนึ่ง นับประสาอะไรกับฮวาฟางเฟยที่อ่อนแอกว่าผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจมากนัก
“จัดวางข่ายอาคมเร็วเข้าเถอะ”
ฮวาฟางเฟยถอยหลังไปเล็กน้อยและหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดขณะรอให้ฉินอวี้โม่วางข่ายอาคม
ฉินอวี้โม่ไม่ลังเลและเริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว
มารยาและบรรดาอสูรอื่น ๆ ก็หยุดการโจมตีและเพียงออกไปยืนรับชมอยู่ด้านข้าง ไม่ว่าฮวาฟางเฟยจะกล้าหาญเพียงใด นางก็ไม่กล้าโจมตีฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้นสถานการณ์จึงปลอดภัยดี
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ถูกวางอย่างเสร็จสมบูรณ์
“เข้าไปได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมผายมือให้ฮวาฟางเฟยเข้าไป
“เหอะ !”
ฮวาฟางเฟยแสดงสีหน้าบูดบึ้งและแค่นเสียงเย็นชา ทว่านางก็ก้าวเข้าไปในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพแต่โดยดี
ทันทีที่ก้าวเข้าไป กลไกการทำงานของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังมายาแกร่งกล้าที่หลั่งไหลเข้าไปรวมกันในจุดที่ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพวางอยู่และเป็นพลังมหาศาลที่สามารถถล่มฟ้าทลายดินได้ ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดไปตาม ๆ กัน
โร่ววว !
ด้วยเสียงคำรามดังสนั่น มังกรเก้าตัวที่ก่อตัวจากพลังมายาก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน พวกมันล้อมรอบฮวาฟางเฟยและปลดปล่อยการโจมตีเข้าไปในจุดเดียว
ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวของตนโดยไม่รู้ตัวและต้องการเห็นด้วยตาตัวเองว่าฮวาฟางเฟยจะต้านทานพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพได้หรือไม่ และที่สำคัญคือพวกเขาต้องการเห็นว่าพลังที่แท้จริงของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพจะน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด…