หลังจากการสนทนารอบใหม่เริ่มต้นขึ้น เดอะซันโพล่งถามกับทุกคน
“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราควรใช้สัญลักษณ์มือแบบใดเพื่อสรรเสริญท่าน?”
สัญลักษณ์มือ? ไคลน์พลันผงะกับคำถามเหนือความคาดหมายจากเด็กหนุ่ม
มันไม่เคยแนะนำให้สมาชิกต้องวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงเป็นวงกลมกึ่งกลางหน้าอกเหมือนกับโบสถ์รัตติกาล หรือการใช้กำปั้นขวาชกหน้าอกเหมือนกับโบสถ์วายุสลาตัน
เทพเก๊อย่างเราไม่ควรล้ำเส้น… มันรำพัน
เมื่อเห็นมิสเตอร์ฟูลทำเพียงอมยิ้มโดยไม่กล่าวสิ่งใด คล้ายกับกำลังรอให้สมาชิกช่วยกันเสนอแนะ ออเดรย์เริ่มเกิดแรงบันดาลใจมากมายพร้อมกับคำถามใหม่
หญิงสาวมองไปรอบตัวด้วยสายตาเปล่งประกายวิบวับ
“ทุกคนคะ ดิฉันคิดว่าพวกเราควรกำหนดสัญญาณอย่างลับๆ เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของชุมนุม จริงอยู่ ชุมนุมทาโรต์อาจยังมีสมาชิกไม่มาก จึงแทบไม่มีโอกาสได้พบกันในชีวิตจริง แต่สำหรับอนาคต สิ่งนี้คงต้องเกิดขึ้นสักครั้งสองครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องใช้ ‘สัญญาณลับ’ เพื่อจำแนกระหว่างมิตรและศัตรู”
น่าสนใจ… นึกออกแล้ว ใช้ไอ้นั่นเป็นไง…!
ไคลน์หวนนึกถึงสัญลักษณ์มือจากโลกเก่ามากมาย หนึ่งในนั้นคือการสอดมือใส่ร่องเสื้อ
ขณะไคลน์กำลังจะบังคับให้เดอะเวิร์ลเสนอแนวคิด แฮงแมนชิงพูดตัดหน้า
“มิสจัสติส ผมคิดว่าแนวคิดดังกล่าวยังมีข้อบกพร่อง เมื่อเทียบกับองค์กรลับอื่น เอกลักษณ์สำคัญของชุมนุมทาโรต์คือการไม่เคยพบหน้ากันในหมู่สมาชิกมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น… เอ่อ อาจจะฟังดูสุดโต่งไปสักนิด แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย สมมติให้สมาชิกคนหนึ่งถูกจับไปสอบสวนด้วยวิธีพิเศษ การไม่มีสัญลักษณ์มือจะช่วยให้สมาชิกคนอื่นไม่เกิดความเดือดร้อนในภายหลัง นอกเสียจากฝ่ายศัตรูจะมีใครสามารถทะลวงผ่านพลังแทรกแซงของมิสเตอร์ฟูลได้ ซึ่งนั่นไม่มีทางเกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว แต่หากพวกเราตกลงใช้สัญลักษณ์มือร่วมกันและข้อมูลดังกล่าวบังเอิญรั่วไหลออกไปสู่ภายนอก ถึงคราวนั้น สมาชิกจะถูกล่อลวงออกไปจัดการทีละคนเนื่องจากไม่ทันระวังตัว หรือคุณต้องการอวดโอ่การมีอยู่ของชุมนุมทาโรต์ให้บุคคลภายนอกได้รับทราบ?”
“…” ออเดรย์มิอาจหาข้อโต้แย้ง “แต่ว่า…”
“ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจความกังวลของคุณ และเชื่อว่าสมาชิกชุมนุมคงมีโอกาสได้พบกันในอนาคตจริง โดยปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแค่พวกเรานัดแนะ ‘สัญญาณชั่วคราว’ ใหม่ทุกครั้งในการชุมนุมทุกวันจันทร์”
เมื่อทราบว่ามิสจัสติสกำลังจะทำเงินก้อนโตให้ตน อัลเจอร์อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ออเดรย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“นั่นสินะคะ เมื่อมีการชุมนุมในทุกวันจันทร์ พวกเราสามารถทราบได้ว่า สมาชิกแต่ละคนมีโอกาสได้ร่วมงานกันในชีวิตจริงหรือไม่ เพื่อเป็นการแยกแยะมิตรศัตรู พวกอาจออกแบบ ‘สัญญาณชั่วคราว’ สำหรับยืนยันตัวตน และเมื่องานดังกล่าวจบลง ก็จะไม่มีการใช้สัญญาณนั้นอีก อา… ถ้าไม่มีการนัดแนะในสัปดาห์นั้นว่าจะได้ร่วมงานเดียวกัน แล้วเกิดมีคนแอบส่งสัญญาณลับ ให้สวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อยืนยันความถูกต้องเสียก่อน”
“ก็ประมาณนั้น” อัลเจอร์ตอบพอเป็นพิธี
ขณะเดียวกัน เดอร์ริคกล่าวด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ต้องขอโทษด้วย ผมเผลอถามออกไปด้วยความโง่เขลา มิสเตอร์ฟูลไม่เคยเอ่ยถึงสัญลักษณ์มือเพราะท่านไม่อยากให้สมาชิกเปิดเผยตัวตน ช่วยลืมเรื่องนี้ไปเถอะครับ”
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มหันไปมองหัวมุมโต๊ะทองแดงยาว
“ความประสงค์ของท่านคือความประสงค์ของพวกเรา”
แต่เราอุตส่าห์คิดสัญลักษณ์มือเท่ๆ ได้แล้ว..
ไคลน์ทำได้เพียงหัวเราะในลำคอ
“ตกลงตามนั้น”
ชายหนุ่มมองไปยังสมาชิกคนอื่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“วันนี้พอแค่นี้”
“สุดแล้วแต่ท่าน!” สมาชิกชุมนุมทาโรต์เกือบทุกคนยกเว้นเดอะมูน ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงและโค้งศีรษะคำนับ
เอ็มลินชะงักราวหนึ่งวินาที ก่อนจะรีบลุกพรวดอย่างลนลานและทำท่าทางเดียวกัน
ทันใดนั้น แสงสีแดงเข้มได้ฉาบภาพการมองเห็นทั้งหมดของผีดูดเลือดหนุ่ม พร้อมกับความรู้สึกคล้ายจิตกำลังดำดิ่ง
เพียงพริบตา ทิวทัศน์รอบตัวเอ็มลินกลับเป็นปรกติอีกครั้ง มันมองเห็นตุ๊กตาหลากหลายขนาดภายในห้องนอนส่วนตัว
ฟู่ว…
จิตใจอันตื่นตระหนกเริ่มสงบลง ตามด้วยการนึกทบทวนรายละเอียดของชุมนุมทาโรต์ครั้งแรกอย่างละเอียด
นอกจากมิสเตอร์ฟูล สมาชิกคนอื่นดูไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไร… บางทีอาจเป็นเหมือนกับเรา ถูกเลือกด้วยเหตุผลบางประการ…
ในกรณีของเรามีท่านบรรพชนหนุนหลัง แล้วของพวกเขามีใคร?
ช่างน่าขัน ในตอนแรก เราดันนึกว่าเดอะซันเป็นครึ่งเทพผู้หลบหนีการไล่ล่าจากเทวทูตอย่างหวุดหวิด แต่ในความเป็นจริง เขากลับเป็นแค่ลำดับ 8 ผู้กำลังจะเลื่อนเป็นลำดับ 7!
เด็กไม่รู้จักมารยาทคือเด็กยังไม่โต!
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์รอบเมืองเงินพิสุทธิ์ค่อนข้างประหลาดและไม่เคยผ่านหูเรามาก่อน คงต้องหาโอกาสซักถามลอร์ดนีบาส… ไม่สิ… ต้องลองถามหยั่งเชิงจากท่านคาซีมีดูก่อน รวมถึงพ่อแม่ของเรา เผื่อว่าพวกเขาจะมีข้อมูลของเมืองเงินพิสุทธิ์
ฮึ่ม… หนังสือประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์กล้าดียังไงถึงได้บันทึกเรื่องเท็จของผีดูดเลือดอันยิ่งใหญ่ลงไป!
มิสจัสติสเป็นคนเบ็คลันด์ และยังร่ำรวยจนน่าทึ่ง อาจเป็นบุตรสาวของนายธนาคารใหญ่หรือไม่ก็ขุนนางใหญ่ แต่บางที เธออาจเป็นเจ้าของธนาคารหรือขุนนางใหญ่เสียเอง…
มิสเมจิกเชี่ยนมองเราด้วยสายตาแตกต่างจากคนอื่น เธอคงยกย่องในความสง่างามของผีดูดเลือดกระมัง ค่อนข้างพูดน้อยและไม่เปิดเผยข้อมูลของตัวเองมากนัก เรียกว่ามีบุคลิกเงียบขรึม
มิสเตอร์แฮงแมนเป็นผู้ใหญ่ใจดี ประสบการณ์ชีวิตโชกโชน และเป็นคนน่านับถือ ยินดีตอบคำถามของสมาชิกใหม่โดยไม่แสดงท่าทางรังเกียจ แถมยังช่วยมอบข้อมูลเป็นประโยชน์ได้มาก คงโดดเด่นกว่าใครในหมู่สมาชิกทุกคน แม้แต่เดอะซันกับเดอะเวิร์ลก็ยังมาขอคำปรึกษา
เดอะเวิร์ลเป็นคนน่ารังเกียจ เสียงของเขาคล้ายกับมีเสมหะติดอยู่ในลำคอตลอดเวลาโดยไม่ยอมบ้วนทิ้งสักที เราเกลียดคนประเภทนี้เข้าไส้! มั่นใจได้เลยว่าเลือดต้องไม่อร่อยแน่.. อุปนิสัยค่อนข้างเงียบ และเก็บซ่อนอารมณ์เก่งมาก ขณะเดียวกันก็สามารถหาตะกอนพลังลำดับ 6 มาขายสมาชิกได้เรื่อยๆ แถมยังสัญญาณว่าจะนำตะกอนพลังของนักจิตบำบัดมาขายให้ในอีกสองเดือน…
หามาจากไหนกัน… ค่อนข้างเจ๋งทีเดียว…
หลังจากรายละเอียดจำนวนมากแล่นผ่านหัวสมอง เอ็มลินตระหนักว่าชุมนุมทาโรต์ค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดาขนาดนั้น และเหนือสิ่งอื่นใด มิสเตอร์ฟูลมิได้แทรกแซงการแลกเปลี่ยนของสมาชิกมากนัก
ท่านสนใจใน ‘ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์’ เป็นพิเศษ… ขณะเดียวกันก็คอยอำนวยความสะดวกระดับน่าอัศจรรย์ให้กับสมาชิกเสมอ…
ครุ่นคิดมาถึงจุดนี้ เอ็มลินเกิดความภูมิใจเล็กน้อยกับการได้รับโค้ดเนม ‘เดอะมูน’
หลังจากกวาดสายตามองไปรอบห้องอันเต็มไปด้วยตุ๊กตาหนึ่งหน ผีดูดเลือดหนุ่มเริ่มตระหนักถึงปัญหาใหม่ของตัวเอง
มรดกตกทอดจากผีดูดเลือดอาวุโสมีราคา 4,000 ถึง 5,000 ปอนด์… ทางลัดในการได้เป็นบารอน… ทำไมถึงตัดสินใจยากแบบนี้…
แม้เอ็มลินจะยังตัดสินใจไม่ได้ แต่มันกลับรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมลงเล็กน้อย คล้ายกับหนี้ก้อนโตกำลังแผ่ปกคลุมทุกซอกมุม
…
ณ วังโบราณเหนือสายหมอกสีเทา
ไคลน์กำลังนวดคลึงขมับด้วยนิ้วโป้งและนิ้วกลางของมือข้างขวาอย่างอ่อนโยน
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน ชายหนุ่มเสกให้เข็มกลัดขนาดเล็กลอยออกจากกองขยะมาตกลงบนโต๊ะทองแดงยาวตรงหน้า เข็มกลัดมีขนาดประมาณดวงตามนุษย์ มองผิวเผินจะเห็นสัญลักษณ์ ‘โชคชะตา’ และ ‘การปกปิด’ เขียนไว้ ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากทรัพย์สินติดตัวมากับศพลาเนวุส
ด้านหลังมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘สามารถเข้าร่วมได้ถ้ามีสิ่งนี้’ เป็นภาษาเฮอร์มิส รวมถึงมีข้อมูลของการชุมนุมถูกระบุไว้อย่างคร่าว เช่น ‘4 มกราคม 1350 สองทุ่มตรง ณ ลำธารหุบเขาบาบูร์’
คำถามของไคลน์ในตอนนี้คือ ตนควรเสี่ยงแวะไปยังลำธารหุบเขาบาบูร์ภายในคืนวันพรุ่งนี้หรือไม่
ว่ากันตามตรง มันไม่อยากพัวพันกับเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะถึงแม้จะเลื่อนลำดับเป็นผู้ไร้หน้าและปลอมตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การไปเยือนต่างถิ่นก็ยังนับว่าเสี่ยงอันตรายมากอยู่ดี มันแทบไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับชุมนุมลับดังกล่าวเลย
นักมายากลไม่ควรแสดงโดยไม่เตรียมตัว…
ชายหนุ่มพึมพำพลางหยิบเหรียญทองออกมาถือไว้ระหว่างสองนิ้ว
จากนั้น มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบเข็มกลัดพร้อมกับท่องประโยค :
“การไปเยือนชุมนุมลับ ณ ลำธารหุบเขาบาบูร์ในคืนวันพรุ่งนี้ถือเป็นเรื่องอันตราย”
หลังจากท่องจนครบเจ็ดหน ชายหนุ่มดีดเหรียญขึ้นฟ้า
เหรียญทองม้วนตัวในอากาศหลายตลบ ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือในลักษณะตั้งตรงอย่างผิดธรรมชาติ
สิ่งนี้หมายถึง ผลการทำนายล้มเหลว
“กะแล้วเชียว…” ไคลน์ไม่ประหลาดใจ
ปัญหาดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นเพราะตนมีข้อมูลไม่มากพอ เพียงแต่ผลการทำนายไม่ถูกส่งกลับมาจากโลกดารา
ชายหนุ่มนั่งเงียบงัน พลางควงเหรียญเล่นไปรอบมือขวาอย่างชำนาญ
ลงเอยด้วย ไคลน์ตัดสินใจไม่เสี่ยงเข้าร่วม
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยผ่านไปเช่นกัน…สองทุ่มวันพรุ่งนี้สินะ… หึหึ…
ชายหนุ่มเผยยิ้มมุมปาก ตามด้วยการส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง
4 มกราคม 10:35 น.
ไคลน์ยืนหน้าโต๊ะไม้มะฮอกกานีพร้อมกับหยิบธนบัตรปึกหนึ่งขึ้นมาถือ ประกอบด้วย ธนบัตรสิบปอนด์ห้าใบ และธนบัตรห้าปอนด์สิบใบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งร้อยปอนด์พอดิบพอดี
นี่คือค่าตอบแทนเบาะแสของบาลุนจากมิสเตอร์แฮงแมนผ่านพิธีกรรมสังเวย
ธนบัตรจำนวนสิบห้าใบทำให้กระเป๋าสตางค์ของไคลน์ดูอวบอ้วนทันที การควักเงินจ่ายค่าบัตรโดยสารเรือเดินสมุทรจึงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอีกต่อไป
มือขวานำกระเป๋าสตางค์เก็บในเสื้อ จากนั้นก็หยิบถุงมือหนังมนุษย์บนโต๊ะขึ้นมาสวมในมือซ้าย
หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของยุบพองหิวโหยคือ ขณะไม่ถูกใช้งาน มันสามารถพรางตัวได้อย่างอิสระ และแทบไม่มีโอกาสถูกตรวจพบได้โดยพลังพิเศษปรกติ หมายความว่าไคลน์สามารถสลับไปมาระหว่างรูปลักษณ์แต่ละชนิดได้ตามใจชอบ เช่น รูปลักษณ์เดิม (หนังมนุษย์) รูปลักษณ์หลากสี (ตามสีของวิญญาณภายในถุงมือ) และรูปลักษณ์ขณะพรางตัว
ปัจจุบัน ไคลน์เลือกให้มันพรางตัวอยู่ในร่างของถุงมือหนังสีดำ
เพื่อให้เข้าไม่ถูกสงสัย ชายหนุ่มได้เตรียมถุงมือสีดำธรรมดาไว้สวมคู่กันอีกข้าง
ถัดมา ไคลน์ผนึกขวดพิษชีวภาพไว้ในกล่องบุหรี่โลหะและกำแพงวิญญาณ จากนั้นก็ซ่อนไว้ในช่องล่างสุดของกระเป๋าเดินทาง
เฉกเช่นเข็มกลัดสุริยัน สิ่งนี้จะมอบความร้อนทางใจขณะพกพา ไคลน์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากผนึกด้วยกล่องบุหรี่โลหะกับกำแพงวิญญาณ และซ่อนไว้ในช่องล่างสุดของกระเป๋า
กระสุนชำระล้างเก้านัด กระสุนปราบมารสิบห้านัด และกระสุนปัดเป่าสามนัด…
ไคลน์หยิบปืนพกกับกล่องกระสุนวางบนโต๊ะ และบรรจงบรรจุให้เต็มโม่
กริ๊ก! ชายหนุ่มตบโม่กลับพร้อมกับสอดปืนไว้ในซองรักแร้ฝั่งซ้าย
จากนั้น มันสวมโค้ทขนสัตว์สีดำกับหมวกทรงกึ่งสูง หยิบกระเป๋าเดินทางกับไม้ค้ำ และเดินออกจากห้องพักของโรงแรม
นอกจากดวงตาดำล้วนและสิ่งของใช้การไม่ได้ชนิดอื่นบนมิติสายหมอก ไคลน์ในปัจจุบันพร้อมรบเต็มอัตราศึก
หลังจากโดยสารรถม้า ชายหนุ่มเดินทางมาถึงจุดขายบัตรโดยสารในเขตกุหลาบขาวประจำท่าเรือพริสต์
บริษัทขายบัตรเดินทางอยู่ภายในอาคารทรงโบราณสามชั้น ลักษณะค่อนข้างเก่า หน้าประตูมีป้ายเตือนเขียนกำกับไว้
ไคลน์เดินเข้าไปใกล้เพื่ออ่าน
“ระเบียบปฏิบัติมีดังนี้ : 1. รักษากฎอย่างเข้มงวด ต้องต่อแถวเพื่อซื้อบัตรเท่านั้น 2. ห้ามปัสสาวะอุจจาระเรี่ยราด รวมถึงห้ามถ่มน้ำลายส่งเดช 3. หากมีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ให้ไปตามคนคุมภายในห้องรับรอง 4. ห้ามเปิดฝากระป๋องปลาหมาป่าโดยเด็ดขาด! ไม่ว่าจะอยู่ในห้องใดก็ตาม!”
ปลาหมาป่ากระป๋อง? อะไรอีกล่ะนั่น?
ไคลน์ขมวดคิ้ว
……………………