Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 440 : ตระกูลเทวทูต

ราชันเร้นลับ 440 : ตระกูลเทวทูต

ขณะไคลน์กำลังก้มหน้า ออเดรย์ชิงพูด

“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันยังมีไดอารีจักรพรรดิโรซายล์อีกสิบหน้า ไว้จะทยอยนำมามอบให้เพื่อตอบแทนการอวยพรครั้งก่อนนะคะ”

เธอกล่าวออกมาเสียงดังเพราะต้องการให้มิสเตอร์ฟูลทราบว่าตนยังไม่ลืมบุญคุณเรื่องพรจากเทวทูตสำหรับผ่านการทดสอบของสมาคมแปรจิต และยังรวมถึงเรื่องความลับของ ‘สภานักสิทธิ์สนธยา’ ด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็พูดเพื่อต้องการโอ้อวดสมาชิกคนอื่น

ค่าตอบแทนการอวยพร…

ฟอร์สทวนคำซ้ำพลางตระหนักว่าตนมองข้ามเรื่องสำคัญในอดีตไป

เพื่อให้เราผ่านการทดสอบของอาจารย์โดเรียน มิสเตอร์ฟูลได้ส่งเทวทูตลงมาอวยพรและแทรกแซงผลการทำนาย หมายความว่าเราก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นกันใช่ไหม?

ทำไมเราถึงมองข้ามเรื่องนี้มาตลอด…

จริงสิ เพราะเราคิดแต่เพียงว่า พิธีกรรมของมิสเตอร์ฟูลคงเหมือนกับพิธีกรรมทั่วไป เมื่อจบพิธีกรรมก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นข้อตกลง…

ฟอร์สเริ่มกระวนกระวาย

หากเป็นพิธีกรรมทั่วไป การขอความช่วยเหลือจากเทพจะต้องสังเวยบางสิ่งล่วงหน้า จำพวกการเผาน้ำมันสกัด สารสกัด และผงสมุนไพร ถือเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับตัวตนลึกลับก่อนเข้าสู่ช่วงหลักของพิธีกรรม แต่ในกรณีของมิสเตอร์ฟูล ท่านยอมลดขั้นตอนวุ่นวายลงเพื่อความสะดวกของสมาชิก จึงไม่ต้องมีการสังเวยล่วงหน้าเหมือนกับพิธีกรรมอื่น เปลี่ยนเป็นการจ่ายค่าตอบแทนในภายหลังแทน… เราเคยชินกับพิธีกรรมทั่วไปมาตลอด จึงกล่าวแค่คำขอบคุณออกไป…

ฟอร์สรีบเงยหน้ามองบุคคลบนเก้าอี้ประธานพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ การแทรกแซงคำทำนายของท่านช่วยดิฉันได้มาก ดังนั้น ดิฉันจะพยายามรวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์มาตอบแทนให้ท่านเป็นจำนวนสิบหน้าเช่นกัน”

เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของมิสจัสติสและมิสเมจิกเชียน เดอร์ริคเองก็ตระหนักว่าตนพึ่งพาพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลเช่นกัน จึงพยายามคิดหาวิธีตอบแทนบ้าง

แต่เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีไดอารีจักรพรรดิโรซายล์อะไรนั่น… จริงสิ มิสเตอร์ฟูลชื่นชอบประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ เราต้องอ่านหนังสือและบันทึกตำนานให้มากขึ้น…

เมื่อเกิดความคิดดังกล่าว เดอร์ริครีบให้สัญญากับเดอะฟูลว่าตนจะนำข้อมูลของเมืองเงินพิสุทธิ์มาตอบแทนในอนาคต

แฮงแมนเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงันโดยไม่เคลือบแคลงอีกต่อไปว่า มิสเตอร์ฟูลมีเทวทูตเป็นบริวารรับใช้จริง

ทุกองค์กรลับควรมีคนอย่างมิสจัสติสเป็นสมาชิก… พลังของการ ‘ทำตัวเป็นแบบอย่าง’ ช่างไร้ขีดจำกัด…

ไคลน์รำพันอย่างอิ่มเอมใจเมื่อจู่ๆ ก็มี ‘ลูกหนี้’ เพิ่มขึ้นสามคนโดยไม่ต้องทำอะไร

ด้วยฐานะตัวตนอันสูงส่ง มิสเตอร์ฟูลย่อมไม่สะดวกจะออกปากเรียกร้องค่าตอบแทน แต่ขณะเดียวกัน ไคลน์ก็มองว่าการช่วยเหลือสมาชิกร่วมชุมนุมคือสิ่งพึงกระทำอยู่แล้ว จึงไม่ได้บังคับให้เดอะเวิร์ลจ่ายค่าตอบแทนเพื่อกดดันสมาชิกคนอื่น

แต่ถ้าจัสติสและทุกคนยินดีจะตอบแทนด้วยความตั้งใจตัวเอง ชายหนุ่มก็ไม่คิดปฏิเสธไมตรีแต่อย่างใด

“ตกลง” ไคลน์ยิ้มรับ ตามด้วยการก้มหน้าอ่านแผ่นกระดาษไดอารีอีกครั้ง

“13 มกราคม การติดต่อเป็นมิสเตอร์ประตูเริ่มมีเสถียรภาพ ในฐานะผู้วิเศษทรงพลังซึ่งติดอยู่ท่ามกลางความมืดมิดและพายุโหมกระหน่ำ เขาไม่รีบร้อนให้เราประกอบพิธีกรรมซับซ้อนเพื่อช่วยนำเขากลับมายังโลกแห่งความจริง ดูเหมือนเขาจะมั่นใจเสียเต็มประดาว่า ตนมีวิธีโน้มน้าวให้เรายอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขาออกมาจากวังวนพายุเกรี้ยวกราด โดยไม่ต้องรับปากในเรื่องยากๆ จำพวก ‘เอาล่ะโรซายล์ เจ้าสามารถขอพรใดก็ได้จำนวนสามข้อ’ มิสเตอร์ประตูไม่ได้เอ่ยถึงแผนการช่วยเหลือเขาออกมา เพ่งความสนใจมายังการสร้างไพ่ทาโรต์ของเรา ฮะฮะ! ต้องเน้นหนักคำว่า ‘สร้าง’ ให้มากกว่านี้! ฟังดูมีพลังชะมัด… อา จากการประเมินเบื้องต้นของเรา มิสเตอร์ประตูในปัจจุบันคงติดต่อกับโลกจริงได้ในช่วงเวลาเฉพาะและมีระยะเวลาจำกัด แต่ระหว่างนั้นก็สามารถสำรวจความเป็นไปของโลกได้อย่างละเอียดเช่นกัน เมื่อเล่าจนถึงไพ่ ‘เดอะมูน’ ตัวเราพลันฉุกคิดเรื่องน่าสนใจขึ้นมาได้ ซาราธเคยยืนยันว่าโรงเรียนกุหลาบนับถือดวงจันทร์ แต่มิได้นับถือเทพธิดารัตติกาล ฮะฮะ! เราแอบเติมประโยคหลังเข้าไปเอง ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินใจถามผู้เชี่ยวชาญจากยุคสมัยที่สี่ด้วยความสงสัย แต่น่าเสียดาย อีกฝ่ายดันตอบกลับมาแบบอ้อมค้อม อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับนักทำนายซึ่งเอาแต่พูดจาคลุมเครือจนเราอยากซัดปากสักหมัดแล้ว คำตอบของมิสเตอร์ประตูฟังดูมีสาระกว่ามาก เขาเล่าว่า หากต้องเลือกไพ่หนึ่งใบสำหรับแทนเทพธิดารัตติกาล เขาจะไม่เลือกเดอะมูนอย่างเด็ดขาด แต่เป็น… เดอะสตาร์! นั่นยิ่งทำให้เรื่องราวน่าสนใจขึ้นไปอีก! เราจึงถามกลับไปว่า ‘แล้วใครเป็นผู้ปกครองดวงจันทร์คนปัจจุบัน’ และคำตอบของเขาได้ทำให้ปมปริศนาซับซ้อนยิ่งขึ้น! มิสเตอร์ประตูอมยิ้มและตอบว่า ปัจจุบันยังไม่มีใครปกครองดวงจันทร์ ถ้าเราตีความไม่ผิด ถ้อยคำข้างต้นจะหมายความว่าลำดับ 0 ของเส้นทางดวงจันทร์ยังคงว่างอยู่ ลำดับ 0 ยังว่างอยู่! เส้นทางปราศจากเทพ!”

น่าแปลก… โลกนี้ยังมีดวงจันทร์บรรพกาลอยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง?

ไคลน์เกิดคำถามเมื่ออ่านถึงตรงนี้

ชายหนุ่มเตรียมใจไว้แล้วว่า ไพ่ ‘เดอะมูน’ อาจไม่ได้หมายถึงเทพธิดา เพราะไม่ว่าจะความเชื่อของโรงเรียนกุหลาบ บันทึกของแวมไพร์ หรือข้อมูลจากหนังสือแห่งความลับของคารามัน ทั้งหมดระบุตรงกันว่าเทพธิดารัตติกาลไม่ใช่ดวงจันทร์คนปัจจุบัน

ในทางกลับกัน แวมไพร์ต้นตระกูล ลิลิธ และดวงจันทร์บรรพกาล กลับมีความใกล้เคียงกับลำดับ 0 เส้นทางดวงจันทร์มากกว่า…

จากคาบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์ เดอะซันน้อยระบุว่าลิลิธร่วงหล่นท่ามกลางยุคสมัยแห่งความมืด ยุคสมัยที่สอง แต่ในทางกลับกัน ดวงจันทร์บรรพกาลนั้นยังถูกกราบไหว้บูชามาจนถึงปัจจุบัน และมักตอบสนองต่อพิธีกรรมเรียกหาบ่อยครั้ง ถึงส่วนมากจะสาปให้เหยื่อตกอยู่ในชะตากรรมบัดซบก็ตาม… แล้วทำไมมิสเตอร์ประตูถึงระบุว่าปัจจุบันยังไม่มีผู้ปกครองดวงจันทร์? หนังสือแห่งความลับเขียนไว้ชัดเจนว่าดวงจันทร์บรรพกาลมีตัวตนจนถึงอย่างน้อยยุคสมัยที่สี่…

ไคลน์เกือบขมวดคิ้ว

ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มสร้างสมมติฐานขึ้นมาสามข้อ หนึ่ง มิสเตอร์ประตูไม่มีข้อมูลของดวงจันทร์บรรพกาลมากนัก แต่โอกาสเป็นข้อนี้ค่อนข้างต่ำ สอง ยังไม่มีใครครอบครองลำดับ 0 ในเส้นทางดวงจันทร์จริง ส่วนดวงจันทร์บรรพกาลคือเทพตนอื่นสวมรอยมาตอบรับพิธีกรรมแทน สาม ใครสักคนในลำดับ 1 ของเส้นทางดวงจันทร์แสร้งสวมสวมรอยเป็นดวงจันทร์บรรพกาลโดยอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกเช่นสมบัติปิดผนึก

ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ เสียงตอบรับในพิธีกรรมถึงดวงจันทร์บรรพกาลล้วนมาจาก ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางดวงจันทร์…

ไคลน์พึมพำ

จริงอยู่ วัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 0 ตามคำอธิบายของไพ่จักรพรรดิมืดคือตะกอนพลังของโอสถลำดับ 1 แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด องค์ชายวิปริตยังต้องใช้ ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางจักรพรรดิมืดร่วมด้วย โดยแต่ละเส้นทางจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป

เทพย่อมต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง!

นอกเหนือจากสมมติฐานแรก ข้ออื่นล้วนมีความเป็นไปได้มากทั้งสิ้น… เส้นทางของดวงจันทร์ชื่ออะไร หรือเป็นเส้นทางไหนกันแน่? เราเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่?

ไคลน์พลิกไปยังหน้าถัดไป มันค่อนข้างโชคดีเมื่อพบว่าเป็นเนื้อหาต่อจากแผ่นเดิม

“เรายังคงล้วงความลับจากมิสเตอร์ประตูอย่างต่อเนื่อง ฮะฮะ! เขาคิดจริงหรือว่าการตอบแบบยั่วน้ำลายจะทำให้เราย่อมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือเขาออกมา? ฝันไปเถอะ! เราข่มสีหน้าอยากรู้อยากเห็นและกล่าวตำหนิออกไปว่า เขาขาดความเคารพในตัวเทพเกินไปแล้ว แต่มิสเตอร์ประตูกลับตอบมาอย่างผ่อนคลายว่า ‘ตระกูลขุนนางในยุคสมัยที่สี่ล้วนมีท่าทีต่อเทพแบบเหมือนกับข้าทั้งสิ้น’ อ้อมค้อมเก่ง! อย่างไรก็ตาม นั่นก็ทำให้เราเริ่มสนใจข้อมูลของเหล่าขุนนางจากยุคสมัยที่สี่ขึ้นมาบ้าง จึงสบโอกาสซักถาม มิสเตอร์ประตูเล่าว่า ในจักรวรรดิทูดอร์จะมีกลุ่มขุนนางใหญ่อยู่ห้าตระกูล ประกอบด้วยอับราฮัม อันทีโกนัส อามุนด์ ทามาร่า และเจคอป โดยทุกตระกูลล้วนถูกเรียกว่า ‘ตระกูลเทวทูต’ มีพลังอำนาจระดับมหาศาลจนยากจะหาผู้ใดทัดเทียม ตระกูลเทวทูต! แค่ฟังจากชื่อก็สัมผัสถึงความแข็งแกร่งแล้ว! มิสเตอร์ประตูยังกล่าวอีกด้วยว่า ณ ยุคสมัยที่สี่ ตระกูลเทวทูตมิได้ถูกจำกัดเพียงห้าชื่อข้างต้น ยังมีตระกูลซาราธและโซโรอาสเตอร์แห่งจักรวรรดิโซโลมอน ตระกูลออกัสตัส เซารอน ไอน์ฮอร์น และกาสตีญ่าจากจักรวรรดิทรันซอสต์ รวมถึงพวกกลุ่มเร้นกายซ่อนตัวอย่างอันเดราธและบีเลียล อีกทั้งยังมีตระกูลแม่มดซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเทพธิดาปริศนาโดยตรง แบบนี้ก็หมายความว่า ผู้ชนะสุดท้ายในสงครามยุคสมัยที่สี่คือจักรวรรดิทรันซอสต์? แล้วตระกูลราชวงศ์ทรันซอสต์หายไปไหน? ทำไมจึงมีเพียงสี่ตระกูลเทวทูตอย่างเซารอน ไอน์ฮอร์ท ออกัสตัส และกาสตีญ่ากระจายตัวกันปกครองทวีปเหนือ? มิสเตอร์ประตูยังเล่าอีกว่า ขุมพลังของตระกูลเทวทูตนั้นห่างชั้นจากเทพเพียงไม่กี่เอื้อมมือ ไม่มีตระกูลใดในยุคสมัยปัจจุบันเทียบได้เลย อย่างไรก็ตาม บุคคลทรงพลังเหล่านั้นได้ร่วงหล่นมากมายท่ามกลางไฟสงครามอันร้อนระอุ แม้กระทั่งตระกูลเซารอนก็เริ่มเสื่อมอำนาจและถูกทำลายโดยฝีมือเรา! เชื่อว่าอีกไม่เกินหนึ่งพันปี โลกใบนี้คงไม่เหลือตระกูลออกัสตัสอยู่เช่นกัน มีเพียงเทพแท้จริงเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ค้ำจุนโลกจากเงามืดไปตลอดกาล! แม้ว่าเหล่าครึ่งเทพจำนวนหนึ่งจะเสียชีวิตในสงครามยุคสมัยที่สี่ แต่ก็มีอีกจำนวนมากเสียชีวิตด้วยอายุขัย ทำเอานึกถึงคำคมในนิยายดังเรื่องหนึ่ง ถ้านับมาปรับแต่งสักเล็กน้อยก็จะเข้ากับสถานการณ์นี้พอดิบพอดี : หากไม่ใช่เทพแท้จริง ไม่มีใครหน้าไหนรอดพ้นจากการกลายเป็นซากขี้เถ้าได้! จนกระทั่งระยะเวลาในการติดต่อกับโลกความจริงหมดลง ร่างมายาของมิสเตอร์ประตูได้เลือนหายไป ลักษณะคล้ายกับนักโทษซึ่งถูกปล่อยตัวออกมาพบญาติโดยมีระยะเวลาจำกัด แต่ความรู้และประสบการณ์จากชายคนนั้นคือของจริง เรื่องน่าสนใจก็คือ สีหน้าแววตาของเขาเผยความดูแคลนอย่างชัดเจนขณะกล่าวถึงตระกูลซาราธ บางที เราควรสานสัมพันธ์กับมิสเตอร์ประตูเอาไว้บ้าง นอกเหนือจากโบสถ์จักรกลไอน้ำและองค์กรลับเก่าแก่แห่งนั้น เราควรมีทางหนีหมายเลขสาม เผื่อไว้! สุภาษิตจีนได้กล่าวไว้ว่า กระต่ายอายุยืนต้องมีโพรงอย่างน้อยสามช่อง!”

หืม… แล้วทำไมในวาระสุดท้ายของชีวิต จักรพรรดิโรซายล์กลับคิดถึงเพียงองค์กรลับเก่าแก่ซึ่งน่าจะหมายถึงสภานักสิทธิ์สนธยา…

ไม่มีการพูดถึงมิสเตอร์ประตูแม้แต่คำเดียว คงเกิดเรื่องขึ้นระหว่างนั้นกระมัง… ออกัสตัสแห่งโลเอ็นเคยเป็นตระกูลเทวทูตของจักรวรรดิทรันซอสต์มาก่อน… เช่นนั้นแล้วราชวงศ์ทรันซอสต์ไปไหน? ทำไมถึงหายไปอย่างไร้วี่แววโดยไม่เหลือแม้แต่ข่าวลือ…

ไคลน์ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ภายในใจกำลังเกิดความใคร่รู้อย่างเต็มเปี่ยม มันต้องการแหวกผ่านม่านหมอกแห่งความลึกลับและเพ่งมองเข้าไปในความจริงของยุคสมัยที่สี่

นี่อาจเป็นหนึ่งในความฝันของเจ้าของร่างคนก่อน ไคลน์·โมเร็ตติ ด้วยเช่นกัน

บางที ซากอาคารใต้ดินซึ่งมีบัลลังก็คู่และวิญญาณมารแข็งแกร่งตนนั้น อาจช่วยไขความกระจ่างให้เราได้ในอนาคต…

ไคลน์ก้มหน้าอ่านไดอารีแผ่นถัดไป

“2 มิถุนายน แบร์นาแดตส่งข้อความกลับมาหาเราแล้ว! การมีลูกสาวก็ดีเช่นนี้แล… เธอรู้จักเอาใจใส่บิดาวัยชราผู้น่าสงสาร ถึงแม้เราจะทราบว่าแบร์นาแดตทำไปเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง แต่ก็ดีกว่าเฉยเมยและไม่แยแสกันเลยสักนิด นอกจากนั้น เธอยังทำได้ไม่เลว เราถามว่าเธออยากเป็นผู้วิเศษเส้นทางใด และได้รับคำตอบกลับมาว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ แต่เธอรู้สึกชอบคติพจน์ ‘ทำตามใจ แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร’ มากเป็นพิเศษ 3 มิถุนายน เราได้พบฟลอเร็นอีกครั้ง แต่บรรยากาศรอบตัวเจ้านั่นเปลี่ยนไปมาก ราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว ไม่สิ ระบุให้ชัดคือ ถึงจะยังมีความทรงจำเก่าและหลงเหลืออุปนิสัยบางอย่างไว้ แต่กลิ่นอายกลับไม่ใช่คนเดิม เกิดอะไรขึ้นกับเขา? ทำไมถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้? อาจตรงกับสำนวน ‘บางคนถูกปีศาจสิ่งร่างกาย บางคนถูกปีศาจสิงจิตใจ’ กระมัง 5 มิถุนายน เราค้นพบหนังสือโบราณกล่าวถึงนามของเทพธิดาบรรพกาลตนหนึ่ง… เป็นชื่อจริง! มิใช่นามเต็มอันสูงส่งสำหรับประกอบพิธีกรรม! เธอชื่อว่า ‘ชีค’ แต่นั่นมันชื่อของผู้ชายไม่ใช่หรือ… หนังสือโบราณเล่มนี้เป็นของปลอม?”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset