เขตตะวันตก โรงแรมคาร์ลเพนซ่า
ฟอร์สช่วยพยุงลอว์เรนซ์จนถึงห้องและพาชายชราไปนอนบนเตียง
โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างหรูหรา ทั่วห้องยกเว้นห้องน้ำจะมีพรมหนานุ่ม สีเทาสลับเหลืองวางทอดเป็นระยะ บนกำแพงมีภาพวาดสีน้ำมันเลียนแบบงานศิลป์ชื่อดัง
ลอว์เรนซ์หายใจยากลำบาก
“ขอบคุณมาก มิสวอลล์ ได้โปรดอภัยให้กันด้วย ชายแก่คนนี้ลุกขึ้นคำนับไม่ไหว”
“มิสเตอร์ลอว์เรนซ์ อาการของคุณกำลังจะดีขึ้น ในฐานะอดีตแพทย์หญิง ดิฉันสามารถยืนยันได้ว่า อายุขัยของคุณยังไม่จบลงตรงนี้ หลังจากนอนพักผ่อนสักพัก พวกเราจะแวะไปคลินิกหรือไม่ก็โรงพยาบาลกัน”
ฟอร์สกล่าวปลอบใจ · ลอว์เรนซ์ยิ้ม
“ผมรู้จักร่างกายตัวเองดี คุณไม่จำเป็นต้องให้กำลังใจผม ยิ่งไปกว่านั้น ผมมีงานอดิเรกเป็นนักโหราศาสตร์มือสมัครเล่น เคยดูดวงให้ตัวเองและพบว่า ผมมีชะตากรรมต้องตายบนเตียงนอนของโรงแรมในกรุงเบ็คลันด์”
หากไม่นับการปกปิดเรื่องเหนือธรรมชาติ ทุกสิ่งจากปากลอว์เรนซ์ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด มันอายุเกือบแปดสิบ ไม่มีกำลังวังชาเหมือนเด็กหนุ่ม ถ้าไม่เพราะมีพลังของโอสถค่อยค้ำจุนร่างกาย ป่านนี้คงถูกฝังอยู่ในสุสานสักแห่งนานแล้ว
เดิมที ลอว์เรนซ์เคยประเมินว่าตนสามารถใช้ชีวิตได้อีกสักสิบปี แต่ใครจะไปคิดว่า ‘นักท่องเที่ยว’ โบทิส จะทำการทรยศตระกูลและเข้าร่วมกับชุมนุมแสงเหนือ โดยในศึกดังกล่าว ลอว์เรนซ์ได้รับบาดเจ็บหนัก แถมยังเสียทายาทของตัวเองไปจนหมด
สิ่งนี้กระทบกระเทือนจิตใจลอว์เรนซ์รุนแรงจนมันเกือบกลับมาไม่ได้
ซ้ำร้าย การค้นหาข่าวคราวพี่น้องร่วมสายเลือดในกรุงเบ็คลันด์ก็ยิ่งทำให้มันหดหู่ เพราะทุกคนได้ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว
เมื่อนำทั้งหมดหมดผนวกเข้าด้วยกัน จิตใจลอว์เรนซ์จึงถูกกัดกร่อนรุนแรง มันเริ่มตระหนักว่า ตนคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
แผนเดิมก็คือ ลอว์เรนซ์จะแวะเยี่ยมหลุมศพของลาโบโร่และอาริสา ต่อด้วยการเดินทางกลับไปประชุมหารือกับอาวุโสคนอื่นของตระกูลเพื่อสะสางเรื่องราว จึงค่อยจากโลกนี้ไปอย่างสงบ
แต่ด้วยความชรา สุขภาพของลอว์เรนซ์จึงอยู่นอกเหนือการควบคุม
โดยไม่รอท่าทีตอบสนองจากฟอร์ส ชายชราขยับตัวล้วงหยิบสมุดเล่มหนึ่งจากเสื้อโค้ท
ปกแข็งของสมุดมีสีเขียวขี้ม้า มอบความรู้สึกโบราณและน่าเกรงขาม
อักษรบนปกเขียนด้วยภาษาฟุซัคโบราณ :
“ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”
ลอว์เรนซ์วางสมุดลงบนผ้าห่มตรงหน้าอกพลางถอนหายใจยาว
“มิสวอลล์ หากผมตายไปตรงนี้ รบกวนคุณช่วยนำสมุดไปส่งให้ใครบางคน ณ ท่าเรือพริสต์ได้ไหม?”
“มิสเตอร์ลอว์เรนซ์ คุณจะไม่เป็นอะไร”
ฟอร์สพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดี
ในเวลาเดียวกัน เธอชำเลืองสำรวจสมุดบันทึกและพบว่า มันมีจำนวนหน้าไม่มาก ประกอบด้วยกระดาษสามชนิด ช่วงต้นจะเป็นกระดาษหนังสีเหลือง มีแค่สองถึงสามหน้า ไม่มากไปกว่านี้ ช่วงกลางจะเป็นกระดาษหนังสีน้ำตาล และช่วงท้ายจะเป็นกระดาษสีขาวแบบทั่วไป ไม่มีสิ่งใดพิเศษ
ลอว์เรนซ์ฉีกยิ้มพลางฝืนเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก
“ผมแค่สมมติน่ะ แต่ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง คุณจะช่วยผมได้ไหม มิสวอลล์”
“ท่าเรือพริสต์อยู่ไม่ไกล เรียกว่าการเดินทางยังไม่ได้ หากมีเรื่องเร่งด่วน ดิฉันสามารถไปกลับได้ในเวลาครึ่งวันด้วยรถจักรไอน้ำ”
ฟอร์สพยักหน้ารับ
ลอว์เรนซ์ถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย สีหน้าแววตาดีขึ้นจากตอนแรกเล็กน้อย
“หลังจากผมตาย ให้รอสิบนาที จึงค่อยเก็บวัตถุส่องแสงระยิบระยับ และนำไปส่งให้มิสเตอร์โดเรียน·เกรย์ ณ สมาคมชาวประมงแห่งท่าเรือพริสต์พร้อมกับสมุดเล่มนี้ ผมขอยกเงินสดสี่สิบสองปอนด์ในกระเป๋าสตางค์แทนค่าเสียเวลาและคำขอบคุณ ส่วนเสื้อผ้าของผม ได้โปรดให้มันกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับผม”
“ไม่จำเป็นค่ะ ดิฉันไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่สิ… มิสเตอร์ลอว์เรนซ์ คุณจะไม่เป็นอะไร”
ฟอร์สกล่าวจากความรู้สึกก้นบึ้ง
ลอว์เรนซ์ยังคงสั่งเสียต่อไป ราวกับไม่ได้ยินถ้อยคำของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“บางที โดเรียนอาจตอบแทนคุณเพิ่มเติม แต่นั่นขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย… ผมเชื่อใจคุณนะ ดูจากการปฏิบัติตัวต่ออาริสา คุณคือหญิงสาวผู้มีจิตใจงดงาม…”
มันเว้นวรรค ก่อนจะกล่าวกับฟอร์สด้วยแววตากระจ่างชัดผิดวิสัย
“มิสวอลล์ รบกวนนำเหยือกลงไปกรอกน้ำชั้นล่างให้ผมสักหน่อย ไม่แน่ใจว่าพนักงานโรงแรมจะมาเติมให้เมื่อไร”
“ได้ค่ะ” ฟอร์สหยิบเหยือกน้ำและเดินออกจากห้องโดยไม่คิดอะไรมาก
แต่หลังจากเดินไปได้สามก้าว ฟอร์สพลันสังเกตเห็นความผิดปรกติ เหยือกน้ำในมือตนค่อนข้างหนัก และปริมาณน้ำนับว่าไม่น้อย
ขณะเตรียมหันกลับไปถาม สัมผัสวิญญาณของเธอพลันตระหนักถึงความผันผวนของพลังวิญญาณภายในห้อง
นี่มัน…!
ฟอร์สพลันยืนตัวแข็งทื่อ เธอเข้าใจทันทีว่ามิสเตอร์ลอว์เรนซ์คิดจะทำสิ่งใด
เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ เจ้าของร่างคงสัมผัสถึงความผิดปรกติได้ดีกว่าใคร ด้วยความกลัวว่าตนจะคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด การปลิดชีพตัวเองจึงถือเป็นวิถีปฏิบัติของมนุษย์คนหนึ่ง
เขาคงอยากตายในฐานะมนุษย์มากกว่า…
คงเป็นมโนธรรมสุดท้ายของผู้วิเศษกระมัง
แน่นอน สามารถมองในอีกมุมหนึ่งได้ว่า หากเขากลายเป็นสัตว์ประหลาด แผนการส่งต่อตะกอนพลังให้คนชื่อโดเรียน·เกรย์ก็จะกลายเป็นหมัน
เมื่อทราบความจริง ฟอร์สยืนรอหน้าห้องพักด้วยแววตาหดหู่ จนกระทั่งครบสิบนาที จึงทำการเปิดประตูเข้าไป
เธอเห็นลอว์เรนซ์ ผู้กำลังนอนสงบนิ่งบนเตียงด้วยใบหน้าแก่ชราลงจากเดิมเล็กน้อย โดยข้างกายมี ‘เพชร’ ขนาดเท่าดวงตามนุษย์
แสงจากหน้าต่างสองเข้ามากระทบกับ ‘เพชร’ จนเกิดประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว นับเป็นภาพอันหาชมได้ยาก
ฟอร์สถอนหายใจยาว รีบตรวจสอบร่างกายของลอว์เรนซ์ และได้ข้อสรุปว่าชายชราเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว
…
เขตเชอร์วู้ด บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์
ไคลน์นั่งพักสักครู่หลังจากกลับถึงบ้าน จากนั้นค่อยเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอก และทำนายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของวิล·อัสติน
ชายหนุ่มเพ่งจิตสั่งให้นกกระเรียนกระดาษลอยออกจาก ‘กองขยะ’ มาตกบนโต๊ะทองแดงยาวเบื้องหน้าตน ตามด้วยการก็ปลดจี้บุษราคัมออกจากข้อมือ
ไคลน์ถือลูกตุ้มวิญญาณด้วยมือซ้าย และเพ่งสมาธิเข้าฌานเพื่อระลึกความทรงจำขณะยังอยู่ในเขตป่านอกสุสานกรีน
รายละเอียดเล็กน้อยบางอย่างอาจตกหล่นไปจากสมองไคลน์ แต่สัมผัสวิญญาณย่อมไม่พลาดสิ่งสำคัญแน่
เมื่อนำข้อมูลข้างต้นมาประกอบกับการพึ่งพาพลัง ‘ขจัดการรบกวน’ ของห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา ไคลน์เชื่อว่าผลการทำนายต้องตนจะออกมาแม่นยำ
หลังจากเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ ไคลน์เสกกระดาษหนังออกมาเขียนประโยคทำนาย :
“วิล·อัสตินตายแล้ว”
ถัดมา มันนำนกกระเรียนมาวางทาบบนกระดาษประโยคทำนาย กดมันลงไป และจ่อปลายลูกตุ้มจนเกือบสัมผัสกระดาษ
หลังจากเข้าฌานและดำเนินขั้นตอนการทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณเสร็จ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นและจ้องมองผลลัพธ์
ลูกตุ้มบุษราคัมหมุนทวนเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วสูง แถมวงการแกว่งยังกว้างมาก
ผลลัพธ์ออกมาเป็น : ไม่ใช่
วิล·อัสตินยังไม่ตาย!
หืม…
ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ท่าทีคล้ายกับคาดเดาได้บางส่วน
มันครุ่นคิด ก่อนจะเปลี่ยนประโยคทำนาย :
“ศพเด็กชายคนนั้นคือวิล·อัสติน”
สำหรับคราวนี้ ผลลัพธ์ระบุว่า ‘ใช่’
ศพเด็กเป็นของวิล·อัสตินจริง
แนวคิดมากมายพลันผุดขึ้นในสมอง ไคลน์รีบก้มหน้าตรึกตรองก่อนจะเขียนประโยคทำนายใหม่ลงไป :
“ศพของวิล·อัสตินจะคืนชีพ”
หลังจากเพ่งสมาธิทำนาย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองผลลัพธ์
ลูกตุ้มหมุนทวนเข็มด้วยความเร็วสูง
หมายความว่าศพ ของวิล·อัสตินจะไม่คืนชีพหรือกลับมาเกิดใหม่
คล้ายกับว่า วิล·อัสตินจงใจสละร่างกายและมีชีวิตรอดในบางรูปแบบแทน…
เรื่องนี้เกี่ยวกับอสรพิษปรอทหรือไม่?
ไคลน์พยายามทำนายถามหาเบาะแสของวิล·อัสตินด้วยประโยคทำนายอีกหลายมุมมอง แต่ทั้งหมดก็ล้มเหลว รวมถึงประโยคทำนาย :
“สถานการณ์ปัจจุบันของวิล·อัสติน”
ถัดมา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปใช้เทคนิคทำนายนิมิตฝันและเขียนประโยคทำนายลงไปว่า :
“ตำแหน่งปัจจุบันของวิล·อัสติน”
ผลลัพธ์ออกมาคล้ายคลึงของเก่า :
เป็นฉากห้องมืดสนิท มีเสียงน้ำไหล
แต่สำหรับคราวนี้ ไคลน์รู้สึกว่าบรรยากาศแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ช่างมันปะไร… เราสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ยุ่งเรื่องอสรพิษปรอทไปมากกว่านี้…
ไคลน์นำจี้บุษราคัมไปรัดข้อมือตามเดิม และเตรียมตัวกลับสู่โลกความจริง
จากข้อมูลทั้งหมด รวมถึงจากผลการทำนายเมื่อครู่ ไคลน์ผุดทฤษฎีเกี่ยวกับวิล·อัสตินได้หนึ่งข้อ เพียงแต่ยังขาดหลักฐานยืนยัน
มันเชื่อว่า วิล·อัสตินคือหนึ่งในอสรพิษปรอท!
ในฐานะลำดับ 1 อสรพิษปรอทย่อมไม่มีแค่คนเดียว แต่มีมากสุดถึงสามคนพร้อมกัน!
อสรพิษแห่งโชคชะตา ผู้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ‘ชะตา’ ผู้สามารถระบุตำแหน่งวิญญาณดาราของศัลยแพทย์อลันและบรรจุความฝันเทียมลงไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งมีชีวิตระดับนี้ต้องมีพลังบันดาลโชคร้ายให้กับเป้าหมาย
และด้วยเหตุผลบางประการ พลังของวิล·อัสตินเริ่มอ่อนแอลงจนถูกอสรพิษปรอทตัวอื่นคุกคามหนักหน่วง การขอความช่วยเหลือจากอลัน จึงเป็นการดิ้นรนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์บางประการ
และเดาได้ไม่ยาก ว่าเหตุใดอสรพิษปรอทถึงเกิดความขัดแย้งกันเอง
การไม่มีลำดับ 0 จะทำให้มีลำดับ 1 ได้สูงสุด 3 คนพร้อมกัน แต่ถ้ามีลำดับ 0 เส้นทางดังกล่าวจะไม่มีลำดับ 1 แม้แต่คนเดียว
จากประโยคข้างตน ผนวกกับสูตรโอสถจักรพรรดิมืดในความทรงจำไคลน์ ชายหนุ่มจึงได้ข้อสรุปให้ตัวเอง
หนึ่งในวัตถุดิบหลักของโอสถจักรพรรดิมืดก็คือ : ตะกอนพลัง ‘องค์ชายวิปริต’ สองชิ้น!
องค์ชายวิปริตคือลำดับ 1 ของเส้นทางจักรพรรดิมืด!
สิ่งนี้หมายความตรงตัวว่า ถ้าลำดับ 1 ของเส้นทางต้องการพัฒนาไปเป็นลำดับ 0 มันจะต้องฆ่าลำดับ 1 อีกสองคนเพื่อชิงตะกอนพลัง!
ด้วยความคิดดังกล่าว ไคลน์ยิ่งไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิล·อัสตินมากกว่านี้
หากทฤษฎีของเราถูกต้อง ข้อพิพาทดังกล่าวจะเป็นศึกระหว่างเทพของจริง คงไม่ใช่ฉลาดนักหากนำพาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงกึ่งกลางสมรภูมิ…
ไคลน์ห่อหุ้มร่างกายด้วยพลังวิญญาณและส่งตัวเองกลับมายังโลกจริง ปล่อยให้พระราชวังโบราณเหลือเพียงความว่างเปล่า
…
เขตราชินี ภายในบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีลักษณะไม่โดดเด่นสะดุดตา ชุมนุมลับของมิสเตอร์ A ใกล้จะถูกจัดขึ้นตามกำหนด
ฟอร์สและซิลเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย คอยเดินตามไวเคาต์กายลิน ผู้สวมหน้ากากเหล็ก เข้าไปในห้องโถงหลักและเลือกเก้าอี้นั่งเป็นหลักแหล่ง
ก่อนชุมนุมจะเริ่มขึ้น ไวเคาต์กายลินเขียนความประสงค์ของตนลงบนกระดาษและส่งให้ผู้ช่วย มันภาวนาต่อเทพธิดา ขอให้วันนี้มีคนนำวัตถุดิบตรงตามความต้องการมาเสนอขาย
เฉกเช่นทุกครั้ง ฟอร์สแสดงพฤติกรรมเฉื่อยชา มีการเลื่อนผ้าคลุมหัวลงมาปกปิดใบหน้าเป็นบางคราว
เธอกำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลอับราฮัมและการตายของมิสเตอร์ลอว์เรนซ์
หญิงสาวทราบดี ‘เพชร’ จากศพชายชราเป็นสิ่งใดไม่ได้นอกจากตะกอนพลังของลอว์เรนซ์ แต่เธอก็ไม่ทราบว่าเป็นของโอสถชนิดใดและลำดับเท่าไร
ฟอร์สพลิกเปิดอ่านเนื้อหาในสมุดบันทึก แต่ด้านในกลับไม่มีสิ่งใดสำคัญเขียนไว้ หากไม่ใช่หน้าเปล่า ก็จะเป็นอักขระซับซ้อนเกินกว่าความเข้าใจของเธอ
ช่างมันเถอะ ไม่สำคัญสักหน่อย เราต้องรักษาสัญญากับเขา… ฟอร์สเตือนสติ
ทันใดนั้น มิสเตอร์ A ผู้นั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่และแต่งกายด้วยชุดคลุมหรูหรา พลันเปล่งเสียงอันแหบพร่าไปทั่วห้อง
“ข้ามีภารกิจ จงช่วยข้าตามหาผู้ศรัทธาของเดอะฟูล!”
เห…?
ฟอร์สรู้สึกราวกับถูกค้อนทุบเข้าท้ายทอย
……………………