“ฮ่า ๆ ๆ! เป็นขันทีก็ต้องตัดเจ้าโลกออก ใช่ ตัดเลย!” เสี่ยวหงไม่กลัวใต้หล้าจะวุ่นวายเลย
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น “จิ่วเยี่ย ไม่ได้นะ! ข้าไม่อยากมีสัตว์พันธสัญญาเป็นขันที”
“กล้าบอกรักซี หากไม่ตัดเจ้าโลกให้เป็นขันที เช่นนั้นก็ต้องฆ่าทิ้ง!”
“จิ่วเยี่ย!” เจ้าหมอนี่หึงให้มันน้อย ๆ หน่อยไม่ได้หรือยังไง!
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น และกล่าวว่า “จะให้ข้าปล่อยเจ้าแมวบ้านั่นก็ได้ แต่ซีต้องบอกรักข้าก่อน เป็นเช่นไร?”
“ข้าไม่เคยได้ยินคำนั้นมาก่อนเลยสักครั้ง” จิ่วเยี่ยกระซิบเสียงแผ่ว
มู่เฉียนซีเงยหน้ามองจิ่วเยี่ย ใบหูร้อนผ่าวเล็กน้อย ต้องพูดคำสามคำนั้นกับจิ่วเยี่ยจริง ๆ เหรอ?
จิ่วเยี่ยขยับเข้าใกล้ใบหน้าของมู่เฉียนซีมากขึ้น ไอร้อนนั้นได้แผ่ซ่านมากระทบใบหน้าของนาง ทำให้ใบหน้าขาวนวลนั้นร้อนผ่าวจนแดงก่ำขึ้นแล้ว
“อยู่ต่อหน้าข้า ซีไม่ต้องเขิน!”
“ข้า…”
“ข้าว่าวันหลังดีกว่านะ!”
“ไม่ได้ เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะทำให้เจ้าแมวนั่นเป็นแมวขันทีอย่างไม่สนใจอะไรเลย”
มู่เฉียนซีแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว อู๋ตี้นะอู๋ตี้! เจ้าช่างชอบหาเรื่องให้นายของเจ้าจริง ๆ เลย
มู่เฉียนซีเอามือคล้องคอเขา หอมแก้มเขาเบา ๆ หนึ่งครั้ง และกล่าวเสียงต่ำว่า “จิ่วเยี่ย I love you”
ชื่อของเขาจิ่วเยี่ยฟังเข้าใจ แต่คำหลังนั้น จิ่วเยี่ยที่เข้าใจภาษาของหลาย ๆ เผ่ากลับฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว
มู่เฉียนซีผลักจิ่วเยี่ยที่กำลังงุนงงอยู่ออก และรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิบนใบหน้าของนางนั้นยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
“อย่างไรเสียข้าก็ได้พูดออกไปแล้ว หากเจ้าฟังไม่ออกมันก็เรื่องของเจ้า”
“ข้ายังต้องรีบเก็บของล้ำค่าเหล่านี้นะ ประเดี๋ยวหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีเปลี่ยนใจเอาจะแย่”
มู่เฉียนซีรีบถอยตัวห่างจากเขาอย่างรีบร้อน มุมปากของจิ่วเยี่ยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะฟังไม่เข้าใจ แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความในใจของซี
เขาสามารถเดาได้ว่าภาษาแปลกประหลาดนั้นหมายความว่าเช่นไร
เมื่อหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกลับมาก็ได้เห็นคลังเก็บของล้ำค่าของพวกเขาถูกมู่เฉียนซีเก็บกวาดไปเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว เขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกโกรธ แต่ยังรู้สึกว่ามันคุ้มค่าอีกด้วย
สาวน้อยผู้นี้ต้องเป็นตัวนำโชคของพวกเขาเป็นแน่!
หลังจากที่ได้ปรึกษากับเหล่าผู้อาวุโสในเผ่าแล้ว หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็ได้นำป้ายคำสั่งเผ่ามังกรอัคคีของพวกเขามาให้กับมู่เฉียนซีและเฮยเย้า
“พลังความแข็งแกร่งของฝ่าบาทเฮยเย้าได้ถึงระดับที่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว พวกเราเผ่ามังกรอัคคียอมมอบป้ายนี้ให้ โปรดฝ่าบาทเฮยเย้ารับเอาไว้ด้วย ส่วนวิธีการใช้ หัวหน้าเผ่ามังกรไม้คงจะบอกกับฝ่าบาทแล้ว”
เฮยเย้ารับป้ายนี้มาด้วยสีหน้าอันนิ่งสงบ!
จากนั้นหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็กล่าวขึ้นว่า “แม่นางมู่ ขอบคุณในความใจกว้างของเจ้ามาก มีผลึกราชาอัคคีเช่นนี้ เหล่าบรรดาผู้อาวุโสที่ไม่สามารถทะลวงพลังวิญญาณได้เนื่องจากพลังวิญญาณในแดนมังกรไม่เพียงพอ ต่อจากนี้ก็คงจะทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับการต่อสู้ครั้งใหญ่ เผ่ามังกรของพวกเราก็มีโอกาสที่จะชนะมากขึ้น”
“นึกไม่ถึงเลยว่าผลึกราชาอัคคีนั้นจะมีประโยชน์มากถึงเพียงนี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพลังธาตุอัคคี มีประโยชน์มากอยู่แล้ว” หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ในเมื่อมันสามารถทำให้พลังความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรอัคคีของพวกเจ้าเพิ่มขึ้นได้ และสามารถช่วยในการต่อสู้ในภายภาคหน้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะให้พวกเจ้าเพิ่มอีกชิ้น!” มู่เฉียนซีเอาผลึกราชาอัคคีขนาดเท่ากำปั้นออกมาชิ้นหนึ่งพลางกล่าว
อาถิงบอกเอาไว้ว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อวิญญาณกระบี่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาวิญญาณกระบี่เจอ แบ่งมันมาใช้แก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันก่อนก็แล้วกัน
ยิ่งพลังของเผ่ามังกรแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เมื่อถึงตอนนั้นจิ่วเยี่ยก็จะได้ไม่ต้องออกแรงเยอะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาสูญเสียพลังมากเกินไปและไม่ให้คำสาปกำเริบขึ้นได้ง่าย
“นี่เจ้า เจ้า…นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีผลึกราชาอัคคีชิ้นใหญ่ถึงเพียงนี้!”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีเบิกตากว้างจ้องมองความมั่งคั่งที่ไม่อาจเทียบได้ของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! แล้วตกลงหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีจะเอาหรือไม่!”
“เอา! เอาแน่นอน! บุญคุณครั้งใหญ่นี้ของแม่นางมู่ เผ่ามังกรอัคคีของพวกเราจะจดจำเอาไว้!”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีรีบรับผลึกราชาอัคคีมาและกำลังจะวิ่งจากไป แต่สุดท้ายร่างของเขาก็ชนเข้ากับประตู
ปัง! และเขาก็หมดสติไป
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่สลบไปเพราะชนประตูหรือเพราะมีความสุขมากจนสลบไป
ถึงแม้ว่าจะได้รับป้ายคำสั่งของเผ่ามังกรอัคคีมาแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็ยังไม่คิดจะจากไปก่อน เฮยเย้ายังต้องพักรักษาตัวต่ออีกสักหน่อย
ได้สมุนไพรวิญญาณมามายเช่นนี้ นางก็ต้องปรุงยาเพื่อเพิ่มพลังให้เฮยเย้าสักหน่อย
เนื่องจากมู่เฉียนซีได้มอบผลึกราชาอัคคี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพลังธาตุอัคคีให้กับเผ่ามังกรอัคคี คนของเผ่ามังกรอัคคีจึงเคารพนับถือพวกเขาเป็นพิเศษยิ่งกว่าเผ่ามังกรไม้เสียอีก
ส่วนเฮยเย้าเมื่อฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว นอกจากจะทำการฝึกฝนแล้วก็ยังต้องประลองฝีมือกับนายน้อยมังกรอัคคีด้วยเช่นกัน
นายน้อยมังกรอัคคีในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่ามังกรอัคคี เมื่อเผชิญหน้ากับอัจฉริยะคนใหม่ของเผ่ามังกรผู้นี้เขาไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังกลัวว่าเขาจะแย่งอาจารย์ไปอีก ดังนั้นเขาจึงมาท้าประลองทุกวัน
มียาลูกกลอนของมู่เฉียนซีอยู่ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงกับนายน้อยมังกรอัคคีมาแล้ว พลังของเฮยเย้าจึงฟื้นฟูกลับมาได้เร็วมาก
นายน้อยมังกรอัคคีเผชิญหน้ากับเฮยเย้าที่ฝีมือก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว แรกเริ่มเขายังสามารถยับยั้งเฮยเย้าได้อย่างง่ายดาย แต่มาถึงตอนนี้ก็ยิ่งรับมือได้ลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาต้องสู้เฮยเย้าไม่ได้แน่
นี่ก็จะได้เวลาแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวกับเฮยเย้าว่า “เฮยเย้า พวกเราจะต้องเดินทางกันแล้ว”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวแนะนำว่า “แม่นางมู่ ไปที่เผ่ามังกรดินก่อนเถอะ พวกเผ่ามังกรดินเหล่านั้นเป็นพวกที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง โง่เขลาเบาปัญญา ส่วนเผ่ามังกรวารีนั้น…”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีชะงักคำพูดลง จากนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมาทางจมูก “หึ!”
“ทุกคนล้วนแต่ว่ากันว่าเผ่ามังกรวารีนั้นมีนิสัยอ่อนโยน ใจดี แต่อันที่จริงแล้วพวกนั้นล้วนแต่เย่อหยิ่งกันทั้งนั้น คิดจะให้พวกนั้นรับปากตกลงเกรงว่าจะไม่ง่าย แต่หากทำให้สามเผ่าตอบตกลงก่อน โอกาสที่พวกเจ้าจะชนะก็จะมีมากขึ้น”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ขอบคุณหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีมากที่เตือน เช่นนี้พวกเราไปทีเผ่ามังกรดินกันก่อนก็แล้วกัน”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าว “ข้าจะให้คนไปส่งพวกเจ้า”
นายน้อยมังกรอัคคีกล่าว “ข้าจะไปด้วย! ข้าสู้กับเจ้าเด็กผู้นี้ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะเลย! ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าข้ามีอนาคตกว่าเจ้าเด็กผู้นี้ ข้าจะทำให้ท่านอาจารย์รับข้าเป็นศิษย์ให้ได้”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเด็กนี่! เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ที่นี่แล้วฝึกฝนให้ดีก็พอ”
“ไม่เอา!” นายน้อยมังกรอัคคีขัดคำสั่ง
“ไม่เอาก็ต้องเอา!”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีแอบทอดถอนใจ อีกไม่นานการต่อสู้เพื่อตัดสินชะตากรรมของเผ่ามังกรของพวกเขาก็จะเริ่มขึ้นแล้ว หากถึงตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขา ภาระอันหนักหน่วงของเผ่ามังกรอัคคีก็จะต้องมอบให้อยู่ในกำมือของเด็กผู้นี้แล้ว
หวังว่าระยะเวลาในช่วงสั้น ๆ นี้จะสามารถทำให้เขาอยู่ด้วยตนเองให้ได้ ไม่ต้องให้พ่ออย่างเขาคอยพร่ำบ่นเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว
มีมังกรอัคคีคอยนำทาง มู่เฉียนซีและพวกก็หาที่ตั้งของเผ่ามังกรดินเจอได้อย่างง่ายดาย
เกาะที่ตั้งของเผ่ามังกรดินนั้นเป็นเหมือนลูกดินลูกหนึ่งก็มิปาน ดูจากภายนอกวิวทิวทัศน์ไม่มีความสวยงามเลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสมังกรอัคคีที่นำทางพวกเขามากล่าวขึ้นว่า “เปิดประตู! หัวหน้าเผ่ามังกรของพวกข้ามีเรื่องจะแจ้งให้หัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าทราบ”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีแผ่ซ่านพลังธาตุอัคคีออกมาเพื่อพิสูจน์ตัวตน!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ทันใดนั้นเปลือกนอกของลูกดินใหญ่นี้ก็ได้เปิดประตูออก
คนกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดคลุมยาวสีกากีเดินออกมา พวกเขามองไปที่ผู้อาวุโสมังกรอัคคีและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสสามแห่งเผ่ามังกรอัคคีจะมาที่นี่ เชิญด้านใน!”
จากนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นมู่เฉียนซี!
“แต่ว่าพวกเขา…พวกเขาก็เป็นคนของเผ่ามังกรอัคคีของพวกเจ้าด้วยเหรอ ดูเหมือนจะไม่ใช่นะ”
ผู้อาวุโสสามมังกรอัคคีกล่าว “พวกเขาไม่ใช่คนของเผ่ามังกรอัคคี แต่เป็นแขกคนสำคัญของเผ่ามังกรอัคคี ส่วนฐานะของพวกเขานั้น ประเดี๋ยวได้เจอกับหัวหน้าเผ่ามังกรดิน ข้าจะบอกเขาเอง!”