สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ที่ข้าเกิดมาได้ก็เพราะว่าเลือดของท่านมังกรวารี ข้าแผดเผาเลือดมังกรในตัวข้าให้กลายเป็นพลังสูบฉีดเข้าไปในแหวนมังกรเทพวารี บางทีอาจจะสามารถช่วยท่านมังกรวารีได้ก็ได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าจะสามารถทำเพื่อเขาได้แล้ว”
ดวงตาสีฟ้าอันอ่อนโยนของสุ่ยอู๋ซินคู่นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อมังกรวารี
เพื่อคนที่เขาเคารพและเลื่อมใสมากที่สุด ต่อให้ต้องสละชีวิตของตัวเองเขาก็ไม่ลังเล
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง “เลือดทั้งหมด นี่เจ้าอยากตายอย่างนั้นเหรอ?”
“ขอเพียงแค่สามารถช่วยท่านมังกรวารีได้ ต่อให้ตายข้าก็ยอม”
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว! เจ้าเป็นถึงหัวหน้าเผ่ามังกรวารี ทำตามอำเภอใจตัวเองเกินไปแล้ว!”
“ข้าแค่อยากจะช่วยเขา” หัวหน้าเผ่ามังกรวารีผู้หยิ่งยโสในตอนนี้ได้ใช้สายตาขอร้องอ้อนวอนมองไปที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าช่วยเขาได้ แต่ข้าจะไม่ใช่วิธีที่บ้าคลั่งของเจ้าแน่นอน”
“แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่ายังมีไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ และวิธีนั้นก็ได้ผลกว่าการที่เจ้าจะสละเลือดจนเสียชีวิตมาก”
“แต่…”
“กุญแจเทพเผ่ามังกรอยู่ที่ข้าแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
ในตอนแรกมู่เฉียนซีไม่ได้เชื่อใจสุ่ยอู๋ซินเต็มร้อย แต่หลังจากที่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ยอมสละชีวิตได้เพื่อมังกรวารี นางก็เชื่อใจเขาแล้ว
สุ่ยอู๋ซินกล่าวขึ้นด้วยความตกใจว่า “กุญแจเทพเผ่ามังกร อยู่ที่ท่านจริง ๆ เหรอ”
“อืม! ข้าได้เจอมันด้วยความบังเอิญ เพียงแต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรอยู่ที่ใดกันแน่?”
สุ่ยอู๋ซินสงบจิตใจอันตื่นเต้นนั้นของเขาลง จากนั้นก็กล่าวว่า “ต้องการจะเปิดคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรก็ต้องเปิดผนึกเกาะราชามังกรก่อน มีเพียงแค่ราชามังกรเท่านั้นที่รู้ว่าคลังเก็บของล้ำค่าอยู่ที่ใด ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรวารี ข้าก็ไม่อาจจะล่วงรู้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นได้โปรดหัวหน้าเผ่ามังกรวารีช่วยพวกเราเปิดผนึกเกาะราชามังกรด้วยเถอะนะ!”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “มันเป็นหน้าที่ที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว”
เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “นายท่าน จะไม่ทำพันธสัญญากับข้าจริง ๆ หรือขอรับ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่”
พลังความแข็งแกร่งของหัวหน้าเผ่ามังกรวารีอย่างน้อยก็เป็นถึงสัตว์เทพ แม้แต่มหาจักรพรรดิแห่งภูตก็ยังอยากจะทำพันธสัญญา แต่นางกลับ…
ดวงตาของสุ่ยอู๋ซินพร่ามัวขึ้น เขากล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของข้าเมื่อเปรียบเทียบกับท่านมังกรวารีแล้วช่างห่างชั้นกันมากนัก นายท่านไม่อยากทำพันธสัญญากับข้า ก็เป็นเรื่องปกติ”
จิ่วเยี่ยเห็นสุ่ยอู๋ซินทำท่าทางน่าสงสารเช่นนี้แล้วแววตาคู่นั้นของเขาก็พลันเย็นยะเยือกขึ้น
ให้เจ้าสัตว์เทพที่ขวางหูขวางตานี่อยู่ห่างจากซีหน่อยก็คงจะดี
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงหัวหน้าเผ่ามังกรวารี ในตอนนี้แดนมังกรเกิดความวุ่นวายขึ้น ข้าไม่สามารถพาเจ้าไปด้วยได้ เจ้าก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่ามังกรวารีเป็นผู้ที่เปิดแดนมังกรแห่งนี้ขึ้น เจ้าก็คงจะไม่อยากให้ผู้อื่นมาสร้างความวุ่นวายให้แดนมังกรนี้ต้องพังทลายลงหรอกใช่หรือไม่!”
“ดังนั้น ข้าอยากให้เจ้าเฝ้าปกป้องแดนมังกรเอาไว้”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “เป็นเพราะข้าเองที่มัวแต่หมกมุ่นเรื่องท่านมังกรวารีมากเกินไป ที่นายท่านพูดมาก็ถูก ข้าจะต้องเฝ้าปกป้องแดนมังกรเอาไว้ให้ดี”
เห็น ๆ กันอยู่ว่าซีไม่รับเจ้าหมอนี่ทำพันธสัญญา แต่เจ้าหมอนี่ยังเรียกซีว่านายท่านได้อย่างชอบใจเช่นนั้นอีก สีหน้าของจิ่วเยี่ยในตอนนี้จึงยิ่งเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“อย่าให้ข้าได้ยินว่าเจ้าเรียกซีว่านายท่านอีก” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
สุ่ยอู๋ซินสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย อันตรายแห่งความตายแผ่ซ่านออกมาจากบุรุษผู้นี้ทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าชื่อมู่เฉียนซี อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นถึงหัวหน้าเผ่ามังกรวารี การที่เจ้ามาเรียกข้าว่านายท่าน มันจะดูไม่เหมาะสม”
“ท่านมู่” สุ่ยอู๋ซินกล่าวด้วยความเคารพ
ผู้อาวุโสสามมังกรอัคคีคิดว่า ด้วยนิสัยของสุ่ยอู๋ซินแล้ว การที่มู่เฉียนซีและพวกจะทำให้เขาตอบตกลงได้นั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก
ทว่า เพียงแค่ต่อสู้ประลองฝีมือไปแค่ครั้งเดียว พูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ หัวหน้าเผ่ามังกรวารีก็ยอมมอบป้ายคำสั่งออกมาแล้ว
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ผู้อาวุโสสามมังกรอัคคีกล่าว “ท่านหัวหน้าเผ่ามังกรวารี ท่าน…ท่านกินยาผิดขวดไปแล้วหรือไม่!”
ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรวารีเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นเช่นกัน “ท่านหัวหน้าเผ่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะ ข้าว่า…ข้าว่าพวกเรามาปรึกษากันใหม่อีกครั้งเถอะขอรับ”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ท่านมู่เป็นแขกผู้สูงศักดิ์ของเผ่ามังกรวารีของพวกเรา ต่อไปต้องปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพให้มากกว่าที่เคารพข้า เข้าใจหรือไม่?”
“นี่ไม่ใช่คำสั่งของหัวหน้าเผ่าอย่างข้า แต่มันเป็นกฎ”
กฎ! เคารพคนผู้หนึ่งกลายเป็นกฎไปเสียแล้ว นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
นั่นก็หมายความว่า…คนผู้นี้เป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่บรรพบุรุษของเผ่ามังกรวารีของพวกเขาเท่านั้นที่ต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
“ท่านหัวหน้าเผ่า นี่มัน…”
“ข้าผู้เป็นหัวหน้าเผ่าได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าก็จะเข้าใจเอง”
สุ่ยอู๋ซินดูเหมือนจะอ่อนโยน แต่เมื่อถึงคราวที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่กลับไม่ยอมให้ผู้ใดได้เปล่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียว
ฐานะของสุ่ยอู๋ซินในเผ่ามังกรวารีนอกจากเขาจะเป็นหัวหน้าเผ่ามังกรวารีแล้ว เขายังเป็นบุตรของท่านมังกรวารีผู้สร้างแดนมังกรนี้อีกด้วย เรื่องใดที่เขาได้ตัดสินใจลงไปแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าที่จะเปล่งเสียงกล่าวสิ่งใดออกมา
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ท่านมู่ ท่านจะพามังกรทองน้อยไปหาที่อยู่ของเกาะราชามังกรในตอนนี้เลยหรือไม่?”
มู่เฉียนซีอดใจรอไม่ไหวที่จะเปิดเกาะราชามังกร และสุ่ยอู๋ซินเองก็อดใจรอไม่ไหวเช่นกัน
เปิดเกาะราชามังกร แก้ไขปัญหาในเกาะราชามังกร เมื่อถึงตอนนั้นก็จะได้รู้ที่อยู่ของคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรแล้ว เอาไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์มา บางทีเขาอาจจะได้เจอกับท่านมังกรวารีก็ได้
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้”
สุ่ยอู๋ซินก็อยากจะออกเดินทางไปกับมู่เฉียนซีเช่นกัน แต่การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เผ่ามังกรวารีของพวกเขาจะต้องเตรียมความพร้อมให้พร้อมถึงจะถูก
จะให้สัตว์ร้ายที่เกาะราชามังกรนั่นทำร้ายท่านมู่ไม่ได้เด็ดขาด
สุ่ยอู๋ซินได้ส่งพวกเขาไปที่ด้านนอกเผ่ามังกรวารี จากนั้นก็ได้หยุดก้าวเท้าลง ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรวารีเหล่านั้นต่างก็ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย พวกเขากลัวว่าหัวหน้าเผ่ามังกรวารีผู้สูงศักดิ์และพรสวรรค์สูงส่งผู้นี้ของพวกเขาจะหนีตามผู้อื่นไปด้วยแล้วซะอีก
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยอู๋ซิน ส่งพวกข้าแค่ตรงนี้ก็พอ พวกเจ้ากลับไปเถอะ!”
“อืม!”
หลังจากที่ออกจากเผ่ามังกรวารี ผู้อาวุโสสามมังกรอัคคีก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ท่านมู่ ข้าเองก็ต้องกลับเผ่ามังกรอัคคีไปรายงานท่านหัวหน้าเผ่าแล้ว หวังว่าท่านมู่จะสามารถหาที่อยู่ของเกาะราชามังกรเจอได้อย่างราบรื่นนะขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวถามเฮยเย้าว่า “เฮยเย้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะตอบสนองต่อเกาะราชามังกรเช่นไร?”
เฮยเย้าพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อืม! ข้ารู้ แต่ว่า…”
“แต่อะไรเหรอ?”
“ข้าต้องแผ่ซ่านพลังอำนาจของเผ่าราชาออกมา เมื่อแผ่ซ่านพลังนั้นออกมา ก็จะถูกศัตรูหาตัวเจอได้ง่ายเช่นกัน” เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะทำให้นางวุ่นวายได้
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “จะต้องกลัวอะไร เจ้าทำให้เต็มที่ก็พอ หากมีพวกที่ไม่กลัวตายกล้าเข้ามาแล้วละก็ พวกข้าจัดการเอง เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก!”
รอยยิ้มนี้ของมู่เฉียนซีทำให้เฮยเย้ามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อืม! ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
เฮยเย้าใช้สายเลือดของตัวเองนำทางไป เมื่อมาถึงสถานที่กว้างโล่งแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นการยืนยันจะต้องแผ่ซ่านพลังสายเลือดผู้เป็นราชาอย่างเต็มที่ถึงจะยืนยันได้
หลังจากที่ดวงตาคู่นั้นของเฮยเย้าได้เปลี่ยนเป็นสีทอง พลังอำนาจเผ่าราชาก็ได้แผ่ซ่านออกไปทั่วทุกสารทิศ มังกรทุกตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจของสายเลือดมังกรนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เตรียมตัวให้พร้อม”
นางเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา ส่วนจิ่วเยี่ยนั้นได้ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดแล้ว
“พลังอำนาจของเผ่าราชา นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังอำนาจของเผ่าราชาปรากฏขึ้น”
“ต้องจับตัวมังกรทองเผ่าราชานั่นให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นนายท่านจะต้องตบรางวัลให้อย่างหนักแน่นอน”
“เผ่ามังกรทอง นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีมังกรทองตัวหนึ่งตกหล่นอยู่ด้านนอกเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ!”
.