ตอนที่ 438 ลงมือทันที ฟู่อวิ๋นเซิน ‘เซี่ยเฟิงใช่ไหม’
“ไม่ ฉันจะฟ้อง” ซั่งซูเม้มริมฝีปาก พูดด้วยความแน่วแน่ “ฉันไม่ขอประนีประนอม”
มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเขียนนิยายเรื่องลำนำใต้หล้าด้วยความทุ่มเทขนาดไหน
ไม่มีนักสร้างผลงานคนไหนที่จะยอมรับการถูกใส่ร้ายว่าคัดลอกผลงานได้
“ในเมื่อเจ้าของผลงานไม่ยอมประนีประนอม ในฐานะที่เธอเป็นผู้ร่วมงานกับเรา พวกเราก็จะทำตามความต้องการของเธอค่ะ” เลขาสาวแสยะยิ้ม “คุณเฉียนอิงคะ ขอแจ้งให้ทราบในทางไม่ดีว่า คุณได้กลายเป็นคนที่สามที่จะได้เจอฝ่ายกฎหมายของเราถัดจากคุณจันเหอและคุณถงอวี่เฟยค่ะ”
เฉียนอิงหน้าซีด แทบทรุดลงไปกองบนพื้น
[อื้อหือ ชูกวงมีเดียอย่างเจ๋ง แค่จัดงานแถลงข่าวก็ส่งสามคนนี้เข้าคุกไปแล้ว สมกับเป็นผู้ชนะในวงการบันเทิง]
[ฉันว่าลั่วเหวินปินก็คงอีกไม่นานแล้ว แต่เทียนสิงมีเดียมีไทม์มีเดียหนุนหลัง ดูเหมือนจะเอาลงยากอยู่]
[มีเทพอิ๋งของฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ จะไปยากอะไร นั่งรอดูวันที่เทียนสิงมีเดียจะมีจุดจบได้เลย]
“เอาล่ะค่ะ เรื่องทั้งหมดก็ได้ข้อสรุปไปแล้ว ขอจบงานแถลงข่าวไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ” หลังจากเลขาสาวให้เจ้าหน้าที่เอาตัวเฉียนอิงลงไปก็พูดต่อ “ทุกท่านกลับได้แล้วค่ะ วันนี้ซีอีโอของเราไม่ให้สัมภาษณ์”
“มีคำถามอะไรก็ถามประธานลู่ของเราได้เลยนะคะ”
ประโยคสุดท้ายบอกพวกสื่อที่ยังไม่ยอมแพ้
แต่พวกเขาก็จำต้องถอยออกไป
ใครไม่รู้บ้างว่าตอนนี้อิ๋งจื่อจินเป็นสิ่งล้ำค่าของประเทศและมหาวิทยาลัยดังๆ ไปแล้ว
ถ้าพวกเขาเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่าว่าแต่ประเทศหรือมหาวิทยาลัยชั้นนำเลย ลำพังแค่กลุ่มคนในเน็ตก็สามารถฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ ได้
จันเหอ ถงอวี่เฟย และเฉียนอิง ถูกฝ่ายกฎหมายที่รออยู่นานแล้วเอาตัวไป
“ประธานลั่ว ทางที่ดีคุณภาวนาให้ตัวเองไม่ทำเรื่องอื่นอีก” เลขาสาวเตือนด้วยความหวังดี “คุณก็รู้นะคะว่าถ้ามาหาเรื่องชูกวงมีเดีย พวกเราก็เปิดโปงคุณได้”
ลั่วเหวินปินโกรธหน้าเขียว โมโหหัวร้อน
เขายังทำเรื่องอื่นอีกจริงๆ รอแค่เปิดเผยออกมาทีละเรื่อง จากนั้นก็จะทำให้ชูกวงมีเดียลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
หนึ่งในนั้นพุ่งเป้าไปที่ซังเย่าจือ
คำพูดนี้ของเลขาสาว เขาเชื่อ
ใครก็ตามที่หาเรื่องชูกวงมีเดียย่อมไม่มีจุดจบที่ดี
“ไปเถอะ” อิ๋งจื่อจินไม่มองลั่วเหวินปิน “เดินสักพักค่อยไปกินข้าว”
เลขาสาวรีบตามไปทันที “จองโรงแรมไว้แล้วค่ะบอส”
ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานของชูกวงมีเดียก็ยุ่งมาสองวันสองคืน ต้องปลอบขวัญหน่อย
“ให้ชุดออกงานคุณหนึ่งชุด” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ไม่หักจากเงินเดือน”
เลขาสาวตะลึง “บอสใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอคะ ไปรวยมาเหรอคะ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ก็ประมาณนั้น”
ห้องทดลองที่เธอสังกัดเพิ่งมีคนมาลงทุนสามแสนล้าน
แม้พอคำนวณดีๆ แล้วจะเป็นเงินของเธอส่วนหนึ่งก็ตาม
“บอสคะ ฉันขอประกาศว่าฉันเป็นแฟนคลับเบอร์ใหญ่ของบอสค่ะ” เลขาสาวซึ้งใจจนร้องไห้ “ฉันจะไปปั่นแท็กให้นะคะ!”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ไม่จำเป็น
…
หลังจากงานแถลงข่าวจบลง เวยปั๋วก็เดือดทันที
#เทพอิ๋งเป็นซีอีโอชูกวงมีเดีย#
#ว่าด้วยตำแหน่งต่างๆ ของเทพอิ๋ง#
#ชูกวงมีเดียคือผู้ชนะ#
[เทพอิ๋งทำเวยปั๋วแตกครั้งที่เท่าไรแล้วเนี่ย]
[เทพอิ๋งของฉันฮอตปรอทแตก]
[โชคดีที่มีเทพอิ๋ง ไม่อย่างนั้นคนบริสุทธิ์ตั้งเท่าไรที่ถูกใส่ร้าย]
เลขาสาวเดินพลางอ่านเวยปั๋วแบบเรียลไทม์
ส่วนใหญ่คำที่เห็นในเวยปั๋วจะเป็น ‘เทพอิ๋งสุดยอด’ ‘เทพอิ๋งเมียฉัน’
เธอกดไลก์ให้คนที่พิมพ์แบบอันแรก ส่วนคนที่พิมพ์อันหลังเธอคอมเมนต์ว่า “เลิกฝันกลางวันได้แล้ว”
จนกระทั่งเห็นโพสต์หนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอ
แอทฉันคือแฟนคลับตัวยงของคู่จิ้นยาวิเศษ : [ทุกคน ข่าวดี ข่าวมงคลล่าสุด ฉันได้รูปประธานฟู่มาจากไลฟ์สดตอนแข่งไอเอสซีรอบชิงชนะเลิศ เขาอยู่ในกลุ่มคนดู เป็นช่วงที่เทพอิ๋งแข่งพอดี! มีรูปยืนยัน!]
ด้านล่างมีรูปถ่ายสองรูป
รูปแรกเป็นผู้ชายนั่งอยู่แถวแรกของผู้ชม เงยหน้ามองไปทางเวที
รูปที่สองเป็นเด็กสาวยืนอยู่บนเวที แววตาแน่วแน่ บุคลิกเอาอยู่
[แววตาแบบนี้ฉันจะละลายแล้ว หวานซึ้งหยาดเยิ้ม]
[ฮือออ เป็นเรื่องจริงแล้ว หวานจนร้องไห้]
[แก๊งพวกเรายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สาวๆ ยาวิเศษ สู้เขา!]
เลขาสาวกดเข้าไปในกลุ่มแฟนคลับยาวิเศษ ตั้งใจอ่านโพสต์ทั้งหมดหนึ่งรอบ จากนั้นก็กดติดตามอย่างไม่ลังเล
…
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงของชูกวงมีเดีย เธอถูกนักเรียนห้องสิบเก้าล้อมไว้
จะว่าไปก็เรื่องบังเอิญ หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จเจียงหรานก็ใจป้ำเลี้ยงยกห้องให้ไปเที่ยวกัน
ที่สุดท้ายก็คือตี้ตู
ตอนนี้หลังจากนักเรียนห้องสิบเก้าดูไลฟ์สดเสร็จก็ตรงมาที่หน้าทางเข้าชูกวงมีเดียทันที
“พ่ออิ๋ง!” ซิวอวี่โผเข้าไปกอดอิ๋งจื่อจิน “คิดถึงเธอจะตายอยู่แล้ว”
อิ๋งจื่อจินตบหลังซิวอวี่เบาๆ “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่เป็นไร”
“มันก็ไม่สู้ได้เห็นกับตาตัวเอง” ซิวอวี่พูดเสียงอู้อี้ “คิดถึงเธอจริงๆ นะ”
อันที่จริงเธอกับเจียงหรานรู้ว่าอิ๋งจื่อจินอยู่ที่โลกจอมยุทธ์
แต่ก็เหมือนหลิงเหมียนซี เพื่อความปลอดภัยของอิ๋งจื่อจิน จึงไม่ไปเจอ แค่คุยทางออนไลน์
ลูกน้องพูดเสียงเบา แต่แววตากลับเปล่งประกายตื่นเต้น “พี่หราน พี่ก็อยากกอดพ่อของพวกเราเหมือนกันใช่ไหม”
เจียงหราน “…ไสหัวไป”
เขากล้าเหรอ
ถ้าเขากล้าเข้าไป วันนี้หัวเขาหลุดไปอยู่ที่พื้นแน่
ยังไม่ต้องพูดถึงฟู่อวิ๋นเซิน เจียงฮว่าผิงนี่แหละที่จะเด็ดหัวเขาก่อน
เจียงหรานทำหน้ายู่ยี่
“ไป พ่ออิ๋ง ไปกินข้าวกัน” ซิวอวี่สงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงปล่อยมือ “เจียงหรานเลี้ยงพวกเราผลาญให้เต็มที่”
…
ตรงมุมถนน
เซี่ยเฟิงกับพวกคนคุ้มกันมารออยู่นานแล้ว
ตอนนี้พอเห็นอิ๋งจื่อจินออกมาจากตึกชูกวงมีเดีย พวกคนคุ้มกันก็ขยับแข้งขยับขา “คุณชายรอง ให้ผมไปทำให้เธอสลบตอนนี้เลยไหมครับ”
เซี่ยเฟิงขมวดคิ้ว ยกมือห้าม “คนเยอะไป รอก่อน พวกเราจะเผยตัวต่อหน้าคนเยอะขนาดนั้นไม่ได้”
แน่นอนว่าคนธรรมดาพวกนี้ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
แต่ศาลสถิตยุติธรรมทำได้
กฎข้อห้ามเด็ดขาดของศาลสถิตยุติธรรมคือ ห้ามเอาความลับของจอมยุทธ์ไปเปิดเผยต่อหน้าคนจำนวนมาก
ถึงแม้เซี่ยเฟิงจะไม่สนใจพวกข่าว แต่ก็รู้ว่าตอนนี้อิ๋งจื่อจินโด่งดังระดับโลก
แต่นี่ก็เป็นแค่โลกภายนอก เมื่อเข้าไปในโลกจอมยุทธ์ คนธรรมดาแค่คนเดียว ตระกูลเซี่ยของพวกเขายังจะฆ่าแกงตามใจไม่ได้อีกเหรอ
อีกทั้งหลังจากอิ๋งจื่อจินแต่งงานกับเซี่ยอวี้เสร็จ เธอก็คือคุณนายน้อยของตระกูลเซี่ย
นี่เป็นเรื่องที่พวกคุณหนูสายตรงของตระกูลจอมยุทธ์หลายคนอยากได้ก็ยังไม่ได้
โลกจอมยุทธ์กับโลกภายนอกตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง ต่อให้ไปตามหาทั้งโลกก็หาไม่เจอ
ทันใดนั้นคนคุ้มกันก็พูดขึ้น “คุณชายรอง ดูเหมือนพวกเขาจะไปแล้วครับ”
“ไป” เซี่ยเฟิงกวักมือ สายตาเย็นชา “ตามพวกเขาไป”
พวกคนคุ้มกันตามไป ไม่ได้นั่งรถ แต่กลับเร็วมาก
ในที่สุดก็ไปถึงโรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“รอก่อน” เซี่ยเฟิงหายใจเบาๆ “ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่ออกมาแล้ว”
พวกคนคุ้มกันกระจายอยู่รอบๆ
แต่ครั้งนี้พวกเขารอไม่นาน
สิบนาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็เดินออกจากประตูโรงแรมตามลำพัง
เซี่ยเฟิงออกคำสั่งอีกครั้ง “ตามเธอไป”
คนคุ้มกันพยักหน้า จากนั้นก็ตามอิ๋งจื่อจินไปประตูหลังของโรงแรม
ประตูหลังมีคนอยู่ไม่เท่าไร มีแค่พนักงานส่วนน้อยเดินเข้าออก
“จัดการ” เซี่ยเฟิงแสยะยิ้ม “ทำให้สลบแล้วเอาตัวไป”
คนคุ้มกันสองคนรีบเข้าไป รวดเร็วดุจเงา
พนักงานเหล่านั้นไม่สังเกตเห็น
เซี่ยเฟิงรออยู่
ในเวลานี้เองมีมือฟันมาที่คอเขาด้านหลัง
แค่ทีเดียวแต่เต็มไปด้วยกำลังภายในรุนแรง
ถึงแม้เซี่ยเฟิงก็เป็นคนมีฝีมือของตระกูลเซี่ย พรสวรรค์ทางด้านจอมยุทธ์สูงมาก แต่ด้วยอายุเท่านี้ วิทยายุทธ์จึงยังไม่สูงเท่าไร
เขาสลบไปโดยไม่แม้แต่จะทันส่งเสียง
ในเวลาเดียวกันพวกคนคุ้มกันก็ล้มกองอยู่บนพื้นทั้งหมด ไม่เหนื่อยอะไร
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าให้อวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้เสร็จก็ออกไป
“พวกโง่” อวิ๋นซานหยิบกระสอบออกมาใบหนึ่งแล้วคลุมเซี่ยเฟิงที่สลบอยู่ “ในที่สุดแกก็มา คิดว่าตัวเองฉลาดนักเหรอ”
เมื่อเทียบกับอวิ๋นซาน อวิ๋นอู้หน้านิ่งยิ่งกว่า
เขาไม่พูดอะไร แต่ลงมือทันที ยกเท้าถีบเต็มแรง
เซี่ยเฟิงสลบไปอย่างสิ้นเชิง โดนถีบก็ยังไม่ตื่น
“ไป เอาไปให้คุณชาย” อวิ๋นซานมัดกระสอบแน่นแล้วแบกขึ้นบ่า
…
อิ๋งจื่อจินกลับห้องอาหารส่วนตัวภายในโรงแรม เช็ดมือแล้วรออาหารขึ้นโต๊ะ
ซิวอวี่นั่งอยู่ข้างเธอ ทันใดนั้นได้พูดขึ้น “พ่ออิ๋ง เดือนหน้าฉันต้องกลับบ้านตระกูลซิวแล้วนะ”
“คะแนนสอบของฉันใช้ได้เลยทีเดียว ได้เจ็ดร้อยพอดี เมื่อวานทางมหาวิทยาลัยตี้ตูโทรหาอาฉันด้วย”
เธอออกห่างจากตระกูลซิว แต่ญาติเพียงคนเดียวที่ยังติดต่อเธออยู่ก็คืออาสาวของเธอ
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “อยากให้ฉันรักษามือให้ไหม”
ซิวอวี่อึ้ง “มองออกเลยเหรอ”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ยิ้มเล็กน้อย “ทำไมจะมองไม่ออก”
นับตั้งแต่เจอซิวอวี่ครั้งแรก เธอก็รู้แล้วว่าอันที่จริงซิวอวี่ถนัดซ้าย
แต่มือซ้ายของซิวอวี่มีปัญหาอย่างรุนแรง ถึงได้ใช้มือขวา
“รักษาเถอะ” ซิวอวี่เงียบไปเล็กน้อย จากนั้นถึงตัดสินใจ “พ่อฉันไม่มีข่าวคราวเลย ฉันก็จะอยู่ไปวันๆ แบบนี้ไม่ได้แล้ว ก็พอดี ใช้ข้ออ้างเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยกลับเข้าบ้านตระกูลซิวอีกครั้ง”
“อันที่จริงฉันรู้มาตลอดว่าพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น เขากับแม่ฉันรักกันมาตลอด มีความเป็นไปได้สูงว่าซิวเหยียนไม่ใช่ลูกพ่อฉัน”
ก็แค่ตอนนั้นเธอโมโหเลือดขึ้นหน้า กอปรกับมือซ้ายบาดเจ็บ
ต่อมาเธอสืบได้ร่องรอยบางอย่าง ถึงใจเย็นลง
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “เธอไม่เคยตามหาพ่อเหรอ”
“เคยสิ” ซิวอวี่พูดเสียงเบา “ฉันยังเคยไปโลกจอมยุทธ์ด้วยนะ แต่หาไม่เจอ”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด
ไว้อีกสองสามวันพักผ่อนพอแล้วเธอจะช่วยพยากรณ์ให้ซิวอวี่ดู
“แต่ตอนนี้มือซ้ายของฉันไม่ได้เป็นอุปสรรคมาก” ซิวอวี่เท้าคาง “พ่ออิ๋ง ไว้เธอว่างค่อยรักษา ช่วงนี้เธอคงเหนื่อยมาก พักผ่อนก่อนเถอะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า
เธอรู้สึกเหนื่อยจริงๆ
การผ่าตัดเหนื่อยไม่แพ้เรื่องอื่น ต้องใส่ใจรายละเอียด
ซิวอวี่ถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “จริงสิ เมื่อกี้เธอออกไปไหนมาเหรอ”
อิ๋งจื่อจินรินไวน์ให้ตัวเองพลางตอบอย่างใจเย็น “ตกปลา”
ซิวอวี่ “?”
…
เมื่อเซี่ยเฟิงฟื้นก็รู้สึกแค่ว่าปวดคอมาก ปวดจนแทบเงยหัวไม่ขึ้น
อีกทั้งร่างกายก็มีความเจ็บปวดมาเป็นระลอก
ติดกับแล้ว!
เซี่ยเฟิงนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ แต่กลับจำอะไรไม่ได้เลย
เขาลองรวบรวมกำลังภายใน แต่ก็รวบรวมไม่ได้
แม้แต่เรี่ยวแรงสักนิดก็ไม่มี
เซี่ยเฟิงเงยหน้าขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในกรงสีดำ สีหน้าเปลี่ยนไปมากทันที
จริงๆ แล้วกำลังภายในก็คือพลังชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกายมนุษย์
พวกจอมยุทธ์ได้เรียนรู้การใช้ประโยชน์จากพลังชนิดนี้ผ่านคัมภีร์ลับวิทยายุทธ์ เพื่อขยายความสามารถให้ถึงขีดจำกัดของมนุษย์
แต่ตราบใดที่เป็นพลังก็ย่อมถูกกดเอาไว้ได้
กรงแบบนี้มีเฉพาะที่ศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้น
ทำมาจากแร่ชนิดหนึ่งที่บรรพบุรุษของจอมยุทธ์ค้นพบเมื่อนานมาแล้ว
ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ที่วิชาแก่กล้าเพียงใด เมื่อถูกขังอยู่ในกรงนี้ก็ไม่มีทางใช้กำลังภายในได้
ศาลสถิตยุติธรรมใช้กรงแบบนี้สำหรับลงโทษจอมยุทธ์ที่ทำผิดกฎ
ตระกูลเซี่ยมีเส้นสายในศาลสถิตยุติธรรม
เซี่ยเฟิงคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงถูกขังอยู่ในนี้
เขามองสังเกตรอบตัวด้วยความระแวง พบว่าที่นี่คือห้องใต้ดินในคฤหาสน์ร้าง
อับชื้นไร้แสง มดแมลงไต่ยั้วเยี้ย
พวกคนคุ้มกันของเขาก็สลบอยู่ข้างๆ ถูกขังอยู่ในกรงเดียวกัน
“ใคร!” เซี่ยเฟิงระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ “ยังไม่รีบปล่อยฉันออกไปอีก ไม่มีหมายจับก็มาจับกันเลยเหรอ”
ประตูห้องใต้ดินถูกเปิดออกในเวลานี้
คนที่เข้ามาคืออวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้ ทั้งสองคนใส่หน้ากาก
แววตาของเซี่ยเฟิงเย็นชาลงทันที “ทำอะไร ยังไม่รีบปล่อยฉันอีกเหรอ รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร”
มีเสียงหัวเราะ “ต้องรู้อยู่แล้ว”
ต้นเสียงกลับไม่ใช่อวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้
เซี่ยเฟิงขมวดคิ้ว
เขาเงยหน้า ถึงได้สังเกตเห็นว่าในห้องใต้ดินยังมีคนที่สามอีก
เป็นผู้ชายร่างสูงผึ่งผาย
ใส่หน้ากากเหมือนกัน มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง
แต่บุคลิกยิ่งใหญ่จนน่ากลัว
ชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง
ตอนเซี่ยเฟิงเจอพวกผู้อาวุโสในตระกูลเซี่ยหลายคนที่ฝึกมาถึงร้อยปีก็ยังไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม ในดวงตาดอกท้อมีรอยยิ้มเย็นชา “ตระกูลเซี่ย เซี่ยเฟิง ใช่ไหม”