ตอนที่ 509 อิ๋งจื่อจิน ‘สมาพันธ์โอสถเหรอ บ้าบออะไร’
พอคำพูดนี้ออกมาจี้อี้หางก็อึ้ง
เขาเชื่อในตัวอิ๋งจื่อจิน และก็เชื่อที่อิ๋งจื่อจินบอกว่ายาเม็ดนั้นสามารถรักษาพ่อตาของเขาให้หายดีได้
แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าอิ๋งจื่อจินยังรักษาคนได้ด้วย
แต่เวินเฟิงเหมียนพูดมาขนาดนี้ก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริง
“ใช่ ฉันอยากเห็น ทำไมเหรอ” หลังจากจี้อี้หยวนหายอึ้งก็พูดประชด
“รักษาโรคเป็นไม่ใช่เหรอ งั้นอธิบายมาสิว่าทำไมตอนนี้ถึงเกิดเรื่องขึ้น”
“คุณเหยียนอันเหอมองออกตั้งแต่แวบแรกว่ายาเม็ดนั้นไม่ควรกิน ทำไมแกถึงมองไม่ออก”
“อืม รอกลับไปก่อน” เวลานี้อิ๋งจื่อจินยังอยู่ยุโรป กำลังวิดีโอคอลคุยกับเวินเฟิงเหมียน
“พ่อคะ พ่อพาลุงรองออกไปก่อน ห้องสอบสวนอากาศเย็นชื้น ไม่ดีต่อสุขภาพ”
เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า ยื่นน้ำให้จี้อี้หางหนึ่งขวด “พี่รอง ไปก่อนเถอะ”
จี้อี้หยวนสีหน้าแย่ลงไปมาก “มีสิทธิ์อะไรมาเอาตัวเขาไป เวินเฟิงเหมียน แกยังไม่ได้สืบทอดตระกูลจี้”
พ่อของคุณนายจี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิของตระกูลจี้ ต่อให้คุณนายจี้ไปขอร้องศูนย์ในด้วยตัวเองก็ไม่มีประโยชน์
“โทษทีนะ ฉันเพิ่งเลื่อนขึ้นไปอยู่อันดับยี่สิบแปดของชาร์ตผลงาน” เวินเฟิงเหมียนตอบอย่างไม่รีบร้อน
“มีคุณสมบัติค้ำประกันได้”
จี้อี้หยวนโกรธจนหน้าเขียว “แก แก…”
เวินเฟิงเหมียนเพิ่งกลับเข้าตระกูลจี้มาไม่เท่าไรก็ก้าวกระโดดไปอยู่สามสิบอันดับแรกแล้วเหรอ
อีกอย่างเขาส่งคนไปแยกเวินเฟิงเหมียนออกไปแล้ว
ทำไมเวินเฟิงเหมียนถึงกลับมาที่นี่ได้เร็วขนาดนี้
จี้อี้หยวนทำได้เพียงมองเวินเฟิงเหมียนพาจี้อี้หางออกไป
สีหน้าของเขาบึ้งตึง ยืนอยู่หน้าห้องสอบสวน กดโทรออก
“สวัสดีครับคุณเหยียน ผมขอเจอหลานสาวคุณได้ไหมครับ ผมอยากถามเกี่ยวกับเรื่องยาหน่อยครับ”
เป็นต้นว่า ทำอย่างไรคนป่วยหนักถึงจะตายได้
…
หลังจากจี้อี้หยวนออกจากศูนย์วิจัยก็ไปเจอเหยียนอันเหอที่ร้านกาแฟใจกลางเมือง
พอการแข่งขันแรลลี่จบลง เหยียนอันเหอก็กลับจากยุโรปทันที ไม่ได้อยู่ต่อ
อย่างไรเสียเธอก็ยางระเบิดต้องออกจากสนามตั้งแต่ระยะทางแรกๆ น่าขายหน้าเกินไปจริงๆ
จี้อี้หยวนเล่าเรื่องเมื่อตอนเย็นให้ฟัง
“ค่ะ ฉันแน่ใจ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้” เหยียนอันเหอตอบ “อาการของเขาไม่เป็นอย่างที่ฉันบอกเหรอคะ”
“เหมือนครับ เหมือนมาก” จี้อี้หยวนพยักหน้า
“ผมเชื่อในฝีมือการรักษาของคุณอันเหอ ผมมาครั้งนี้เพราะอยากถามคุณอันเหอว่ามีวิธีที่จะทำให้คนป่วยหนักตายไปเลยไหมครับ”
มือของเหยียนอันเหอที่กำลังดื่มกาแฟถึงกับชะงัก พูดด้วยความตกใจ “คุณอยาก…”
จี้อี้หยวนยิ้ม “คุณอันเหอครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมก็แค่ลองถามดู”
เหยียนอันเหอพูดไปหลายชื่อ “ใช้ยาพวกนี้เห็นผลไว ตรวจสอบได้ยากค่ะ”
“ขอบคุณครับคุณอันเหอ” จี้อี้หยวนได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ออกไปทันที
เหยียนอันเหอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ค่อยๆ ดื่มกาแฟ
สติปัญญาของจี้อี้หยวนต่ำไปหน่อย แต่คำพูดของเขามีน้ำหนักมากในตระกูลจี้ มีประโยชน์ต่อเหยียนรั่วเสวี่ยป้าของเธอมาก
เธอช่วยได้ก็ช่วย
…
เช้าวันต่อมา
ทีมคุ้มกันของศูนย์ในมาอีกครั้ง คนที่ตามมาด้วยยังมีจี้อี้หยวนอีกคน
มีข่าวมาจากทางห้องผู้ป่วยว่า อาการป่วยของพ่อคุณนายจี้ทรุดหนักลงอีกแล้ว ถูกย้ายเข้าห้องไอซียู
ทุกร่องรอยต่างบ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องกับจี้อี้หาง
อย่างไรเสียยาที่พ่อคุณนายจี้กินเข้าไปก็จี้อี้หางที่เป็นคนเก็บไว้ คนอื่นๆ ไปแตะต้องไม่ได้
จี้อี้หยวนแสยะยิ้ม “จี้อี้หาง ดูซิว่าครั้งนี้แกจะหนียังไงพ้น”
ลูกน้องของเขาลงมือแล้ว เตรียมทำให้พ่อของคุณนายจี้ตายอยู่ในโรงพยาบาล และจะโยนความผิดทั้งหมดไปที่จี้อี้หาง
เวินเฟิงเหมียนมีสิทธิ์ค้ำประกันได้แค่ครั้งเดียว ครั้งนี้ไม่มีแล้ว
ครั้งนี้ทีมคุ้มกันเอาตัวจี้อี้หางไปที่ห้องรับโทษ
แค่รอศูนย์ในอนุมัติเอกสารลงมาอย่างเป็นทางการก็ลงโทษจี้อี้หางได้ทันที
ลงโทษครั้งนี้ก็เท่ากับหมดอนาคตแล้วชีวิตนี้
อย่างไรเสียนักวิจัยก็ต้องใช้มือ
หากไม่มีมือก็ทำการทดลองไม่ได้
จุดจบสุดท้ายถ้าไม่ตายก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจี้ ไปเป็นขอทานข้างถนน
จี้อี้หยวนรอวันนี้มานานแล้ว เขาหยิบอุปกรณ์ลงโทษที่อยู่ข้างๆ แล้วยิ้มพลางพูด “แกว่าถ้าฉันเผามือแกจะเป็นยังไง”
มีเสียงเย็นชาดังมาจากทางประตู “ก็ลองดูสิ”
“แกมาทำไม” จี้อี้หยวนหน้าบึ้ง
“อิ๋งจื่อจิน อย่าหาว่าฉันไม่เตือน แกก็ไม่ถือเป็นคนตระกูลจี้ ยิ่งไปกว่านั้นแกก็มีผลงานติดตัวอยู่ไม่เท่าไร ทางที่ดีเจียมเนื้อเจียมตัวไว้หน่อย”
“ใส่ร้ายนักวิจัยที่มีผลงาน ลอบฆ่าผู้ทรงคุณวุฒิตระกูลจี้” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ
“ความผิดสองกระทงนี้ใหญ่มาก”
“ฉันใส่ร้ายยังไง แล้วฉันไปลอบฆ่ายังไงไม่ทราบ” จี้อี้หยวนแสยะยิ้ม “ได้ แกรักษาคนเป็น งั้นแกรู้จักสมาพันธ์โอสถหรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “ไม่รู้จัก”
สมาพันธ์ไร้ประโยชน์อะไรกัน
“ไม่รู้จักสมาพันธ์โอสถยังจะมีหน้ามาบอกว่ารักษาคนเป็น” จี้อี้หยวนทำสีหน้าดูถูก
“งั้นฝีมือการรักษาของแกก็เชื่อถือไม่ได้ คุณอันเหอเป็นสมาชิกของสมาพันธ์โอสถ แกไม่รู้จักแม้กระทั่งสมาพันธ์โอสถ จะบอกว่าคุณอันเหอผิดเหรอ”
สมาพันธ์โอสถเป็นสมาพันธ์ระดับสูงที่แพทย์แผนโบราณต่างยอมรับ
การได้กลายเป็นบุคคลระดับสูงของสมาพันธ์โอสถถือเป็นความใฝ่ฝันของพวกแพทย์แผนโบราณ
“เธอไม่ผิดหรอก ยาเม็ดนั้นไม่ควรกินจริงๆ” อิ๋งจื่อจินกอดอกพิงกำแพง เอียงหน้าเล็กน้อย
“แต่ฉันปรุงมันใหม่แล้ว”
ก็แค่ผลลัพธ์ภายนอกคล้ายกับยาตัวเดิม
ต่อให้เป็นแพทย์แผนโบราณทั่วไปก็มองไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหยียนอันเหอที่เพิ่งเข้าสู่วงการแพทย์แผนโบราณ ยังไม่ถือเป็นศิษย์มีครูเลยด้วยซ้ำ
“ล้อเล่นอะไรน่ะ” บนหน้าผากจี้อี้หยวนมีเส้นเลือดปูด
“แกคิดว่าตัวเองเป็นแพทย์แผนโบราณ แกปรุงมันใหม่ฤทธิ์ยาก็จะเปลี่ยนงั้นเหรอ”
ความรู้ที่เขามีต่อแพทย์แผนโบราณมีจำกัด ก็แค่เคยได้ยินเหยียนอันเหอพูดถึง
ยาทุกเม็ดที่ถูกปรุงขึ้นมาได้ล้วนต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ความเป็นไปได้ที่จะทำขึ้นมาใหม่อีกครั้งต่ำกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์
“ถ้างั้นฉันยังมีอีกวิธี” จี้อี้หยวนทำเสียงจึ๊ “ฉันจะเชิญคุณเหยียนอันเหอมารักษาให้พ่อตาของแก แลกกับการที่พวกแกไปจากตระกูลจี้ เป็นไง”
บอกว่าไปจากตระกูลจี้ แต่ในความเป็นจริง ผลพวงจากการไปจากตระกูลจี้ก็คือตาย
“ไม่ยังไง” เวลานี้สีหน้าโกรธแค้นบนใบหน้าจี้อี้หางได้หายไปแล้ว กลับมาสุขุมเหมือนเดิม
“โทษทีที่ฉันแกล้งเล่นละคร”
“เล่นละครอะไร” จี้อี้หยวนขมวดคิ้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
“จี้อี้หาง แกพูดมาให้รู้เรื่อง!”
“ก็บอกแล้วว่าเล่นละครไง” จี้อี้หางจัดเนคไทให้ดี
“ไม่อย่างนั้นแกคิดว่าลำพังแค่ตัวแกจะสามารถทำให้เฟิงเหมียนอยู่ข้างนอกหกชั่วโมงได้เหรอ คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
ตอนนี้จี้อี้หยวนสูญเสียอิทธิพล แต่เนื่องจากเวินเฟิงเหมียนได้สถานะและแต้มผลงานคืน จึงเป็นบุคคลที่ทางศูนย์ในให้ความสำคัญ
ถึงแม้จี้อี้หยวนจะมีเส้นสายกว้างที่สุดในตระกูลจี้ แต่ก็ไม่มีทางมีอำนาจล้นฟ้า
“ละ…เล่นละครเหรอ” สมองของจี้อี้หยวนเริ่มไม่พอใช้ “จี้อี้หาง แกหมายความว่าไงกันแน่”
“อ้อจริงสิ อันที่จริงพ่อตาของฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย” จี้อี้หางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เขาก็เล่นละครเหมือนกัน เขาหายดีแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้” จี้อี้หยวนสับสนอย่างหนัก “ฉันเห็นกับตาว่าเครื่องมือตรวจส่งสัญญาณฉุกเฉิน พวกหมอก็ตรวจดูแล้ว พ่อตาของแกควรต้องตายสิ!”
ถ้าแกล้งทำจะหลอกเครื่องมือเทคโนโลยีขั้นสูงของปัจจุบันได้เหรอ
เขาจับตาดูมานาน หลังจากแน่ใจว่าไม่ผิดพลาดแล้วถึงได้รายงานไปที่ศูนย์ในทันที จากนั้นถึงบุกเข้าไป
อีกอย่างคุณเหยียนอันเหอก็พูดแล้วว่า ยาชนิดนั้นมีผลแค่กับผู้ป่วยอาการหนัก
ถ้าคนสุขภาพแข็งแรงกินจะไม่มีประโยชน์อะไร
หรือว่า…
จี้อี้หยวนอดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
อิ๋งจื่อจินจะเป็นแพทย์แผนโบราณจริงๆ!
เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นเรื่องน่าตลกที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
“เหลวไหลทั้งเพ!” จี้อี้หยวนโมโหจนหัวเราะ “จี้อี้หาง แกบอกว่าเล่นละครคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ ฉันจะบอกให้นะ แกทำได้แค่รอเก็บศพพ่อตาแกแล้ว!”
มีเสียงดุดันดังขึ้น เจือไปด้วยความข่มเหง “ใครบอกว่าฉันตายแล้ว”
“คุณนาย คุณพ่อ” จี้อี้หางรีบเข้าไปช่วยประคองชายชราเข้ามา “คุณพ่อทำไมไม่พักผ่อนให้มากๆ ครับ”
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ชายชราส่ายมือ “ร่างกายไม่ได้รู้สึกกระฉับกระเฉงแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องหรอก”
พูดจบก็หันไปมองจี้อี้หยวนด้วยสายตาดุดัน
จี้อี้หยวนตัวสั่น “ท่านผู้อาวุโส ผม…”
คุณนายจี้แสยะยิ้ม “ถ้าไม่เล่นละครให้เนียนหน่อยเพื่อให้ตายใจแล้วจะจับเต่าในไหได้ยังไง”
ไม่สิ เธอไม่ควรเปรียบจี้อี้หยวนเป็นเต่า
อย่างน้อยเต่าก็เอามาทำน้ำแกงได้
เดี๋ยวกลับไปเธอจะไปซื้อเต่าหลายตัวหน่อยเอามาลองทำเมนูใหม่
คุณนายจี้พูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แน่นอนว่าถ้านายทำตัวดีหน่อยก็จะไม่มีเรื่องอะไร พวกเราไม่อยากทำร้ายใคร แต่นายมันไม่ใช่คน”
ทำเรื่องเลวซ้ำซาก ใครจะทนนิ่งเฉยได้
จี้อี้หยวนลนลานอย่างสิ้นเชิงแล้ว “ไม่! แก พวกแก…”
มีเสียงฝีเท้าถี่เร็วดังขึ้นอีกครั้ง
พอจี้อี้หยวนหันไปมองที่ประตูสมองก็ตื้อไปหมด แทบระเบิดในทันที