ตอนที่ 125 เตรียมการล่วงหน้า
เมืองปี้ไห่ หนานเต่า
สี่ทุ่มแล้ว เมืองที่อยู่ทิศใต้สุดแห่งมาตุภูมิยังคงเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง มีชีวิตชีวา มีคลื่นสีฟ้าจากทะเลและท้องฟ้าซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด มีแคมป์ไฟบนชายหาดทอดยาวหลายกิโลเมตรในบริเวณใกล้เคียง
คู่รักเดินกันไปตามทางทอดยาว จับมือกันเดินตามทางที่มีต้นมะพร้าวเรียงราย ลมทะเลพัดเข้ามาช้าๆ อากาศอบอวลไปด้วยความโรแมนติก
เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงคือสถานที่จัดงานทัวร์แข่งขันรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เป็นสนามสุดท้าย
ลู่เฉินยืนอยู่ภายในห้องพักชั้น 26 ของโรงแรมลี่จิ่งต้า กำลังมองชายหาดและทะเลผ่านหน้าต่างบานหนาที่สูงจากพื้นจรดเพดาน
เขาถือโทรศัพท์มือถือ กำลังคุยกับเฉินเจี้ยนหาว
หลังจากรายการทัวร์แข่งขันเขตเซินไห่จบลง ลู่เฉินกับนักร้องที่ชนะอีกเก้าคนเดินทางไปเมืองปี้ไห่พร้อมทีมงานรายการขับร้องให้ก้องจีน
หลังจากลงเครื่องมาแล้ว ในระหว่างโดยสารรถบัสไปที่โรงแรม เขาก็ได้รับสายจากลู่ซีพี่สาว
เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกบล็อกไปแล้วในเว็บไซต์หลางเฉาป๋อเค่อ
ลู่เฉินไม่รู้สึกเกินความคาดหมายเลยสักนิด เพราะเฉินเจี้ยนหาวเคยเตือนไว้ก่อนแล้ว จินหงเหว่ยไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่
เมื่อเห็นการทัวร์ทั่วประเทศของรายการขับร้องให้ก้องจีนใกล้จะจบลง อีกฝ่ายก็กระโดดออกมาอย่างร้อนรน
หาทางบล็อกเขา แค้นจนฝังเข้าไปในกระดูกดำ
บล็อกเกอร์ที่ชื่อ ‘เหล่าไห่นักร้องพเนจร’ อะไรนั่น ลู่เฉินได้อ่านบล็อกโพสต์ของเขาผ่านโทรศัพท์มือถือแล้ว
ก็แค่ตัวตลกเท่านั้น!
มือปืนที่จินหงเหว่ยเชิญมาถือว่าได้มาตรฐาน บทความที่เขียนไว้ แม้แต่ลู่เฉินอ่านแล้วยังเกือบจะประทับใจ
แต่เนื้อหาสาระล่ะ แค่รูปถ่ายต้นฉบับไม่กี่ใบก็สามารถใช้เป็นหลักฐานว่าเขาขโมยความคิดได้แล้วเหรอ
ไอคิวของพวกเกรียนคีย์บอร์ดบางคนก็ต่ำเกินไป
แน่นอนว่าอีกฝ่ายมีความสามารถสูง สามารถสร้างกระแสในเว็บไซต์หลางเฉาป๋อเค่อได้มากมายถึงขนาดนี้
ลู๋เฉินต้องกดไลก์ให้จินหงเหว่ยเลย
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นพวกหน้าใหม่ที่ไร้เส้นสาย คาดว่าคงโดนแบนจนเละแน่ ต่อให้กระโดดลงทะเลใต้ไปก็ไม่มีทางล้างมลทินจนสะอาด ต้องจบลงด้วยจุดจบที่แสนเศร้า
แต่ลู่เฉินในตอนนี้ไม่ใช่ลู่เฉินที่เพิ่งเข้าร่วมโชว์คนนั้นแล้ว เขาไม่ใช่พวกหัวเดียวกระเทียมลีบอีกต่อไป เขามีแรงพลังที่คอยหนุนหลังและสนับสนุน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะบีบเค้นตามใจชอบได้อีกแล้ว!
พลังนี้ไม่ได้หมายถึงสตูดิโอของลู่เฉิน สตูดิโอในปัจจุบันยังคงอ่อนแอมากและไม่อาจรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็คือกลุ่มผู้จัดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ คือสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง!
การแข่งขันรายการทัวร์สนามเซินไห่เมื่อคืน เรตติ้งของรายการขับร้องให้ก้องจีนทะลุ 5% ไปแตะที่ 5.7%
การที่เรตติ้งทะลุ 5 จุดแสดงว่ารายการนั้นดังมาก สื่อว่ามีผลประโยชน์ด้านโฆษณานับไม่ถ้วน
และฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์นี้ไปเต็มๆ ก็คือสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งนั่นเอง
ลู่เฉินไม่กล้าบอกว่ารายการนี้ดังได้เพราะตัวเอง แบบนั้นเป็นการถือตัวและโง่เขลาเกินไป
แต่การแสดงที่โดดเด่นของเขาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้!
ในตอนนี้หากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งไม่ดึงเขาไว้ นั่นคงถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก
เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลู่เฉินเป็นคนวิเคราะห์ ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่เพิ่งโทรมาอย่างที่เฉินเจี้ยนหาวว่าไว้
“ตอนนี้นายยังไม่ถือว่าเป็นดาราดัง แต่ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างคนดังแล้ว!”
เฉินเจี้ยนหาวหัวเราะพูด “ฉันพูดแสดงความยินดีได้ไหม”
หากเป็นแค่หน้าใหม่ธรรมดา ใครจะเสียแรงขนาดนี้เพื่อแบนเขา หาเรื่องใส่ตัวรึไง?
ลู่เฉินเอ่ยด้วยยิ้มเจื่อนๆ “พี่เจี้ยนหาว พี่อย่าล้อเล่นกับผมแบบนั้นสิครับ มีคนจ้องจะฟ้องร้องผมอยู่นะ”
“ตั้งตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง!”
เฉินเจี้ยนหาวพูดอย่างมาดมั่น “นายคอยดูเถอะ คนอย่างจินหงเหว่ยเป็นแค่อะไรในปักกิ่ง? ต้องมีคนมาสั่งสอนว่าเขาควรต้องทำตัวยังไงแน่ สิ่งที่นายต้องทำก็คือเอาชนะคู่แข่ง คว้าชัยชนะการแข่งรายการทัวร์รอบสุดท้ายมาให้ได้!”
“นี่คือการโต้กลับที่ดีที่สุดของนาย!”
ถึงแม้ลู่เฉินจะไม่ใช่จำพวกวัยรุ่นเลือดร้อนที่หุนหันพลันแล่นง่ายๆ แต่เขาก็รู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดสร้างแรงบันดาลใจที่ดังกังวานและทรงพลังของเฉินเจี้ยนหาว เขาพูดไปโดยไม่ต้องคิด
“งั้นพี่เจี้ยนหาวก็รอดูนะครับ!”
“ฮ่าๆ แบบนี้สิถูกแล้ว…”
เฉินเจี้ยนหาวหัวเราะพูด “รอนายกลับมาจากปี้ไห่ มาเจอกันที่บาร์เดย์ลิลลี่ ให้ทุกคนได้เฉลิมฉลองให้นายหน่อย”
แน่นอนว่าลู่เฉินรับปาก จากนั้นจึงวางสายไป
ผลคือพอเขาเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋า โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น
คืนแรกในปี้ไห่ ลู่เฉินถูกกำหนดไว้ไม่ให้หยุดพักได้
คนที่โทรมาหาเขาคือผู้อำนวยการกู่รุ่ยผู้จัดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’
กู่รุ่ยให้ลู่เฉินไปหาที่ห้อง 2607
เพื่อการแข่งรายการทัวร์เขตปี้ไห่ในคืนวันที่ 20 สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งจองทั้งชั้น 26 ของโรงแรมลี่จิ่งต้าไว้ล่วงหน้าให้ทีมงานรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ผู้ตัดสินทั้งสี่คน และกลุ่มนักร้องที่เข้ารอบแล้ว
ลู่เฉินพักอยู่ที่ห้อง 2029 ซึ่งเป็นห้องเดี่ยว
เนื่องจากมีธุระที่ทางสตูดิโอ หลี่เฟยอวี่จึงบินกลับปักกิ่งไปก่อนแล้ว ทำให้ไม่มีใครมาปี้ไห่เป็นเพื่อนเขา
เมื่อวางโทรศัพท์ ลู่เฉินรีบออกจากห้องพักของตัวเองแล้วไปที่ห้อง 2607
เป็นผลให้เจอกับจางจวิ้นหวาและนักร้องที่เข้ารอบอีกสองคน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจะออกไปข้างนอกและตกตะลึงเมื่อเจอกับลู่เฉิน
ลู่เฉินพยักหน้าให้จางจวิ้นหวาเล็กน้อย
จางจวิ้นหวาเองก็ยิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นเดินผ่านลู่เฉินไปโดยที่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกัน
ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่กินอาหารมื้อนั้นที่ร้านอาหารไป๋ลู่ ความสัมพันธ์ของจางจวิ้นหวาและลู่เฉินก็ห่างเหินกันมาก ส่วนใหญ่พวกเขาจะทักทายเมื่อพบกัน ไม่เคยออกไปข้างนอกด้วยกันอีกเลย
สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือมู่เสี่ยวชู
เมื่อครู่ตอนที่เดินผ่านกันไป ลู่เฉินสังเกตเห็นการแสดงออกทางสายตาของจางจวิ้นหวา
เห็นได้ชัดว่ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น คาดว่าอีกฝ่ายคงรู้เรื่องที่เขาถูกแบนแล้ว
ท้ายที่สุดก็เป็นเหมือนกันหมด
ลู่เฉินมาถึงห้อง 2607 เขารีบเคาะประตู
ห้อง 2607 เป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ที่ทีมงานใช้เป็นสำนักงานชั่วคราว ในห้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวนมาก ดังนั้นจึงยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งกว่านั้นกลิ่นบุหรี่ยังลอยตลบแสบจมูก
โรงแรมจำนวนมากมีห้องสวีทพร้อมระบบดูดควันโดยเฉพาะที่ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม แต่ห้อง 2067 มีสิงห์อมควันเจ็ดแปดคนที่พร้อมใจกันจุดบุหรี่ขนาดนั้น ต่อให้เปิดพัดลมดูดอากาศเสียงดังก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้
“เสี่ยวลู่มาแล้วเหรอ…”
เมื่อกู่รุ่ยเห็นลู่เฉิน จึงโบกมือให้เขาเข้าไป
“มานี่สิ”
ลู่เฉินเดินเข้าไปอย่างมีมารยาท ก่อนกล่าวทักทาย “สวัสดีครับผู้อำนวยการเฉิน ผู้อำนวยการกู่ ผู้ช่วยจาง…”
นอกจากกู่รุ่ยแล้วยังมีอีกสองคนนั่งพักผ่อนอยู่กับพื้น เขาคือเฉินฉี รองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง มีหน้าที่นำทีมงานในครั้งนี้และผู้ช่วยของเขาเสี่ยวจาง
เฉินฉีอายุเกินห้าสิบปีแล้ว ใบหน้ารูปเหลี่ยมหูใหญ่ มีภาพลักษณ์ที่สง่างามพร้อมด้วยกลิ่นอายของบุคคลระดับสูง
เขาพยักหน้าพูด “นั่งลงสิ”
ลู่เฉินนั่งลงตรงข้ามเฉินฉี
รองผู้อำนวยการคว้าบุหรี่บนโต๊ะกาแฟแล้วถามว่า “เสี่ยวลู่ สูบบุหรี่รึเปล่า”
ลู่เฉินรีบปฏิเสธ “ขอบคุณครับผู้อำนวยการเฉิน ผมไม่สูบบหรี่”
“ไม่สูบก็ถูกแล้วละ…”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเฉินฉี “คนหนุ่มสาวควรรู้จักถนอมร่างกาย ในฐานะนักร้อง ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้าถึงจะปกป้องลำคอของตัวเองไว้ได้”
เขาหยิบบุหรี่ออกมาคีบระหว่างนิ้ว แต่ปฏิเสธไฟแช็กที่เสี่ยวจางส่งให้
เขาเล่นกับบุหรี่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ตอนนี้ทางเรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ตแล้ว มีคนจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความเสื่อมเสีย นี่ไม่ใช่แค่การต่อต้านคุณเท่านั้น แต่เป็นการยั่วยุสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งของเราด้วย”
“ผมให้เหล่ากู่เรียกคุณมา เพราะอยากจะบอกคุณว่าไม่ต้องรู้สึกมีภาระทางจิตใจอะไร เรื่องนี้จะได้รับการจัดการโดยสถานีโทรทัศน์ของเรา ผมต้องให้ความยุติธรรมกับคุณ!”
ถึงแม้ว่าจะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว แต่ลู่เฉินก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำรับรองของเฉินฉี
ในหลายๆ ครั้งเมื่อได้พึ่งพิงต้นไม้ใหญ่ ก็เป็นอะไรที่เย็นสบายดี!
เขาพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณครับผู้อำนวยการเฉิน!”
“มันไม่ใช่เรื่องของผมแค่คนเดียว…”
เฉินฉีโบกมือ “แต่ก่อนนั้น ผมมีคำถามที่สำคัญมากจะถามคุณ คุณต้องตอบตามความจริง ไม่อย่างนั้นสถานีโทรทัศน์ของเราอาจจะช่วยคุณไม่ได้”
ลู่เฉินใจเต้นขณะถาม “ผู้อำนวยการเฉิน คุณอยากถามเรื่องลิขสิทธิ์เพลงใช่ไหมครับ”
เฉินฉียิ้มเล็กน้อย“ถูกต้อง”
ไอ้หนุ่มนี่ฉลาดมาก มีอนาคต!
ลู่เฉินพูดขึ้นทันที “นั่นไม่เป็นปัญหาอะไรเลยครับ ผลงานต้นฉบับทั้งหมดของผมจดทะเบียนลิขสิทธิ์ในห้องสมุดดนตรีจีน ไม่ใช่แค่นั้น…”
สายตาของเขามองไปทางผู้ช่วยของเฉินฉี
“ผู้ช่วยจาง ผมขอยืมคอมพิวเตอร์หน่อยได้ไหมครับ”
ไม่มีทางที่ผู้ช่วยจางจะไม่รับปากให้ลู่เฉินยืมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเขา
ลู่เฉินกล่าวขอบคุณแล้วเปิดเบราว์เซอร์อย่างชำนาญ จากนั้นเข้าไปที่เว็บ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’
เขาล็อกอินเข้าไปที่หน้าบัญชีของตัวเอง ก่อนจะเลือกเพลงหรือผลงานทั้งหมดที่ขายหรือแสดงต่อหน้าสาธารณะเช่น ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ‘เธอผู้เป็นเพื่อร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘บินให้สูงขึ้น’ ‘ธุลีรักในสายลม’ เป็นต้น
ลู่เฉินเอ่ยว่า “เรื่องลิขสิทธิ์ถูกต้อง 100% และผมก็จดทะเบียนลิขสิทธิ์ต่างประเทศในยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ปของสหรัฐอเมริกา ที่สหรัฐอเมริกาด้วย!”
หลังจากตื่นขึ้นจากความฝัน ลู่เฉินก็เขียนผลงานต้นฉบับขึ้นสองชิ้นคือ ‘เธอผู้เป็นเพื่อร่วมโต๊ะของฉัน’ กับ ’ซินเดอเรลล่า’ จากความทรงจำ เขาเข้าไปที่ห้องสมุดดนตรีจีนเพื่อสอบถามและขอจดลิขสิทธิ์ทันที ต่อให้ต้องใช้เงินออมทั้งหมดก็ตาม
ต่อมาลู่เฉินหาเงินได้เยอะแล้วจึงเข้าไปจดทะเบียนในยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ปของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง
ใน ‘ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ปของสหรัฐอเมริกา’ และ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ มีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่อันหลังเป็นเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้สำหรับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ของนักดนตรีหรือองค์กรทางด้านดนตรีในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
และเพราะทั้งสองเว็บไม่ได้เชื่อมโยงกัน ดังนั้นหากต้องการจะรับรองลิขสิทธิ์ทั่วโลกของผลงานตัวเอง ก็จำเป็นต้องลงทะเบียนทั้งหมด พูดได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงทีเดียว
มีศิลปินในประเทศจำนวนมากที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ หรือไม่ก็ไม่เต็มใจที่จะจ่าย แต่ไม่ใช่กับลู่เฉิน
การป้องกันไว้ก่อนแบบนี้นี่เองที่ทำให้เขาไม่กลัวการถูกแบนในบล็อก
เฉินฉีและกู่รุ่ยมองหน้ากัน คนหน้าหัวเราะ
“เสี่ยวลู่นายนี่…ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
พวกเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะมางัดข้อแล้ว กลัวก็แต่ลู่เฉินจะตกม้าตาย
แต่ดูเหมือนลู่เฉินจะฉลาดและซับซ้อนมากกว่าที่ทั้งสองคิดไว้
ไม่เพียงแต่ในประเทศ เขาคิดถึงแม้แต่เรื่องต่างประเทศด้วย
กู่รุ่ยพูดขึ้นว่า “เสี่ยวลู่ นายดาวน์โหลดลิขสิทธิ์ผลงานพวกนี้ไว้ที เซฟไว้ในคอมพิวเตอร์ของเสี่ยวจาง”
ลู่เฉินพูด “ได้ครับ ผู้อำนวยการกู่ ผมมีอีกเรื่องที่อยากจะปรึกษากับคุณ”
“มีเรื่องอะไรนายพูดมาได้เลย”
กู่รุ่ยยิ้มแย้มอย่างสนิทสนม “ขอแค่ไม่ผิดกติกาก็พูดได้”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ผมอยากจะเปลี่ยนเพลงในการแข่งขันคืนมะรืนนี้ ไม่ทราบว่าผิดกติกาไหมครับ?”
เฉินเจี้ยนหาวบอกว่าใช้การแสดงของตัวเองเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการโต้กลับไม่ใช่เหรอ?
ถ้าอย่างนั้นเขาต้องเอาจริงเสียแล้ว!
………………………………