ขณะที่ต่อสู้กัน ผู้วิเศษเซิงรู้จักความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอมากพอแล้ว
เขาทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุกระบี่ลวงเซียน อีกทั้งยังอาจจะบรรลุกระบี่สังหารเซียนเช่นกัน
แม้กระทั่งยังพบว่าชายหนุ่มผู้นี้เหมือนจะฝึกฝนคัมภีร์พลิกฟ้า และคัมภีร์นภาหยินหยางซึ่งเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ ถึงขั้นมีเงาของคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตอยู่หลายส่วน
เขาสัมผัสได้ว่ายามที่เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมของวิเศษอย่างตราประทับตะวัน แม้จะไม่อาจแสดงพลังทั้งหมดที่อยู่ด้านในออกมาได้ แต่ก็ใช้ได้ตามใจนึก ราวกับว่าได้รับการสืบทอดสายตรงจากราชันพระอาทิตย์
เขายังทราบอีกว่าวังฝูงมังกรของเยี่ยนจ้าวเกอจะต้องมีปัญหา ไม่เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจเก็บอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเช่นกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนได้ง่ายๆ ถึงเพียงนั้น
แม้ว่าในตอนนั้นกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนจะถูกกระแทกตกออกไป ใกล้เคียงกับสิ่งของที่ไร้ผู้เป็นนายก็ตาม
ดังนั้นเขานอกจากต้องป้องกันกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าและตราประทับตะวันแล้ว ยังต้องระวังวังฝูงมังกรด้วย
ผู้วิเศษเซิงถึงขั้นแบ่งความระวังไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นอาวุธเซียนซึ่งว่ากันว่าจักรพรรดิประกายกาฬได้ทิ้งเอาไว้ชิ้นนั้น
มาตรว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ให้สำเร็จลงได้มากเกินไป เขาจึงไม่อาจไม่ระวังตัว
กระนั้นเขาก็คิดไม่ถึง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอปูทางมาเพื่อวินาทีนี้
ตั้งแต่ทะเลใต้มาถึงทะเลตะวันตก กระบวนท่าที่ควรใช้ก็ใช้ไปหมดสิ้นแล้ว การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายถึงขั้นที่ให้ความรู้สึกเคยชินจนเป็นธรรมชาติอยู่บ้าง
กระบี่หนึ่งมา กระบี่หนึ่งตอบกลับไป แต่ละคนต่างทราบว่าอีกฝ่ายใช้กระบวนท่าอันใดได้บ้าง
ถึงผู้วิเศษเซิงจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนหน้าคลุกฝุ่นมาตลอดทาง แต่ก็มีความมั่นใจว่าจะรวมตัวกับพวกนักพรตสือได้
แต่ในวินาทีที่รู้สึกได้ถึงความหวังที่สามารถพลิกจากแพ้เป็นชนะ ในตอนที่มาถึงดินแดนจิตคุณธรรม แล้วเห็นพวกกวนลี่เต๋อ นักพรตสือ เสวียนเฉิงอ๋อง…
เยี่ยนจ้าวเกอพลันใช้ท่าสังหาร!
การโจมตีนี้เป็นเหตุให้ผู้วิเศษเซิงไม่อาจตั้งตัวได้อีก!
กำปั้นที่ก่อนหน้านี้แฝงความน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต แหวกประกายกระบี่คุ้มกันกายออก ต่อยใส่จุดอ่อนที่ทรวงอก
จากนั้นก็ติดตามด้วยหมัดบดขยี้แสงสว่างตรงตำแหน่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ ทำให้หน้าอกของผู้วิเศษเซิงเปิดออกเป็นรูขนาดใหญ่ โดนทะลวงตั้งแต่ทรวงอกไปจนถึงกลางหลัง!
เลือดเนื้อ กระดูก รวมถึงอวัยวะภายในที่อยู่ระหว่างช่วงอกและท้องของผู้วิเศษเซิง ล้วนถูกทำลายเป็นผุยผง!
แม้ว่าผู้วิเศษเซิงในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดจะไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต และคัมภีร์อายุวัฒนา ทว่าพลังชีวิตก็ยังเหี้ยมหาญถึงขีดสุด
เมื่อได้รับอาการบาดเจ็บที่หนักหนาขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ได้เสียชีวิตในทันที
กระนั้นเงามืดของความตายก็ได้ครอบคลุมจิตใจของเขาแล้ว
ผู้วิเศษเซิงมองดูเขากว่างเฉิง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่เขามาที่นี่ จะได้รับความพ่ายแพ้กลับไป ไม่อาจทำลายที่อยู่ของเขากว่างเฉิงได้ กระนั้นก็ไม่มีวันคาดคิดว่า ที่นี่จะเป็นที่ฝักกระดูกของตัวเอง
เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างยากลำบาก รู้สึกเหลือเชื่อ ตนถึงกับมีวันที่ตายด้วยน้ำมือของคนที่เป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าเท่านั้น
ทว่าหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดออกมา ก็ชักมือกลับไปทันที ก่อนจะเหาะไปเขากว่างเฉิง ไม่เหลือบแลผลลัพธ์จากหมัดนี้ของตัวเองเลยสักนิด!
ผู้วิเศษเซิงเบิกตากว้าง
คนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยามนี้ต่างมองผู้วิเศษเซิงซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายตน ถูกคนรุ่นหลังที่เป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าทำร้ายสาหัสอย่างตะลึงลาน
ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด เขาแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ชีวิตก็เกือบรักษาไว้ไม่ได้!
ถึงแม้จะได้เห็นพลังของเยี่ยนตี๋แล้ว กระนั้นในตอนนี้ทุกๆ คนก็ยังคงตื่นตระหนกเหลือแสน
ในพริบตานั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยผู้วิเศษเซิงที่ได้รับบาดเจ็บหนักไป เข่นฆ่าถึงเบื้องหน้าเสวียนเฉิงอ๋องดุจพายุฝนคลั่ง!
สืบเนื่องจากภาพตรงหน้านี้น่าเหลือเชื่อเกินไป เสวียนเฉิงอ๋องจึงทรงตกพระทัยงงงันอยู่ชั่วขณะ
ทว่าพระองค์ทรงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังจะช่วยเหลือผู้วิเศษเซิง กลับคาดคิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเปลี่ยนเป้าหมายมาทางนี้ทันที
ที่ใช้ท่าโจมตีสังหารกับผู้วิเศษเซิงที่นี่ เป็นเพราะว่าเขาต้องการสะกดพระองค์ให้ชะงักไปก่อน และอาศัยความพ่ายแพ้ของผู้วิเศษเซิงข่มขวัญคนอื่นๆ ในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง
ยอดฝีมือที่ผ่านสงครามมานับร้อยดั่งเช่นนักพรตสือและเสวียนเฉิงอ๋อง แม้ว่าจะเกิดเรื่องสะเทือนขวัญกว่านี้ จิตใจก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติในชั่วพริบตา
ทว่าแค่พริบตาหนึ่งนี้ ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว!
ตราประทับตะวันร่วงหล่นใส่เสวียนเฉิงอ๋องด้วยสภาวะฟ้าถล่มทลาย
หอกยาวอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางของเสวียนเฉิงอ๋องถูกเยี่ยนตี๋สะบั้นทิ้ง แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก
พระองค์ตัดสินใจใช้กำปั้นต่างหอก แสดงวรยุทธ์ของตัวเองออกมา ต้านทานการกระแทกจากตราประทับตะวัน
ทว่าในขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ชูกระบองไม้ไผ่ในมือขึ้น แล้ววาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ
หลังจากหมุนจนจบวงก็ฟาดใส่เสวียนเฉิงอ๋อง!
เสวียนเฉิงอ๋องพอทอดพระเนตรเห็นกระบองไม้ไผ่ คล้ายนึกออกอันใด ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่อนุญาตให้พระองค์ลังเล จึงกระตุ้นการป้องกันของเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิคที่อยู่บนพระวรกายทันที
กระนั้น อัคคีเต็มฟ้าก็พลันมอดดับไป เพราะการฟาดลงมาของกระบองไม้ไผ่เจ็ดปล้อง
เงาแสงของวิหคเจ็ดชนิดพังทะลายลงตามลำดับ
แสงสว่างบนเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิหคอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ในตอนนี้ริบหรี่ลงไป
เยี่ยนจ้าวเกอได้เปรียบแล้วก็ไม่ปราณี ฟาดกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าติดต่อกันอย่างหักโหม
ขณะเดียวกันมือซ้ายก็ใช้ท่ารอยตราพลิกนภาเสริมบนตราประทับตะวัน เพื่อให้อานุภาพของตราประทับตะวันบ้าคลั่งยิ่งขึ้น
ในเวลาแค่ช่วงสั้นๆ เสวียนเฉิงอ๋องก็ทรงเข้าใจแล้วว่าไฉนก่อนหน้านี้ผู้วิเศษเซิงจึงถูกเล่นงาน จนศีรษะมีแต่รอยฟกช้ำ
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันลดทอนพลังไปส่วนหนึ่งแล้ว พระองค์ก็พยายามโต้ตอบ โดยทิ่มดัชนีหยินหยางออกเบาๆ
การโจมตีของเสวียนเฉิงอ๋องพลันเปลี่ยนทิศ กลับขวางการโจมตีจากนักพรตสือให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ
ไฟบนเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิหคมอดดับ แสงสว่างหายไปจนเกือบจะแหลกสลายไปเอง เพราะถูกกระบองไม้ไผ่ฟาดใส่
เยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันเพียงครั้งเดียว ก็เล่นงานจนเสวียนเฉิงอ๋องเกือบจะกระเด็นตกจากท้องฟ้า
ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อขณะมองเหตุการณ์นี้ ก็เกิดความรู้สึกแตกตื่นตะลึงลาน ‘เขา…คือเยี่ยนจ้าวเกอนั่นหรือ’
ยังไม่ต้องพูดถึงเสวียนเฉิงอ๋อง แม้ว่าผู้วิเศษเซิงจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด แต่ก็มีความสามารถท้าสู้กวนลี่เต๋อซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า
ในตอนนี้ผู้วิเศษเซิงกลับเกือบตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอ กวนลี่เต๋อไฉนเลยจะไม่แตกตื่น
กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับทำให้กวนลี่เต๋อที่มองดูอยู่หนังตากระตุก ‘นั่นคืออะไรกันแน่ อาวุธเซียนที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งไว้หรือ แต่ดูไม่คล้ายแม้แต่น้อย!’
ทุกคนบนเขากว่างเฉิงสบตากันยิ้ม จากนั้นก็เงยหน้าส่งเสียงตะโกนก้อง
เยี่ยนตี๋บังคังค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายให้ลอยขึ้นด้านบน พลิกจากป้องกันเป็นโจมตี!
ค่ายกลเสริมพลัง ทิศทางที่คมดาบของเยี่ยนตี๋มุ่งไปเกิดปราณดาบที่เหมือนผลักภูเขาถมทะเล ฟันใส่กวนลี่เต๋ออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ปล่อยเสวียนเฉิงอ๋อง สายตาจับอยู่ที่นักพรตสือ
นักพรตสือตอนนี้เพิ่งช่วยผู้วิเศษเซิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ครั้นถูกเยี่ยนจ้าวเกอจับจ้อง เขาก็เกิดความรู้สึกหนาวสันหลังวาบขึ้นมา
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านคือนักพรตสือกระมัง ระดับค่ายกลของท่านช่างสูงล้ำจริงๆ”
ขณะที่ชายหนุ่มพูด เขาก็ใช้กระบี่ลวงเซียน นำพาให้แสงสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ!
กระบี่นี้ไม่เพียงฟันกาลเวลาเท่านั้น ยังฟันมิติทิ้งด้วย!
ค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยาย คือค่ายกลอันน่าอัศจรรย์สำหรับเคลื่อนย้ายมิติ
ทว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้ กระบี่ลวงเซียนจึงได้ผลเป็นพิเศษ
ถ้าหากไม่ใช่คนที่บรรลุค่ายกล มาตรว่าจะเข้าใจกระบี่ลวงเซียนอย่างทะลุปรุโปร่ง คิดทำลายค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายและค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยาย ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
ทว่าปัญหานี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ไม่คงอยู่!
เขาในตอนนี้เมื่อปรากฏตัวที่นี่ มีระดับค่ายกลสูงส่งกว่านักพรตสือ!
หลังจากตรวจจับตำแหน่งไท่จี๋ติดต่อกัน กระบี่ลวงเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอก็ทำลายมิติ ค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายตรงหน้าพลันเกิดสภาวะแตกฉานซ่านเซ็น
นักพรตสือตื่นตระหนก “กระบี่ลวงเซียน?! เจ้า…”
ระหว่างที่เยี่ยนจ้าวเกอส่งเสียงหัวเราะ เขาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าแล้ว
กระบี่เล็งไปที่ผู้วิเศษเซิงที่บาดเจ็บสาหัส ได้แต่งอมือรอความตาย!
ผู้วิเศษเซิงถลึงตา ศีรษะหลุดจากร่าง กระเด็นสู่ฟากฟ้า!
………………..