บัดนี้เนี่ยจิงเสินอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ามานานแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็เป็นจอมยุทธ์ที่ผู้คนยอมรับกันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นประมุขคนใหม่บนโลกซ้อนโลกมากที่สุด
การเพิ่มระดับของพวกชิงซู่จื่อใกล้เคียงกับเขา อยู่ห่างจากระดับประมุขเพียงครึ่งก้าว และพร้อมจะก้าวข้ามได้ทุกเวลา แต่แม้จะชิงก้าวเท้าครึ่งก้าวได้ก่อน กลับไม่มีจุดที่ควรค่าแก่ความยินดีแม้แต่น้อย บนโลกซ้อนโลกเคยมีคนขี้สงสัยพูดประโยคนี้
คนที่ถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งในเหล่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนคนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสอง ก็ไม่มีข้อถกเพียงใดๆ เป็นประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าคนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสาม กลับเป็นเนี่ยจิงเสินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า!
เป็นเพราะว่าความน่าเกรงขามของประมุขทั้งสิบ คำพูดนี้กลับไม่ได้รับการยอมรับและการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
แต่สิ่งที่ต้องระวังตัวก็คือ ยอดฝีมือคนอื่นๆ รวมถึงประมุขหรดีไป๋เทาซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเนี่ยจิงเฉิน กลับไม่มีใครสืบสาวคำพูดนี้ด้วยความโมโห
มาถึงตอนนี้ คนที่ทราบเรื่องภายใน ความจริงต่างเฝ้ารอคอยว่าตอนที่เนี่ยจิงเฉิงสำเร็จเป็นประมุข ได้ครอบครองร่างของมนุษย์เซียนแล้วจะมีสภาพการณ์เป็นอย่างไร
ในอดีตเทพกระบี่น้อยหลงเสวี่ยจี้ที่ปลอมชื่อเป็นเฉียนเสวี่ยจี้เคลื่อนไหวอยู่ในโลกซ้อนโลกไม่นานเท่าไร ปัจจุบันจึงมีน้อยคนที่รู้จักเขา แต่ละคนจึงอยากจะเห็นว่าสุดท้ายแล้วคุณชายฟ้ากับกระบี่สะท้านเทพ ใครจะเหนือกว่ากัน
แต่ตอนนี้กลับเกิดตำนานใหม่ขึ้นมา
ปัจจุบันคำกล่าว ‘สองพ่อลูกเป็นเซียนผู้ถูกเนรเทศ’ เริ่มกระจายไปทั่วโลกซ้อนโลกอย่างรวดเร็ว คนที่ถูกวิจารณ์ก็คือเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก พวกเขาได้ปะทะกับจักรพรรดิเอกภพ สังหารประมุขทักษิณทิ้งในสงครามบนทะเลหวงเจีย สามารถใช้คำกล่าวนี้ได้อย่างภาคภูมิ
คนที่วิจารณ์ก็คือเนี่ยจิงเสิน ‘กระบี่สะท้านเทพ’ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดบนโลกซ้อนโลก
สองสิ่งรวมกัน ฉายาเซียนผู้ถูกเนรเทศทั้งสองแห่งตระกูลเยี่ยน ย่อมซึมซาบเข้าสู่จิตใจคนด้วยความเร็วสูง
คนจำนวนไม่น้อยทอดถอนใจว่า เริ่มเห็นความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าบนโลกซ้อนโลกอยู่หลายส่วนแล้ว
นอกจากสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิที่คอยเฝ้าอยู่แล้ว ในหลายร้อยปีมานี้ก็มียอดฝีมือซึ่งกอปรด้วยความสามารถล้ำเลิศโผล่ขึ้นมาไม่ขาดสาย
หลงเสวี่ยจี้ที่ปรากฏตัวดุจห่านตื่นคน เฉินเฉียนหัวที่วันนี้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง เนี่ยจิงเสินที่ไม่ใช่ประมุขแต่เหนือกว่าประมุข จนมาถึงเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ที่โด่งดังขึ้นในสิบกว่าปีมานี้
ทุกคนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่พันปียากพบพานในยุคที่สำนักเต๋าร่วงโรยหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
และการปรากฏตัวของพวกเขาในหลายร้อยปีมานี้ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า หลังการสั่งสมมานานหลายปีหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ในที่สุดก็จะได้ต้อนรับช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรือง
ก่อนหน้าวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงเคยฟังเรื่องเล่าของเนี่ยจิงเสินมาก่อน แต่ว่าก่อนถึงวันนี้ พวกเขากลับไม่เคยคิดเลยว่าทั้งสองฝ่ายจะเกี่ยวข้องกันในลักษณะนี้
ต่างว่ากันว่าเนี่ยจิงเสินเป็นคนที่อยู่ใกล้กับระดับประมุขมากที่สุดบนโลกซ้อนโลก ทว่าคนที่ไม่ได้มาจากเขานครหยกล้วนไม่ทราบว่าคนหนุ่มอาภรณ์ดำผู้นี้อยู่ในขั้นที่พร้อมจะก้าวเท้าก้าวนั้นออกได้ทุกเวลาแล้ว
บางทีถ้าหากว่าไม่มีเรื่องของเขากว่างเฉิงในวันนี้ เขาอาจจะก้าวเท้าก้าวนั้นไปแล้วก็ได้
และตอนนี้ พร้อมกับการแสดงท่าทีของเนี่ยจิงเสิน ก็เท่ากับบอกว่าการบุกเขตเพลิงทักษิณของเขากว่างเฉิงไม่ได้ยากเย็นอีก
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายซึ่งมีความสามารถจะสำเร็จเป็นประมุขคนอื่นๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าจะสะกดเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกในตอนนี้ได้
แม้ว่าจะก้าวเท้าก้าวนั้นสำเร็จ เขาก็ไม่คิดจะไปรับความเสี่ยงในเขตเพลิงทักษิณ
“เพียงแต่สำนักท่านสืบทอดชื่อบรรพตบูรพาสำนักเต๋า กลับจะเติบโตขึ้นในทิศใต้แล้ว” หวังผู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คนที่อยู่รอบๆ อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ดวงตาเป็นประกายสุกใส ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่
“ทุกท่าน ข้าผู้แซ่เยี่ยนมีเรื่องหนึ่งคิดไหว้วาน ขอให้ทุกท่านช่วยเหลือด้วย” เยี่ยนตี๋ครั้งนี้กล่าว “ต้องรบกวนจักรพรรดินีเป็นการเฉพาะ”
พวกเฉาเจี๋ย หลิวเจิงกู่ และหวังผู่ปั้นสีหน้าจริงจัง รู้สึกประหลาดใจอยู่ในที
เยี่ยนตี๋เป็นคนที่ทะนงตนมาก น้อยครั้งนักจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้ตอนรับแรงกดดันของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดกับสี่ประมุขผู้ยิ่งใหญ่ก็ไร้ความเกรงกลัว ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอร้อง เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ยากพบพาน
เยี่ยนตี๋กล่าว “ข้ามีศิษย์พี่ผู้หนึ่งในสำนัก ลูกหลานของเขาเกิดปัญหาขึ้น ก่อนหน้านี้ตรวจสอบไม่เจอ ต่อมาหลังจากข้าผู้แซ่เยี่ยนกับพลังฝึกปรืออันต่ำต้อยยิ่งมายิ่งสูง จึงค่อยพบเบื้องหลัง ทว่าสิ่งที่มองออกยังคงมีจำกัด ดังนั้นจึงใคร่ขอให้พวกท่านช่วยตรวจสอบดู”
เขากับเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังโดดเด่น สุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่จำเป็นต้องให้ระดับพลังมากกว่านี้ถึงจะทำได้
“เกี่ยวข้องกับนพยมโลก” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสริมด้วยความเคร่งขรึม
เป็นเพราะวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เขาจึงมีความรู้กว้างขวาง ถึงขั้นที่มองทะลุเรื่องบางอย่างที่เยี่ยนตี๋มองไม่ออก ทว่าระดับพลังฝึกปรือของเขาเพิ่งจะขึ้นสู่ขั้นสะพานเซียน จึงยังมีจุดที่ถูกจำกัดไว้
พอได้ยินชื่อนพยมโลก สีหน้าของพวกเนี่ยจิงเสิน เฉาเจี๋ย และไป๋เทาก็เปลี่ยนแป็นเคร่งขรึม
นั่นเป็นตัวตนที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับมหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เป็นดินแดนที่สกปรกโสมม เหล่ามารรุ่งเรือง มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน
นพยมโลกก็คล้ายกับได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เช่นกัน แต่ว่ามันก็ยังคงกระจายอยู่ทุกที่ คอยกัดกินโลกหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
โลกแปดพิภพในอดีตก็เคยมีประตูที่ถูกเปิดจนมารจริงแท้เกือบจะมาถึง มาวันนี้ถูกผนึกไว้ จึงค่อยทำให้โลกแปดพิภพโล่งใจ นี่เป็นขีดจำกัดที่ทุกคนทำได้ ไม่มีคนมีความต้องการจะโต้กลับ
แตกต่างจากโลกปีศาจอัคคีที่ราชาปีศาจอัคคีซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเทียบได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม อีกทั้งยังถูกเยี่ยนตี๋กางค่ายกลสังหาร
แม้ปีศาจอัคคีจะมีความได้เปรียบด้านสถานที่อย่างมหาศาล และมีพลังเพิ่มพูนขึ้นเมื่ออยู่ในดินแดนของตัวเอง แต่ว่าหลังจากพวกหยวนเจิ้งเฟิงได้เลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดง ก็ไม่มีอะไรต้องกล่าวถึงอีก
เขากว่างเฉิงที่ถูกปีศาจอัคคีโจมตีหนักหน่วงที่สุด หลังจากที่พลังในตอนนี้แตกต่างจากอดีต เป้าหมายแรกก็คือการโต้ตอบโลกปีศาจอัคคี ทำลายที่นั่นให้ราบคาบ
โลกปีศาจอัคคีในปัจจุบันกลายเป็นประวัติศาสตร์โดยสมบูรณ์แล้ว ทว่านพยมโลกกลับมีความหมายอีกแบบหนึ่ง
การรุกรานโลกแปดพิภพเป็นเพียงลักษณะพิเศษของนพยมโลก ส่วนจอมมารที่เคยเกือบมาถึงเป็นแค่แมวสามขาสำหรับนพยมโลกเท่านั้น
สิ่งที่จอมมารที่จริงแท้เล็งอยู่คือมหาจักรวาล พวกมันไม่ได้สนใจโลกเบื้องล่างอย่างเช่นโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร และโลกยมทะยานแม้แต่น้อย
ดังนั้นพอประตูนพยมโลกในโลกแปดพิภพถูกผนึก นอกจากจอมมารที่อยู่ใกล้ๆ ประตูจะรู้สึกคับข้องและไม่พอใจ ก็ไม่มีผลกระทบใดอีก
ผู้คนในโลกแปดพิภพก็ไม่มีทางไปเปิดประตูมารเอง เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของสือจวินและอิ๋งอวี่เจินมีความพิเศษยิ่ง สามารถทำให้เยี่ยนจ้าวเกอที่บัดนี้ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนไม่เข้าใจได้ หมายความว่าจอมมารที่ทิ้งตราประทับเอาไว้บนตัวของพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่
จอมมารเช่นนี้เดิมทีมีไม่กี่ตน เยี่ยนจ้าวเกอยังยืนยันไม่ได้ แต่ก็ได้กำหนดอาณาเขต เลือกเป้าหมายไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เขามีการคาดเดาในใจ เพียงแต่ไม่อาจพิสูจน์ได้เท่านั้นเอง
“นพยมโลก?” จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงที่แช่แข็งตัวเอง และไม่กล่าววาจาหลังจากพิธีเปิดสำนัก ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสนใจยิ่ง
รูปสลักน้ำแข็งเปล่งแสง เสียงดังขึ้นข้างหูของผู้คน “ลองให้ข้าดู”
“รบกวนจักรพรรดินีแล้ว” เยี่ยนตี๋มองไปยังฟางจุ่น ฝ่ายฟางจุ่นพยักหน้า ก่อนจะหยิบโลงศพน้ำแข็งโลงหนึ่งออกมา
สตรีนางหนึ่งหลับตาพริ้มอยู่ในโลงศพน้ำแข็งโปร่งใส เหมือนกับกำลังหลับใหล เป็นอิ๋งอวี่เจิน มารดาของสือจวิน ภรรยาของสือซงเทา
สือจวินก่อนหน้าถูกบอกให้รออยู่ด้านนอก ยามนี้สูดหายใจลึก รับคำสั่งและเข้ามา
………………..