ตอนที่ 1337: คลังสมบัติของตระกูลเต๋า (1)
เจี้ยนเฉินมองไปที่ ไทโตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาส หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นมา ” ไทโตว หลานจิง ซินเปียน และโมชาส พวกเจ้าถูกบังคับให้เข้าร่วมกับครอบครัวใหญ่นี้อย่างไม่มีทางเลือก ข้าจะให้โอกาสกับพวกเจ้า ถ้าเจ้าต้องการจะออกไป ข้าจะไม่ห้าม ข้าจะให้สมบัติสวรรค์บางส่วนเพื่อที่ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะสามารถเพิ่มขึ้นมาได้ นอกจากนี้ พวกเจ้าได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงานเพื่อเผ่าเต่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา”
ไทโตวคุกเข่าโดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างสุภาพ ” ท่านผู้คุมกฎ ข้าจะไม่จากไป ข้าเต็มใจที่จะอยู่ที่เผ่าเต่าตลอดไป ข้าอาจจะไม่ใช่คนในสมาชิกของเผ่าเต่า แต่ถ้าข้าสามารถกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกอาวุโสและได้ติดตามผู้คุมกฎ ข้าจะทำมันจนกว่าจะถึงวันที่หัวใจของข้าจะหยุดเต้น”
หลานจิง ซินเปียน และโมชาส ไม่ได้รีบพูดอะไรออกมา พวกเขามองกันและกันอย่างลังเล แต่เดิมพวกเขาผู้อาวุโสคุมวินัยในศาลาวิญญาณสวรรค์และได้ไล่ล่าเจี้ยนเฉินพร้อมกับกลุ่มแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ดังนั้นพวกเขาถูกบังคับให้ติดตามเจี้ยนเฉินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกันกับไทโตว
พวกเขาทั้งสามลังเลเป็นเวลานานก่อนที่จะตัดสินใจในที่สุด หลานจิงพูด ” ท่านผู้คุมกฎ เราต้องการกลับศาลาวิญญาณสวรรค์เพราะว่ามันเป็นที่ ๆ เราเกิดมา เรามีความผูกพันกับศาลาวิญญาณสวรรค์อย่างลึกซึ้ง มันเหมือนเป็นบ้านของเรา”
เจี้ยนเฉินถอนหายใจข้างในและมีความไม่ค่อยพอใจนิด ๆ กระพริบขึ้นผ่านดวงตาของเขา เขาพูด ” ข้านับถือการตัดสินใจของเจ้า เจ้าอาจจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าเจ้าอยากจะมา อย่างไรก็ตาม ข้าจะให้ของขวัญทั้งหมดกับเจ้า หลังจากเจ้าได้ช่วยเหลือเผ่าเต่ามา”
“ข้าขอบคุณท่านผู้คุมกฎสำหรับความตั้งใจของท่าน เราซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ท่านผู้คุมกฎเต็มใจให้เรากลับศาลาวิญญาณสวรรค์ ดังนั้นแล้วเราจะรับของขวัญจากท่านอีกได้อย่างไรกัน ? เราไม่มีค่าที่จะรับมัน…” ซินเปียน ตอบเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้สึกอับอายเนื่องจากพวกเขาเป็นหนี้ชีวิตเจี้ยนเฉิน จนไม่อาจมองหน้าเจี้ยนเฉินได้เมื่อพวกเขาต้องการจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม ศาลาวิญญาณสวรรค์ก็ได้ถือตำแหน่งที่เหนียวแน่นเช่นกันในจิตใจของเขา พวกเขาต้องการที่จะกลับไปจริง ๆ ถ้าสามารถทำได้
เจี้ยนเฉินยกมือขึ้นเพื่อหยุดซินเปียน เขาเอ่ยว่า “ก่อนที่เจ้าจะปฏิเสธข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าของขวัญของข้าสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถไปถึงระดับของผู้อาวุโสประจำศาลาได้ในเวลาอันสั้นที่สุด”
หลานจิง ซินเปียน และโมชาส ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ เจี้ยนเฉินอย่างตกใจ พวกเขาเดาไม่ออกในสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด อย่างไรก็ตาม เขาได้เป็นจักรพรรดิแล้วตอนนี้ ดังนั้นเขาจะโกหกได้อย่างไรกัน ? พวกเขาพบว่ามันไม่น่าเชื่อที่เจี้ยนเฉินจะให้ของที่มีค่าสำหรับเค้า
พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกละอายใจ เมื่อพวกเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินให้อิสระกับพวกเขาและยังจะให้ของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนั้นอีก
เจี้ยนเฉินพยักหน้าไปที่ทั้ง 2 คนและพูด ” เจ้าออกไปก่อนเลยก็ได้ ข้าจะส่งคนไปที่นั่นพร้อมกับของขวัญทีหลัง และเจ้าก็เป็นอิสระด้วย ข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องใด ๆ ของพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ”
หลานจิง ซินเปียน และโมชาส ทั้งหมดโค้งคำนับให้ เจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะออกไป
ด้วยการโบกมือของเขา เจี้ยนเฉินโยนแหวนให้กับฉิงยี่หยวนผู้ที่ตอนนี้จ้องมองด้วยความมึนงง เขาพูด ” ฉิงยี่ซน ตระกูลเต๋าไม่หลงเหลืออีกต่อไปในอาณาจักรทะเลจากนี้ไป นั่นเป็นแหวนมิติของเต๋าเจิ้งเทียน ลองดูมันหน่อยว่ามีของที่เจ้าต้องการอยู่ในนั้นหรือไม่ ? ” แหวนมิติลอยไปตรงหน้าฉิงยี่หยวนราวกับมีแรงที่มองไม่เห็นพยุงมันขึ้นบนอากาศ
ฉิงยี่หยวนดูเหมือนจะได้สติกลับมา นางคว้าแหวนมิติและเริ่มตรวจสอบดู ไม่นานต่อมา นางผิดหวังเล็กน้อยและพูดว่า ” มันไม่มีสิ่งที่ข้าต้องการเลย อย่างไรก็ตาม ตระกูลเต๋ามีสมบัติที่ผู้คนไม่รู้มาก่อนอยู่ สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดและสิ่งของที่สำคัญที่สุดถูกเก็บอยู่ตรงนั้น ข้าคิดว่าสิ่งของที่ถ้าตามหาอยู่ที่นั่น” นางรีบคืนแหวนมิติให้กับเจี้ยนเฉิน
“เจ้ารู้สถานที่สมบัตินั่นหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างใจเย็น แม้ว่ามันจะเป็นสมบัติของตระกูลระดับสูงที่เก่าแก่ มันแทบจะไม่มีอะไรที่เจี้ยนเฉินสนใจเลยตอนนี้ เขาไปถึงระดับใหม่ของความเข้าใจ ดังนั้นสมบัติธรรมดาจึงไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลยตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เผ่าเต่ายังขาดแคลนทรัพยากรดังกล่าวในตอนนี้ ดังนั้นสมบัติที่ตระกูลเต๋าสั่งสมมาจึงสามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้
“ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ก่อนที่เราจะไปกัน ข้าต้องมั่นใจบางอย่างกับเจ้าก่อน เจ้าเป็นเซียนจักรพรรดิหรือไม่ ? ” ฉิงยี่หยวนถามขณะที่นางจ้องมองเจี้ยนเฉิน
แม้ว่านางจะเป็นพยานส่วนตัวสำหรับการต่อสู้ของเจี้ยนเฉินกับเจ้าศาลา นางยังคงปฏิเสธที่จะเชื่อคนที่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่านางเมื่อพวกเขาเจอกันครั้งแรก ที่เขาจะสามารถกลายเป็นเซียนจักรพรรดิได้ในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ใช่เซียนราชาด้วยซ้ำเมื่อเขาได้ขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดไปจากนาง
“ข้ายังไม่ใช่เซียนจักรพรรดิ แต่ถ้าข้าต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ ละก็ ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซียนจักรพรรดิ ” เจี้ยนเฉินยิ้มเฝื่อน ๆ
ฉิงยี่หยวนคิดชั่วครู่และเริ่มมองไปที่เจี้ยนเฉินราวกับว่านางกำลังมองอสูรกาย นางพูด “ความเร็วในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้ามันน่าทึ่งมาก เจ้าควรจะสามารถเข้าไปที่คลังสมบัติลับของตระกูลเต๋า เนื่องจากเจ้ามีความแข็งแกร่งสูง เราไม่ควรยืดเยื้อเรื่องนี้ไว้นาน ดังนั้นมุ่งหน้าไปที่นั่นกันตอนนี้เถอะ”
“ท่านผู้คุมกฎ บรรพชนของตระกูลเอนหลานได้มาเยี่ยม เขาต้องการที่จะพบท่านผู้คุมกฎ” ในตอนนั้น ยามวิ่งเข้ามาจากข้างนอกและชี้แจ้งการมาของทูต
“ตระกูลเอนลานงั้นเหรอ ? ” เจี้ยนเฉินทวนชื่ออย่างนิ่ม ๆ เขาไม่คุ้นชื่อนี้เลย มันเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอำนาจในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลเต๋าเลย
” บรรพชนแห่งตระกูลซายตั๋วมาแล้ว…”
“อดีตผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหลานเซนมาแล้ว…”
“อดีตผู้อาวุโสสูงสุดรุ่นก่อนแห่งเผ่าเสี่ยวมาแล้ว ”
” ผู้.. ”
บุคคลสำคัญมากมายจากหลายองค์กรและตระกูลได้มาเยี่ยมเผ่าเต่าหลังจากตระกูลเอนหลานเข้ามา พวกเขาทั้งหมดอยู่ในองค์กรขนาดใหญ่ซึ่งได้ครอบครองเขตปกครองของตนในศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล อีกทั้งพวกเขาบางคนยังทรงอำนาจยิ่งกว่าตระกูลเต๋าเสียอีก
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว เขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป และเขาก็เพิ่งกลับมาถึงเผ่าเต่าเอง
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่มีแผนที่จะต้อนรับคนเป็นการส่วนตัว เขารู้ว่าความตั้งใจที่แท้จริงของคนพวกนั้นที่มาเพื่อยืนยันว่าเผ่าเต่ามีจักรพรรดิจริงหรือไม่ เขาทิ้งเถี่ยต้าไว้ข้างหลัง ดังนั้นเขาจะสามารถรับแขกแทนเขาได้ เจี้ยนเฉินรีบออกไปกับฉิงยี่หยวนแทน มุ่งหน้าไปที่คลังสมบัติของตระกูลเต๋า
สถานที่ของคลังสมบัติอยู่ไกลกว่า 1 แสนกิโลเมตรจากเผ่าเต่า สิ่งแวดล้อมของหนองน้ำน่ากลัวมาก มันเต็มไปด้วยอันตรายและถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกพิษตลอดทั้งปี
เจี้ยนเฉินและฉิงยี่หยวนไม่สนใจหมอกเหล่านั้นและเข้าไปในความลึก พวกเขาได้เข้าไปที่หมู่บ้านที่ดูเหมือนจะเปิดออกต่อหน้าเขา
ทันใดนั้นเงามืดได้เข้าโจมตีเขา มันชนเข้ามาราวกับแสง พุ่งไปที่ เจี้ยนเฉินและฉิงยี่หยวน มันถูกห่อหุ้มด้วยหมอกพิษ แม้แต่เซียนราชาก็ประมาทมันไม่ได้เลย
เจี้ยนเฉินไม่ได้มองไปที่มันเลย เขาเหยียดนิ้วออกและยิงปราณกระบี่ขนาดเท่ากับนิ้วมือออกไปซึ่งมันแทงทะลุเงานั้น