ตอนที่ 1402: พบบรรพชนแห่งอารามจิตพิสุทธ์ (1)
มีอีกคนกลายเป็นเซียนจักรพรรดิในทวีปเทียนหยวนหลังจากเทียนเจี้ยนและฮุสตัน ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างฉับพลัน เซียนราชาหลายคนถูกดึงดูดมาอีกครั้งแม้พวกเขาจะอยู่ไกล
ในไม่ช้าเซียนราชาหลายสิบคนก็ได้รวมตัวกัน ทุกคนลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่มองจากไกล ๆ ในที่สุดแม้กระทั่งเซียนราชาจากเผ่าพันธุ์ทะเล, สัตว์อสูร, และร้อยเผ่าพันธุ์ก็มาถึง
“ช่างเป็นพลังงานที่หนาแน่น พลังงานบริสุทธิ์ของโลกนี้มีความคล้ายคลึงกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้เมืองอัคนีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หากข้าคาดเดาถูกต้อง เจี้ยนเฉินคงอยู่ที่นี่” ผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ
“สถานที่แห่งนี้อาจถูกบดบังด้วยพลังไอหมอกของโลก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในก็ไม่สามารถหลบหนีจากสัมผัสของข้าไปได้ ข้ารู้สึกอย่างชัดเจนว่ามีคนมากกว่าหนึ่งคนบ่มเพาะในนั้น นอกเหนือจากคนที่เพิ่งจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิคนแล้ว มันก็ยังมีคนอื่นอีก” ชายชราผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้ากล่าว เขาเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเล เขาถูกห่อหุ้มด้วยชั้นแสงสีฟ้าจาง ๆ ปิดกั้นแสงแดด
“เป็นราชันเจี้ยนเฉินอีกครั้งได้อย่างไร ? ราชันเจี้ยนเฉินทำให้พวกเขาตัดผ่านได้อย่างง่ายดายเลยเช่นนี้เลยหรือ ? เขามีขุมทรัพย์ล้ำค่าจริง ๆ หรือไม่ ? ” สัตว์อสูรกล่าวด้วยความริษยาอย่างชัดเจน กว่าเขาจะบ่มเพาะเป็นเซียนราชาได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ตอนนี้ใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์กับเจี้ยนเฉินสามารถข้ามการบ่มเพาะหลายพันปีและย่อเวลาเหลือเพียงไม่กี่วันก็ประสบความสำเร็จ หลายคนรู้สึกอิจฉาเขาเพราะสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าเจี้ยนเฉินมีสมบัติที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาก็ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้าย ตอนนี้เจี้ยนเฉินเป็นจอมยุทธ์ระดับสูงสุด เขาเป็นคนที่สามารถดูถูกได้ทุกคน เขาไม่ได้เป็นเซียนราชาเหมือนที่เคยเป็นในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“ผู้คนที่ติดตามเจี้ยนเฉินช่างโชคดีเสียจริง” ผู้คนมากมายคิด เจี้ยนเฉินช่วยให้ผู้คนกลายเป็นเซียนราชาและเซียนจักรพรรดิครั้งแล้วครั้งเล่า มันทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉา พวกเขาต้องการให้ตัวเองเป็นคนที่อยู่ในหมอกแทน
หลายวันต่อมาป่าก็สงบลง นอกจากนี้ไม่ใช่แค่เจียงหยางซูเซียวที่กลายเป็นเซียนจักรพรรดิ แต่เจียงหยางซูหยวนเซียวก็ประสบความสำเร็จในการตัดผ่านเช่นกัน ในบรรดาเซียนราชาทั้งสามของสาขาซูมีเพียงเจียงหยางซูอวี้หยวนที่ยังคงเป็นเซียนราชา แต่นางก็ได้ก้าวกระโดดจากชั้นสวรรค์ที่ 1 ไปสู่ขั้นสูงสุด นางใกล้จะได้เป็นเซียนจักรพรรดิอีกคนเช่นกัน
นอกจากเธอแล้ว หวงเทียนป้าก็ตัดผ่านเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด บรรลุระดับที่ใกล้เคียงกับเจียงหยางซูอวี้หยวน หวงเทียนป้ารู้สึกยินดีอย่างมาก เขาตื่นเต้นสุดขีด
หยางหลิง ผู้พิทักษ์ที่มีความสามารถธรรมดาซึ่งเคยปกป้องเจี้ยนเฉินในเมืองแห่งเทพเจ้าก็ได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน ไม่เพียงแต่ความสามารถในการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ในที่สุดเขาก็ผ่านอุปสรรคที่ติดขัดอยู่เป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งถึงระดับที่เขาใฝ่ฝัน เซียนผู้คุมกฎ เขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นด้วยความช่วยเหลือของลูกท้อและชา มันทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งสำคัญอีกครั้ง ในที่สุดเขาไปถึงระดับเซียนราชาและหยุดอยู่ที่ชั้นสวรรค์ที่ 2
ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ของอาณาจักรฉินหวงต่างก็ได้เป็นเซียนราชาเช่นกัน ซึ่งแบ่งเป็นตั้งแต่ชั้นสวรรค์ที่ 5 ไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 8
“ข้าขอขอบคุณราชันเจี้ยนเฉินสำหรับของขวัญ ความปรารถนาอันยาวนานของเราในที่สุดก็กลายเป็นจริง และเราทุกคนก็มาถึงระดับการบ่มเพาะที่ไม่อาจจินตนาการได้” ผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่คนรู้สึกขอบคุณเจี้ยนเฉินอย่างสุดซึ้งจนถึงขั้นโค้งคำนับให้กับเขา
ความก้าวหน้าของพวกเขาสำคัญต่ออาณาจักรฉินหวงหลังจากสงครามการต่อสู้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ความแข็งแกร่งของจักวรรดิอันยิ่งใหญ่ทั้งสามได้ล่มสลาย พวกเขาสูญเสียจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เดิมอาณาจักรฉินหวงเป็นของจักรวรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะเมืองภายใต้การปกครอง แต่เมื่อพวกเขาตัดผ่าน อาณาจักรฉินหวงก็จะกลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป
แม้ว่ามรดกและอำนาจโดยรวมของอาณาจักรจะไม่ใกล้เคียงกับจักรวรรดิทั้งสามที่มีมานานหลายปี แต่ทั้งสามก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับอาณาจักรฉินหวงได้ในแง่ของเซียนราชา
เจียงหยางป้า, ลุงเจียง, และเซียนผู้คุมกฎจากสาขาซูต่างก็กลายเป็นเซียนราชาเช่นกัน มีเพียงราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนเท่านั้นที่ยังรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง เขาไปถึงระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ในตอนท้าย เซียนผู้คุมกฎของสาขาซูทุกคนต่างร้องไห้จนน้ำตาไหล พวกเขาขอบคุณเจี้ยนเฉินในสภาพที่มีน้ำหูน้ำตาไหล พวกเขาต่างคุกเข่าด้วยความซาบซึ้ง
ความโกลาหลจากการตัดผ่านของกลุ่มนี้ไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าในเมืองอัคนี แต่ก็ยังให้กำเนิดเซียนจักรพรรดิถึง 2 คนและเซียนราชาอีกเกือบ 20 คน มันทำให้เซียนราชาทั้งหมดที่มาตัวเขียวด้วยความอิจฉา
ผู้คนบางส่วนร้อนรนอย่างมาก พวกเขาต้องการคุกเข่าต่อหน้าเจี้ยนเฉินและวิงวอนขอให้พวกเขาได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนราชาและติดอยู่กับที่แบบนี้มาหลายปีแล้ว การกลายเป็นเซียนจักรพรรดิมีเสน่ห์ดึงดูดพวกเขาอย่างมาก
มีคนมากมายที่มาถึงช่วงหลังของชีวิต พวกเขาไม่มีเวลาเหลือมาก วิธีเดียวที่จะต่อลมหายใจให้พวกเขามีชีวิตรอดก็คือการได้เป็นเซียนจักรพรรดิ
ทันใดนั้นดวงตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่แคบลง เขาหันหน้าไปทางหนึ่ง จู่ ๆ มิติที่บิดเบี้ยวและยักษ์ตัวสีทองก็ปรากฏขึ้นมาทันที
ไม่แปลกใจเลยว่ายักษ์ตัวสีทองก็คือเถี่ยต้า เขาไม่ได้ใช้ประตูมิติ เขาใช้หนึ่งในทักษะลับของเขาแทน เขามาปรากฏตัวต่อหน้าเจี้ยนเฉินด้วยการข้ามระยะทางที่กว้างไกลราวกับว่าเขาหายตัวมา
“เทพเจ้าสงครามแห่งร้อยเผ่าพันธุ์ ! ”
การมาถึงอย่างฉับพลันของเจี้ยนเฉินทำให้จอมยุทธ์ในพื้นที่โดยรอบตื่นตัว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวล สัตว์อสูรได้รับผลกระทบมากที่สุด พวกเขาตอบโต้อย่างรุนแรงมากยิ่งกว่า
เจี้ยนเฉินค้นพบความแตกต่างในตัวเถี่ยต้าในครั้งนี้ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ ถ้าเถี่ยต้าเคยเป็นคนชนบทไร้ชื่อมาก่อน ปัจจุบันเขาอยู่ในฐานะผู้ปกครอง เขามีศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน
“เจี้ยนเฉิน เจ้าแบ่งให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ? ข้าต้องการช่วยเหลือร้อยเผ่าพันธุ์ด้วยเช่นกัน” เถี่ยต้าร้องขออย่างงุ่มง่าม
เจี้ยนเฉินรู้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร เขาหัวเราะเบา ๆ “เถี่ยต้า ข้าวางแผนไว้ว่าจะมอบบางอย่างให้เจ้าในอีกไม่กี่วัน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาถึงนี้ด้วยตัวเอง” เจี้ยนเฉินหยิบแหวนมิติขึ้นมาแล้วโยนมันไปที่เถี่ยต้าโดยไม่ลังเล แหวนมิตินั้นเต็มไปด้วยลูกท้อเมฆม่วงกว่าร้อยลูก ใบชาหยั่งรู้ระดับ 5 สิบใบ ใบชาหยั่งรู้ระดับ 1 อีกมากมาย มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกและน้ำจากน้ำพุแห่งชีวิตเพื่อไว้ชงชา มันมีทุกสิ่งที่เขาต้องการ
แน่นอนว่าลูกท้อเมฆม่วงในแหวนมิตินั้นไม่ใช่ระดับ 5 ทั้งหมด เจี้ยนเฉินเพิ่งพบต้นท้อเมฆม่วงอมตะระดับ 5 สามต้นในโลกจิ๋วหยานหวง ส่วนต้นอื่น ๆ นั้นเป็นระดับที่ต่ำกว่าทั้งหมด.
เขาใช้ลูกท้อเมฆาม่วงระดับ 5 มากกว่าหนึ่งร้อยผลในสองสามวันที่ผ่านมา เขาใช้เกือบครึ่งหนึ่งของทุกสิ่งที่เขามีมันเป็นผลให้ลูกท้อระดับ 5 ที่เขามอบให้เถี่ยต้ามีเพียง 10 ผล ส่วนที่เหลือเป็นระดับ 3 หรือ 4
เจี้ยนเฉินมีใบชาหยั่งรู้น้อยกว่านั้น เมื่อเขาทำชาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มของเขาเอง เขาก็ใช้เพียงสี่หรือห้าใบพร้อมกัน
เถี่ยต้าหยิบแหวนมิติขึ้นมา เขารู้วิธีเตรียมสิ่งของข้างใน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามคำถามใด ๆ
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็พูดกับเจี้ยนเฉินว่า “ข้าได้ไปที่โถงเทพเจ้าสงครามมาแล้ว มันเป็นสถานที่ที่พิเศษมากและจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับข้า ข้าบ่มเพาะเร็วกว่าปกติหลายเท่าในนั้นและมันสามารถช่วยให้ข้าเข้าใจความลึกลับของสงคราม เจี้ยนเฉิน สัตว์อสูรมีหอคอยสัตว์เทวะด้วยเช่นกัน ข้าสงสัยว่าว่ามันมีผลเช่นเดียวกับโถงเทพเจ้าสงครามหรือไม่ แต่เท่าที่ข้ารู้ มันไม่ใช่โถงศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป เจ้าควรพาเสี่ยวไป๋ที่นั่นเมื่อมีเวลา”
“ข้าจะไป” เจี้ยนเฉินตอบ เขาเคยได้ยินว่าชั้น 99 ของหอคอยสัตว์เทวะครอบครองมรดกของพยัคฆ์ปีกเทวะตัวก่อนและมีเพียงผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ สิ่งที่เขาทำได้ตอนนั้นก็คือถอนหายใจด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่มีความสามารถที่จะเข้าไปที่นั่นได้
ในโลกจิ๋วของอารามจิตพิสุทธ์ แท่นบูชาสูงตั้งอยู่ในบริเวณต้องห้าม ผงสีขาววางอยู่บนแท่นบูชาอย่างยิ่งใหญ่ มันเผยพลังแห่งการมีอยู่ที่น่าเกรงขาม
นี่เป็นอาวุธโบราณของอารามจิตพิสุทธ์ มันถูกเก็บไว้ที่นั่นเสมอ แต่ในวันนี้ ผงฝุ่นเริ่มเปล่งแสงสีขาวสลัวแม้จะไม่เคยเคลื่อนไหวผิดปกติในช่วงล้านปีที่ผ่านมาก็ตาม วินาทีต่อมา แสงก็รุนแรงขึ้นอย่างมากส่องสว่างรอบ ๆ ระลอกคลื่นที่น่าสะพรึงกลัวที่ยิงออกไปทำให้ให้มิติโดยรอบและโลกจิ๋วสั่นไหว
ปัง ! หลังจากนั้นผงฝุ่นหยกสีขาวก็พุ่งออกไป หายเข้าไปในโลกจิ๋ว
หัวหน้าอารามผู้ซึ่งกำลังดูแลบาดแผลของตัวเองในห้องลับสีหน้าเปลี่ยนทันที นางทะยานออกมาและไล่ตามผงฝุ่นด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้า ด้านหลังของนางมีเซียนราชาอีก 2 คนพุ่งขึ้นมาจากทิศทางต่าง ๆ ไล่ตามผงฝุ่นไปพร้อมกับหัวหน้าอาราม
เจียงหยางหู่สวมเสื้อคลุมเรียบง่ายเมื่อเขาโผล่ออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของอารามพิสุทธ์ เขาจ้องไปในทิศทางที่ผงฝุ่นหายไป ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์และดวงดาวดูเหมือนจะหมุนไปในดวงตาของเขา
” ข้าคิดว่าข้าเห็นความรุ่งโรจน์ ข้าคิดว่าข้าเห็นการเฉลิมฉลอง ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรือง ! ” เจียงหยางหู่พูดพึมพำในเวลาต่อมา