ตอนที่ 793 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (13)
“ชอบห้องครัวเหรอ…ใครชอบห้องครัวกันล่ะ” กู้เนี่ยนคำรามหน้าเคร่งเครียด แววตาคัดค้านอย่างไม่พอใจ เขาเกลียดห้องครัวที่สุด
เขาล้างจางจนสะอาดอย่างว่องไง เมื่อเห็นอวี๋กานกานกับฟังจือหันนั่งคุยจู๋จี๋ที่โซฟาเขาก็ไม่พอใจเล็กน้อย รู้ว่ากำลังมีความรักแต่ช่วยสนใจเขาหน่อยได้ไหม
กู้เนี่ยนทิ้งตัวลงนั่งโซฟาอย่างแรง ยกเท้าวางบนโต๊ะรับแขก แล้วพูดกับอวี๋กานกานอย่างอวดดี “พี่บอกว่าจะโทรหาพ่อ พี่อย่าลืมสิ”
อวี๋กานกานเงยหน้ามองเขา “แล้วไง ตอนนี้นายสัญญาว่าจะทำข้อตกลงกับพี่แล้วเหรอ”
ฟังจือหันที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม “ข้อตกลงอะไร”
อวี๋กานกานอธิบายให้เขาฟัง “ก็คือ เขาอยากอยู่เรียนต่อที่จีนเลยมาขอให้ฉันช่วย ฉันน่ะก็พิจารณาตกลงจะช่วยเขา แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง นั่นก็คือไม่อนุญาตให้เขาเจอจูอวี้ลู่กับกู้ซูหลิง”
“เรียนที่จีนก็ดี” ฟังจือหันพูดเสียงเรียบ มีลูกชายต้องดูแล พ่อตาของเขาจะได้มาต้องยุ่งเรื่องของเขาให้มากนัก
หรือว่า…เขาเอ่ยถามกู้เนี่ยน “นายอยากอยู่เรียนต่อที่จีนเหรอ”
กู้เนี่ยนมองฟังจือหันอย่างตกตะลึงและแปลกใจเล็กน้อยจึงรีบวางเท้าลงจากนั้นจึงพยักหน้าตอบ “ใช่น่ะสิ ผมอยากเรียนต่อที่นี่ พี่คิดว่าเรียนที่จีนก็ดีงั้นเหรอ”
ฟังจือหันตอบเสียงเรียบ “ระบบการศึกษาในประเทศตอนนี้ก็ไม่แย่ สามารถเรียนต่อมัธยมปลายไปจนถึงมหา’ลัย จากนั้นค่อยไปต่อเมืองนอกอีกสองปีก็ได้”
กู้เนี่ยนมองฟังจือหันด้วยแววตาเป็นประกาย “พี่เขยพูดถูกต้อง”
เอ๊ะ! เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ…อวี๋กานกานมองกู้เนี่ยนด้วยความตกใจ
แต่สายตาของกู้เนี่ยนกลับมองไปที่ฟังจือหัน ด้วยรอยยิ้มที่ร่าเริงเหมือนดอกทานตะวันที่บานสะพรั่ง “ถ้าเป็นพี่เขย พี่เขยจะใช้วิธีไหนทำให้ได้อยู่ต่อเหรอครับ”
เนื่องจากทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนฉลาด เขาจึงฟังวิธีการของคนฉลาด
ฟังจือหันไม่พูดอะไร เบนสายตามองหน้าอวี๋กานกาน
กู้เนี่ยนหันไปมองอวี๋กานกานเช่นกัน มันมีหนทางแต่เขาไม่สามารถบอกได้ ต้องได้รับความยินยอม จากอวี๋กานกานก่อน
ชิ!
ภรรยาเป็นช้างเท้าหน้า
เขาฉีกยิ้มพูดกับอวี๋กานกาน “ตอนที่ล้างจาน ผมบอกว่าสายตาพี่ดีจริงๆ ที่หาผู้ชายดีๆ แบบนี้มาเป็นสามี พี่รู้ไหมว่ารูปลักษณ์ภายนอกพี่เขยดูดีมาก สะอาดสะอ้านเป็นตัวของตัวเอง จิตใจหนักแน่น ฉลาดหลักแหลม สุขุมนุ่มลึก ในเมืองหลวงนี้ไม่มีใครเพอร์เฟคเท่าเขาอีกแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่คู่ควรกับพี่มาก”
อวี๋กานกานอ้าปากค้างตกตะลึง “…”
เมื่อกี้เขาไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ไหนบอกว่าเธอสายตาแย่ไง
เด็กแสบคนนี้…ขี้โม้เก่งจริงๆ
อวี๋กานกานพูดด้วยความหมั่นไส้ “เมื่อกี้ตอนล้างจาน นายคุยกับพี่ว่าไงนะ…”
กู้เนี่ยนรีบตัดบทอวี๋กานกาน “เมื่อกี้ผมคุยเรื่องที่พี่หายตัวไปจากบ้าน พี่บอกคุณปู่ที่รับเลี้ยงพี่ดีกับพี่มาก แล้วยังบอกอีกว่าได้แต่งกับพี่เขยก็ถือว่าเป็นพรจากชาติที่แล้ว ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน…”
เขาพูดพลางพยักหน้ามองฟังจือหันอย่างเทิดทูนบูชาด้วยแววตาเป็นประกาย “เมื่อก่อนผมคิดทุกวันว่าหากมีพี่ชายแบบคุณก็คงจะดี น่าจะเรียนรู้อะไรจากตัวพี่ได้มากมาย แต่ตอนนี้พี่ก็เป็นพี่เขยผมแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรมาก”
อวี๋กานกาน “…”
อวี๋กานกานคิดว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่บ้าบอ แต่ที่ไหนได้เป็นสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังเติบโตต่างหากล่ะ
ตอนที่ 794 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (14)
ทั้งสองออกมาจากบ้านกู้เนี่ยนและเดินกลับบ้าน อวี๋กานกานถามฟังจือหันจริงจัง “คุณจะช่วยเขาจริงๆ เหรอคะ”
ฟังจือหันย้อนถามเธอกลับไป “คุณคิดว่าเขาควรจะกลับไปเรียนต่อเมืองนอกรึเปล่า”
อวี๋กานกานเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ควรหรือไม่ควร คุณก็รู้เหตุผลของพ่อที่ส่งเขาไปเรียนเพราะไม่อยากให้เขาถูกจูอวี้ลู่เลี้ยงจนเสียคน พื้นฐานนิสัยของกู้เนี่ยนไม่ใช่คนเลวร้าย ทั้งยังไร้เดียงสาซึ่งมีนิสัยต่างกับจูอวี้ลู่และกู้ซูหลิงโดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังทะเลาะกันเรื่องหย่า เขาอยู่ที่นี่นอกจากเป็นกังวลแล้วอย่างอื่นก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
ฟังจือหันพูดต่อ “เขาสองคนเป็นแม่ลูกกัน คุณปล่อยให้พวกเขาเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า ไม่ต้องแคร์ว่าผลจะเป็นยังไงเพราะต่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ เขาก็ไม่โทษพวกคุณหรอก แต่พวกคุณแยกพวกเขาออกจากกัน แม้จะรู้ความจริงมันก็จะมีความห่างเหินเกิดขึ้นในใจของเขา”
อวี๋กานกานก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน
เธอเองก็เข้าใจกู้เชินแล้วก็เคยคิดแบบนี้ เพียงแต่ไม่ใช่สงสารหัวอกพ่อแม่ ต่อให้อนาคตกู้เนี่ยนจะโทษเขา เขาก็ไม่ยอมให้กู้เนี่ยนได้รับการเลี้ยงดูแบบผิดๆ เด็ดขาด
อวี๋กานกานเอามือเท้าคางท่าทางน่ารักเหมือนหมีโคอาล่าติ๊งต๊อง
จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
หลินจยาอวี่เป็นคนโทรมา ยังไม่ทันที่เธอได้ออกเสียง เสียงร้องไห้จ้าของเด็กจากปลายสายก็ดังขึ้นมาเสียก่อนแล้วตามด้วยเสียงขอความช่วยเหลืออย่างรีบร้อนทำอะไรไม่ถูกของหลินจยาอวี่
อวี๋กานกานปลอบเธออยู่หลายคำแล้วรับปากว่าจะไปหาโดยด่วน หลินจยาอวี่จึงจะวางสายลง
เธอหันไปบอกฟังจือหัน “ฉันต้องไปสักหน่อย”
“ผมกลับบ้านเพื่อมาอยู่กับคุณนะ คุณกลับทิ้งผมไปอีกเหรอ” ฟังจือหันพูดเสียงเย็นชาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ไม่ให้ไป!”
อวี๋กานกานหัวเราะแหะๆ ลงไปนั่งบนตักของเขาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “จยาอวี่พึ่งย้ายออกไปจนยุ่งไปหมด เสี่ยวเล่อเล่อก็งอแงตลอดเหมือนเธอจะเอาไม่อยู่ ถึงยังไงเธอก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ ฉันไปแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับมานะ”
ฟังจือหันขมวดคิ้วมุ่นยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี
อวี๋กานกานยกริมฝีปากขึ้นจับใบหน้าของเขาไว้ในมือทั้งสองข้างและจูบริมฝีปากของเขาอย่างดูดดื่ม
เมื่อได้รัยความหวาน ฟังจือหันจึงผ่อนลมหายใจ “ต้องกลับถึงบ้านก่อนสองทุ่ม”
อวี๋กานกานยิ้มให้และพยักหน้าตอบรับ “ฉันกลับมาก่อนสองทุ่มแน่นอนค่ะ”
หลังจากนั้นยี่สิบนาที อวี๋กานกานก็มาถึงคอนโดของหลินจยาอวี่ซึ่งมีเด็กทารกกำลังร้องไห้จ้าอยู่
หลินจยาอวี่กล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผล ร้อนใจจนขอบตาแดง พอเห็นอวี่กานกานเข้ามาเธอจึงร้องไห้น้ตาไหลพรากออกมาทันที “กานกาน เธอช่วยฉันดูหน่อยสิ ตกลงลูกเป็นอะไรกันแน่ถึงได้ร้องไห้ตลอดเวลาไม่หยุดเลย หากยังร้องต่อไปฉันก็เตรียมจะพาเขาส่งโรงพยาบาลแล้ว”
อวี๋กานกานนั่งลงข้างกายหลินจยาอวี่ “หรือว่าลูกหิว”
หลินจยาอวี่ส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ตอนเขาตื่นมาฉันก็ป้อนนมให้แล้ว เขากินอิ่มก็ไม่อยากกินอีก แต่ก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ฉันโอ๋ยังไงก็ไม่ยอมเลิกร้อง”
อวี๋กานกานยื่นแขนออกไปอุ้มเสี่ยวเล่อเล่อวางไว้บนตัก มืออีกข้างก็ดึงกางเกงของเด็กน้อยจากนั้นจึงพูว่า “แพมเพิร์สลูกหนักขนาดนี้ต้องไม่สบายตัวแน่ๆ เธอรีบไปหยิบอันใหม่มาเปลี่ยนป่ะ”
หลินจยาอวี่รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องหยิบกางเกงผ้าอ้อมอันใหม่ออกมา
ทั้งสองช่วยกันเปลี่ยนผ้าอ้อมเรียบร้อยแล้ว เสียงร้องไห้ของเสี่ยวเล่อเล่อจึงจะเบาลง จากนั้นก็ค่อยๆ หยุดร้องไห้ มีแต่ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าที่จ้องอวี๋กานกานตาแป๋ว
“ไม่เป็นไรแล้ว ฉี่ที่แพมเพิร์สของลูกหนักเกินไป พอใส่ไม่สบายตัวก็เลยร้องไห้ไม่หยุด”
หลินจยาอวี่ยิ้มทั้งน้ำตา “กานกาน ยังไงเธอก็เก่งเสมอเลย”