ตอนที่ 817 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (37)
“ยินดีกับพวกคุณด้วย ประธานหันเป็นคนดี พวกคุณต้องมีความสุขแน่ๆ ขออวยพรให้พวกคุณถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะครับ” ชายชราอวยพรจากใจจริง
“ขอบคุณค่ะ”
“วันนี้คุณอวี๋มาหาประธานหันแล้วทำไมท่านถึงไม่กลับบ้านพร้อมคุณล่ะครับ” ชายชราเริ่มเปิดบทสนทนากับกับอวี๋กานกาน น้ำเสียงอบอุ่นและระวังคำพูดคำจา
อวี๋กานกานคิดว่าคงเป็นเพราะสถานะของฟังจือหัน คุณลุงก็เลยดูประหม่าไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอจึงยิ้มเจือจางให้ “ เขามีธุระยุ่งอยู่ค่ะ เลยมาพร้อมฉันไม่ได้ ที่ฉันมาก็แค่อยากมาหาเขาเฉยๆ ค่ะ”
ชายชราตอบอ้อเบาๆ แล้วถามเรื่อยเปื่อย “เรื่องของเลขาหลินเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ…” อวี๋กานกานตอบแบบไม่ทันได้คิด เธอมองไปข้างหน้าด้วยสายตาตกตะลึง จากนั้นจึงยิ้มให้กับเฉียนต้าเซิง “จริงสิ บ้านคุณลุงอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“อยู่ข้างหน้านี่แหละ…” ชายชรายกนิ้วชี้ไปที่ข้างหน้า “เลี้ยวซ้าย แล้วจอดข้างทางก็ได้ครับ”
“โอเคค่ะ” อวี๋กานกานให้บอดี้การ์ดสาวจอดรถตรงที่คุณลุงชี้
ไฟสีแดงอยู่ตรงสี่แยกข้างหน้า และรถก็หยุดช้าๆ ไม่มีใครในรถพูดเลยสักคน มันจึงเงียบมาก
ชายชราที่นั่งเบาะหลังก็เหลือบมองอวี๋กานกาน อวี๋กานกานจึงตั้งใจส่งยิ้มให้ ชายชราก็ยิ้มตอบและเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณนะครับคุณอวี๋”
“คุณลุงเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ พูดขอบคุณตลอดเลย…” อวี๋กานกานเขี่ยนิ้วที่กางเกงยีนอยู่หลายครั้ง แล้วจดจ่อไปที่สัญญาณไฟจราจรข้างหน้า
ยังเหลืออีกยี่สิบวิ…
จากนั้นเหลืออีกสิบเก้าวิ สิบแปดวิ…
ทันใดนั้นอวี๋กานกานก็หันหน้ามาแล้วพูดกับชายชรา “คุณลุงคะ ฉันเห็นว่าวันนี้ลุงไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ลุงกลับไปกับฉันอีกรอบดีไหมคะ ที่บ้านมีกระเป๋ายา เดี๋ยวฉันฝังเข็มให้ลุงเอง แบบนี้คราวหน้าถ้าฝนตก โรคไขข้อของคุณลุงจะได้ไม่ปวดมาก”
“มัน…มันจะดีเหรอครับ” ชายชราส่ายหน้าด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”
“ฉันเป็นหมอนะคะ วันนั้นตอนที่อยู่สมาคมยาไป่ฟางที่ฉันให้คุณลุงไปหาหมอ ตอนนั้นก็ถือว่าเป็นคนไข้ของฉันแล้วค่ะ ฉันต้องรับผิดชอบคุณลุงให้ถึงที่สุดแน่นอนค่ะ” อวี๋กานกานพูดอย่างเคร่งขรึม “เมื่อกี้คุณลุงเดินถนนก้าวขาไม่มั่นคง ดูแล้วน่าจะสาหัสอยู่นะคะ ลุงไปกับฉันเถอะค่ะ หลังจากฝังเข็มแล้ว ฉันจะให้คนมาส่งลุงกลับบ้านอีกครั้งนะคะ”
“เอ่อคือ…”
อวี๋กานกานตัดบทเขา แล้วยิ้มให้ “งั้นก็เอาตามนี้นะคะ เชื่อฉันเถอะค่ะ พอฝังเข็มแล้วคุณลุงจะไม่ปวดขาตอนเดินอีกแล้วค่ะ”
นิ้วของชายชราลูบไปที่หัวเข่าของตนเอง ลมฝนมาที่ก็ปวดจนทรมาน
ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าตัวเองจะไม่มีวันเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ไม่ว่าใครหากป่วยแล้วต่างก็อยากให้อาการมันหายดีขึ้น
เขาซาบซึ้งและไม่กล้าปฏิเสธอีกต่อไป
ชายชราถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวนี้คุณหมอที่ใจดีแบบคุณมีน้อยมาก…ถ้าหากหมอทุกคนเป็นเหมือนคุณก็คงจะดี”
“หมอดีๆ มีตั้งเยอะแยะเลยค่ะ พวกเขาเก่งและชำนาญมากกว่าฉันอีกค่ะ” อวี๋กานกานเอ่ยเสียงเรียบ
เงินเดือนหมอไม่สูง แต่งานกลับหนักมาก ดูเหมือนจะหรูหรา แต่จริงๆ แล้วเบื้องหลังคือความเศร้าที่ไม่มีใครรู้
การทำงานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจถูกคนใส่ร้ายป้ายสี บวกกับในวงการนี้อาจจะมีปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง ถึงได้ทำให้คนไม่เข้าใจและอคติกับคนเป็นหมอ
ในไม่ช้ารถก็มาจอดข้างล่างคอนโด อวี๋กานกานลงรถแล้วยื่นกระเป๋าให้บอดี้การ์ดสาว จากนั้นจึงพาคุณลุงขึ้นไปชั้นบน
บอดี้การ์ดสาวถือกระเป๋าเอาไว้ มองเงาหลังของอวี๋กานกานแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นจึงรีบก้าวฉับๆ ตามไป
ตอนที่ 818 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (38)
อวี๋กานกานพาชายชรากลับมาที่บ้านให้เขานั่งลงบนโซฟา รินน้ำอุ่นให้เขาหนึ่งแก้ว เมื่อต้อนรับแขกแล้วเธอจึงขึ้นไปหยิบกระเป๋ายาชั้นบน
ชายชราจิบน้ำในแก้วแล้วมองสำรวจดูรอบห้องโดยไม่ให้ผิดสังเกต
เมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายชราจึงยิ้มอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นจิบน้ำอีกจิบ และเมื่อเขาวางแก้วลงบนโต๊ะรับแขก เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เมื่อมองไปทางบันได อวี๋กานกานขึ้นไปหยิบกล่องยานานแล้ว ทำไมเธอยังไม่ลงมาอีก
เห็นได้ชัดว่าชายชรานั่งไม่เป็นสุขแล้วอยากลุกออกไป แต่ในขณะนั้นอวี๋กานกานก็ถึงกล่องยาลงมาพอดี
เธอกล่าวขอโทษ “ขอโทษนะคะ ให้คุณลุงรอเสียนานเลย”
อวี๋กานกานวิ่งเหยาะๆ ลงมา วางกล่องลงบนโต๊ะรับแขกแล้วเปิดออก แล้วอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เสียเวลารอนาน “เมื่อวานทดลองยาแล้วลืมเก็บค่ะ สรุปคือไม่รู้ว่าเอากระเป๋าเข็มไปวางไว้ที่ไหนก็เลยหานานไปหน่อยค่ะ”
เธอหยิบกระเป๋าเข็มออกมาวางไว้ด้านข้าง “ก่อนฝังเข็ม ฉันจะตรวจชีพจรของคุณลุงก่อนนะคะ หากกินยาต้มและฝังเข็มร่วมกันจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นนะคะ”
ชายชราทำได้เพียงนั่งลงอีกครั้ง “งั้นก็ขอบคุณคุณอวี๋ด้วยนะครับ”
อวี๋กานกานนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา แล้วทาบนิ้วมือตรงกลางสามนิ้วลงบนแขนของคุณลุง จากนั้นจึงเริ่มจับชีพจร
หลังจากนั้นไม่กี่นาที อวี๋กานกานก็ชักมือกลับมาแล้วขมวดคิ้วพลางพูด “คุณลุงคะ เมื่อขาของคุณลุงต้องลมฝนถึงได้ปวดมากขนาดนี้ เพราะขาของคุณลุงได้รับบาดเจ็บมานานก่อนหน้านี้ และอาการบาดเจ็บนี้น่าจะมีมานานสิบเจ็บสิบแปดปีแล้วใช่ไหมคะ”
ดวงตาของชายชราฉายแววประหลาดใจ ถึงแม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับกำหมัดแน่นแล้วชักกลับมาวางไว้บนต้นขาของตัวเอง “ก็แค่จับชีพจร คุณสามารถตรวจรู้ไปถึงแผลเก่าได้ด้วยเหรอ”
“พลังเลือดลมปราณทั้งร่างกายมีขึ้นๆ ลงๆ ทุกอย่างสามารถสะท้อนออกมาจากเส้นชีพจร แพทย์แผนจีนอาวุโสโดยทั่วไปสามารถทำได้ค่ะ” อวี๋กานกานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดถึงอาการป่วยของเขาต่อ “เพราะว่าตอนนั้นคุณลุงไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บนี้ให้หายดี ดังนั้นจึงมีอันตรายแอบแฝงอยู่ ตอนปกติมักจะไม่เป็นอะไร แต่พอเจอลมฟ้าลมฝนเท่านั้นแหละก็จะปวดขึ้นมาทันที อีกอย่างระดับความปวดก็รุนแรงตามอายุที่มากขึ้น ฉะนั้นก็ถามได้แล้วว่าคุณลุงบาดเจ็บได้ยังไง”
ดูเหมือนจะพูดจี้ปมของชายชราเข้า ร่างของเขาถึงได้นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เขาประคองมือกุมแก้วยกขึ้นจิบน้ำก่อนจะตอบกลับไป
“เมื่อประมาณสิบเจ็ดปีก่อนถูกคนตีทำร้าย ตอนนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง ยังไม่ทันรักษาหายดีก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว” เขามองอวี๋กานกานครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “สามารถรักษาได้ไหมครับ”
อวี๋กานกานเอ่ยตอบ “ถ้าจะให้รักษาจนหายสนิทคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ อาการบาดเจ็บของคุณลุงเรื้อรังมานานมากแล้ว แต่หลังจากรักษาแล้วมันจะไม่ปวดเหมือนตอนนี้ที่คุณลุงแทบเดินไม่ไหวอีกแล้วล่ะค่ะ”
ชายชรายิ้มออก “ดีจังเลย”
แค่นี้ก็พอแล้ว
เขาสิ้นหวังกับโรคเก่ามานานแล้ว ก่อนที่จะตามอวี๋กานกานมาที่นี่ เขาอยากแค่ให้ทุเลาความเจ็บปวดลงไปบ้างก็เท่านั้น
เมื่อก่อนมันปวดไม่มาก อดทนได้เดี๋ยวก็ผ่านไป แต่ช่วงสองปีมานี้มักจะปวดบ่อย แม้กระทั่งเดินยังแทบไม่ไหว ฝืนเดินไม่กี่ก้าวก็ท้อใจแล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้พบแพทย์ แต่ไม่มีวิธีรักษาตั้งแต่แรก
ตอนแรกกินแค่ยาแก้ปวดก็สามารถลดอาการปวดลงมาบ้าง แต่ครึ่งปีมานี้ต่อให้กินยาแก้ปวดก็ไม่สามารถระงับอาการปวดได้อีกแล้ว
“ที่บ้านไม่มีเตียงฝังเข็ม คุณลุงนอนบนโซฟาก็แล้วกันนะคะ”
“ได้” ชายชราตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงก้มลงดึงมุมกางเกงขึ้น เมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นรองเท้าหนังอยู่ไม่ไกล
ไม่ใช่ของอวี๋กานกาน แต่เป็นของบอดี้การ์ดสาว