บทที่ 238 แม่เฒ่าเจียงเชิญท่านหมอมาดูอาการ
เสียงสุนัขเห่าปลุกมู่ซืออวี่ตื่นขึ้นมา
นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และพบว่าข้างนอกฟ้าสว่างแล้ว
ระยะนี้จิตใจของนางตึงเครียด ไม่ได้หลับสนิทมาหลายคืน ทว่าเมื่อวานนี้ความกังวลได้มลายหายไปเพราะสัตว์ร้ายตนนี้ก่อกวนทั้งคืน นางจึงนอนหลับเป็นตาย
นางค่อย ๆ ลุกขึ้น บิดกายหนึ่งที
สัตว์ร้ายตนนี้…
ขนาดว่ายังไม่ถึงขั้นสุดท้าย หากวันหนึ่งถึงขั้นนั้นแล้ว จะไม่ถูกเขากลืนกินลงไปทั้งตัวจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูกหรือ?
“เสี่ยวเฮย อย่าส่งเสียง ท่านแม่เหนื่อยแล้ว ให้นางนอนนานขึ้นอีกหน่อย” เสียงหวานเจื้อยแจ้วของลู่จื่ออวิ๋นดังขึ้น
“โฮ่ง โฮ่ง”
“ชู่ว! อย่าส่งเสียงสิ”
มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “เจ้าเด็กซื่อบื้อคนนี้”
ยังเป็นเด็กที่น่ารักจริง ๆ
เมื่อเดินออกไปข้างนอกก็เห็นอันอี้หางและเซี่ยคุนกำลังพูดคุยกัน ลู่อี้กำลังตัดฟืนอยู่บริเวณลานบ้าน ลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่กำลังเล่นกับเสี่ยวเฮย ส่วนจือเชียนนั้นไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
ทันทีที่ออกมา สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมาที่นาง
มู่ซืออวี่รู้สึกทำตัวไม่ถูก ได้แต่ลูบผมแล้วกระชับเสื้อผ้าของตน
อันอี้หางรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่เหมาะสมนัก จึงกล่าวกับเซี่ยคุนไม่กี่คำแล้วกลับไป
“อาหารเช้าอยู่ในเตา ทุกคนทานแล้ว เห็นเจ้ากำลังหลับสบาย ข้าจึงไม่ได้ปลุกเจ้า” ลู่อี้เดินเข้ามาหานาง “มาสิ ข้าจะเติมน้ำให้เจ้าอาบ”
มู่ซืออวี่เดินตามหลังลู่อี้ไป
“คุณชายอันมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?”
“เขาบอกพี่เซี่ยว่าอยากจะเร่งวันแต่งงานเข้ามา” ลู่อี้เติมน้ำ “พี่เซี่ยบอกว่าจะปรึกษากับเจ้าก่อนจึงจะตัดสินใจ”
“เลื่อนเข้ามาเป็นเมื่อไหร่หรือ?”
“วันที่ห้าเดือนหน้า”
“เช่นนั้นก็เหลือเพียงครึ่งเดือนน่ะสิ พวกเราเตรียมการตอนนี้จะทันหรือ?”
“ทันน่ะทันอยู่แล้ว เพียงแต่พี่เซี่ยกับจือเชียนอยู่ห้องเดียวกันไม่ได้แล้ว ต้องแยกห้องให้เขาห้องหนึ่ง”
“เรื่องนี้จัดการง่าย! ห้องนั้นที่เดิมทีเตรียมไว้ให้ท่านแม่ของข้า เราก็ให้เขาใช้ก่อน แม่ข้าไม่คิดจะมาอยู่กับเราอยู่แล้ว ถือว่ายังว่างอยู่”
“แม่นางอันอวี้เคลื่อนไหวไม่สะดวก ต่อไปพวกเราจะต้องดูแลนาง”
ลู่อี้ไม่ได้รังเกียจอันอวี้ เพียงแต่กำลังอธิบายความเป็นจริง
“ข้าคิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลายปีมานี้อันอวี้มีชีวิตมาได้ด้วยตนเอง แม่ของนางเดิมทีก็ไม่สนใจไยดีนางแม้แต่น้อย นางแต่งเข้ามาแล้ว ระยะแรกพวกเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก หากพวกเราอยู่กับนางไปเรื่อย ๆ ให้นางค่อย ๆ ปรับตัวให้คุ้นเคยก็จะดีขึ้นเอง อีกอย่างดวงตาของนางก็รักษาได้ไม่ใช่หรือ? ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็หายดีแล้ว”
ลู่อี้ลูบแก้มนางเบา ๆ “เหตุใดเจ้าจึงจิตใจดีเช่นนี้?”
“หากเป็นคนอื่นก็ต้องทำเช่นนี้” มู่ซืออวี่รู้สึกเขินอายกับคำพูดของเขา
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย”
หลาย ๆ คนไม่ได้คิดเช่นนั้น
ท่านหมอลี่กล่าวว่า ถ้าอยากจะรักษาดวงตาของอันอวี้ให้หายดี หากไม่มีเงิน 500 ตำลึงย่อมเป็นไปไม่ได้
500 ตำลึงไม่ใช่เงินน้อย ๆ
เงินสินสอดก็ 100 ตำลึงไปแล้ว อีกอย่าง การจัดงานแต่งต้องใช้เงินมากกว่า 10 ถึง 12 ตำลึง ใช้เงินจำนวนมากเช่นนี้เพื่อช่วยผู้ติดตามคนหนึ่งแต่งภรรยาไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้
ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้มีเงินเป็นภูเขาทองคำ ในมือของมู่ซืออวี่มีเงินเพียงไม่กี่ร้อยตำลึงเงินเท่านั้น หลังจากรักษาอันอวี้แล้ว นางอาจไม่มีอะไรเหลือเลย
“เงินหาใหม่ได้ แต่ความสุขใช่ว่าจะพบเมื่อไหร่ก็ได้” มู่ซืออวี่โอบเอวลู่อี้แล้วซบลงกับอกเขา “ถึงแม้พวกเราจะรู้จักพี่เซี่ยไม่นาน แต่ข้ารู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนดีมาก ในเมื่อโชคชะตานำพาเรามาให้เป็นสหาย ย่อมต้องหวังว่าเขาจะคว้าความสุขเอาไว้ได้”
ตอนที่พบกับเซี่ยคุน เขานั่งอยู่ในตรอกแห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตในโลกของตนให้ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ไม่สนใจโลกภายนอก ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเช่นนี้ย่อมทำให้รู้สึกว่าโลกทั้งโลกละทิ้งเขา เซี่ยคุนไม่มีสิ่งใดให้คำนึงถึง ทว่าตอนนี้เขามีคนที่ต้องคำนึงถึงแล้ว
ลู่อี้โอบเอวนางกลับไปแล้วเอ่ยกระซิบข้างหู “น้ำใกล้จะเย็นแล้ว เจ้าค่อยกอดข้าทีหลังได้หรือไม่?”
มู่ซืออวี่ “…”
นางปล่อยมือจากเขา จากนั้นจึงมองค้อนใส่ “ใครอยากกอดท่านกัน?”
“ได้ ข้าอยากกอดเจ้าเองต่างหาก” ลู่อี้ยิ้มน้อย ๆ
เซี่ยคุนเดินกลับไปยังห้องของตน จากนั้นจึงนำกล่องใบหนึ่งออกมา
เขาไปเคาะประตูบ้านข้าง ๆ
“ใครน่ะ?” อวี้ซื่อเดินออกมาอย่างรำคาญใจ
อันอี้หางและอันอวี้ล้วนอยู่ที่บ้าน อวี้ซื่อไม่คบหากับผู้ใด จึงไม่รู้ว่าใครมาเคาะประตู
เมื่อเปิดประตูออกมาเห็นเซี่ยคุน สีหน้าของนางพลันเฉยชา “มีเรื่องอะไร?”
“ข้ามาหาอันอวี้” เซี่ยคุนเอ่ยเสียงเรียบ
อวี้ซื่อเห็นหน้าเขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจ
เอาแต่ทำหน้าราวกับโลงศพทั้งวัน ทำเหมือนนางติดหนี้เขา หากไม่ใช่เพราะความใจกว้างของเจ้านายที่เต็มใจให้สินสอดมากมายเช่นนั้น ผู้ใดจะอยากให้ลูกสาวของตนแต่งงานกับคนหน้าตาราวกับเจ้าหนี้เช่นนี้?
“อันอวี้ ออกมานี่!” อวี้ซื่อตะโกนขึ้นอย่างหมดความอดทน
สีหน้าของเซี่ยคุนมืดครึ้มลง “นางเป็นลูกสาวของท่าน หาใช่สุนัขของท่าน ไม่ใช่ว่าท่านควรจะสุภาพกับนางกว่านี้หน่อยหรือ?”
“ลูกสาวของข้า ข้าอยากเรียกอย่างไรก็เรียกอย่างนั้น ไม่ต้องให้เจ้ามาสอนข้า” อวี้ซื่อเย้ยหยัน “หากเจ้าไม่ชินหู เช่นนั้นก็ไม่ต้องฟัง”
เสียงของอันอี้หางดังออกมาจากในห้อง “ท่านแม่ ข้าอยากดื่มชา”
“มาแล้ว ๆ” อวี้ซื่อรับคำ
อันอวี้จึงค่อย ๆ เดินออกมา เซี่ยคุนเดินเข้าไปในลานบ้านแล้วช่วยพยุงนางไว้ “พี่ชายของเจ้าบอกเจ้าแล้วหรือยังว่าวันแต่งงานของเราเร็วขึ้นกว่าเดิม?”
ใบหน้าของอันอวี้แดงเรื่อขึ้นมา นางพยักหน้าเบา ๆ
ตอนที่พี่ชายบอกนางนั้น นางมีความสุขมาก เพียงแต่หลังจากมีความสุขแล้ว นางก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางเป็นเช่นนี้ จะสามารถทำหน้าที่ภรรยาที่ดีได้จริง ๆ หรือ?
“นี่เป็นเสื้อผ้าสองชุด ชุดหนึ่งเป็นชุดแต่งงาน อีกชุดเป็นชุดใส่ทั่วไป ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ หากเจ้าไม่ชอบข้าจะไปเปลี่ยนมาให้”
เซี่ยคุนไม่เคยกล่าวยืดยาวเช่นนี้ ทว่าตอนนี้เขาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งยังจริงจังกับอันอวี้มากขึ้นเช่นกัน
…
ทิศตะวันออกของหมู่บ้าน รถม้าคันหนึ่งหยุดลงหน้าบ้านของแม่เฒ่าเจียง
แม่เฒ่าเจียงลงมาจากรถม้าก่อน จากนั้นจึงเปิดม่านเชิญท่านหมอลี่ลงมา
“ท่านหมอ ถึงบ้านข้าแล้ว”
ท่านหมอลี่พยักหน้าเบา ๆ “อืม นำทางไปเถอะ”
“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
ข้างหลังท่านหมอลี่มีคนจัดยาคนหนึ่ง คนจัดยาผู้นี้มาจากร้านขายยาของสหายที่เขายืมมาเป็นการชั่วคราว รถม้าก็เป็นของสหายผู้นั้นเช่นกัน ทั้งนี้จะได้เดินทางไปมาสะดวก
ทันทีที่แม่เฒ่าเจียงเปิดประตูบ้านก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเสียงหนึ่งดังออกมาจากข้างใน “ท่านยังรู้จักกลับมาหรือ? คิดจะปล่อยให้ข้าหิวตายใช่หรือไม่?”
สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงแปรเปลี่ยนฉับพลัน นางรุดเข้าไปในบ้าน
ทว่ากลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยออกมา แม่เฒ่าเจียงแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว
มู่ตงหยวนไม่สามารถลงจากเตียงได้ ถ่ายหนักถ่ายเบาล้วนทำบนเตียง ตอนนี้ในห้องจึงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นตลบอบอวล
ดวงตาของมู่ตงหยวนแดงก่ำราวกับสัตว์เดรัจฉานขณะจ้องมองแม่เฒ่าเจียงอย่างเหี้ยมโหด
“อี้เอ๋อร์เล่า? ข้าให้เขาดูแลเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“เขาน่ะหรือ? ตั้งแต่ท่านไปเขาก็ออกไปแล้ว เขาเป็นถึงบัณฑิตสูงส่ง จะมาดูแลคนพิการเช่นข้าได้อย่างไร?” มู่ตงหยวนแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ข้าไปเชิญท่านหมอมาให้เจ้า อีกไม่นานเจ้าก็จะดีขึ้นแล้ว ข้าจะทำความสะอาดเสียก่อน เราให้ท่านหมอรอนานไม่ได้เป็นอันขาด นั่นเป็นท่านหมอลี่จากเมืองซูโจวเชียวนะ”
รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของมู่ตงหยวนหายไปทันที สายตาของเขาเป็นประกาย “ท่านหมอลี่จริงหรือ?”
“ใช่” แม่เฒ่าเจียงปาดน้ำตา “ข้าตามหาเขาทั่วทั้งเมืองอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะหาเขาเจอไม่ง่ายเลย เจ้าเชื่อฟังหน่อยนะ อย่าได้พูดจาไร้สาระเป็นอันขาด”