ตอนที่ 640 หน้าชา เผยตัวตนกลางออกอากาศ
นับตั้งแต่สมัครแอ๊กเคานท์เวยปั๋ว มู่เฮ่อชิงเล่นเวยปั๋วมานานขนาดนี้ย่อมกลายเป็นคนดังไปแล้ว
เนื่องจากเขามีผลงานการรบที่ใหญ่หลวง ตราเกียรติยศมากมายนับไม่ถ้วน เคยอยู่ในบทเรียนของเด็กประถมและมัธยม
กอปรกับเขามีความเป็นกันเอง เรียกได้ว่าบารมีของมู่เฮ่อชิงอยู่อันดับต้นๆ ของประเทศจีน
หญิงชาย คนแก่หรือเด็ก ส่วนใหญ่จะรู้จักเขาหมด โด่งดังกว่าดาราแถวหน้าของประเทศด้วยซ้ำ
แต่นับตั้งแต่ชาวเน็ตติดตามเวยปั๋วของเขาก็พบว่าเขาจะโพสต์เวยปั๋วอยู่แค่สองเรื่อง
เรื่องแรกคือโพสต์รูปสิงสาราสัตว์หรือดอกไม้ รวมถึงรูปตัวเองไปตกปลาที่ไหน
อีกเรื่องคือแชร์โพสต์ที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจิน เป็นแฟนคลับตัวยงของแท้
พอมู่เฮ่อชิงโผล่ออกมาแบบนี้ก็สร้างความตะลึงให้ชาวเน็ตที่ไม่ได้สนใจเรื่องผลิตภัณฑ์ความงาม
[กรี๊ด ผู้เฒ่ามู่โกรธแล้ว!]
[สองปีก่อนฉันไม่เคยได้ยินชื่อโรงพยาบาลเซ่าเหริน แบรนด์ฮวาเสี่ยงหรงช่วยชีวิตโรงพยาบาลเซ่าเหรินเอาไว้ เป็นกิจการของตระกูลมู่จริงเหรอ]
[ผู้เฒ่ามู่ไปตกปลาที่ไหนครับ วันนี้ตกปลาหรือยังครับ]
มีมู่เฮ่อชิงคนดังระดับประเทศอยู่ก็มีคนกดเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจเรื่องราว ชาวเน็ตต่างก็แสดงความสงสัย
[ซังอวี่เป็นใคร]
[ดูเหมือนจะเป็นดารานะ หน้าตาดูใช้ได้ เอ๊ะ เป็นดาราในสังกัดชูกวงมีเดียด้วยเหรอ แต่ทำไมไม่เคยได้ยินเลยล่ะ]
[ฉันว่าแล้วว่ายัยนี่สร้างข่าวลือ ฉันก็ใช้ฮวาเสี่ยงหรงมานาน ไม่เห็นจะมีปัญหาเลยสักนิด]
[ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ฉันว่ามีคนหน้าแหกแน่งานนี้!]
ยังมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่กดเข้าแอ๊กเคานท์ แอทเสี่ยวนั่วนั่ว แต่ก็พบว่าเจ้าของปิดแอ๊กเคานท์หนีไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าคำพูดของตัวเองจะเป็นจริง
ส่วนซังอวี่ที่ให้ความสนใจกระแสวิจารณ์อยู่ที่หน้าจอเหมือนกันกลับตัวเย็นเฉียบ
เธอมือสั่น ดวงตาเบิกโพลง แทบไม่อยากเชื่อ
สืบมาเจอเธอได้ยังไง
แววตาของซังอวี่ขรึมลง
เธอเห็นคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเธอเริ่มมีประเด็นใหม่ ต่างแสดงความสงสัยในตัวเธอ
ซังอวี่แสยะยิ้ม กดโพสต์เวยปั๋ว
แอทซังอวี่ : [บริษัทคุณหมายความว่าไงคะ หลังจากฉันใช้มาร์คหน้าล็อตใหม่ของพวกคุณเสร็จก็เกิดอาการแพ้ เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ฉันถึงได้คิดว่าพวกคุณขายของปลอม นี่จะเรียกว่าสร้างข่าวลือได้ยังไงคะ
ที่บอกว่ามีคนตายก็ไม่ใช่ฉันพูด!
มีตระกูลมู่หนุนหลังก็เอาใหญ่งั้นเหรอคะ จากที่ไม่อะไรพวกคุณก็บีบให้ฉันต้องออกมาตอบโต้
เอาสิคะ ถ้าพวกคุณกล้าส่งจดหมายทนายมาฉันก็กล้ารับ ฉันจะสู้เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเองให้ถึงที่สุด]
นี่เป็นสาเหตุที่ซังอวี่มีความมั่นใจ
เธอแค่บอกว่าตัวเองแพ้ที่หน้า ไม่ได้วิจารณ์อย่างอื่นอีก
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ผลแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าทุกคนจะแพ้เหมือนกัน
เธอก็แค่ต้องการบีบให้หมอเทวดาออกมา เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ตัวเธอก็ไม่ได้เสียหายอะไร
โรงพยาบาลเซ่าเหรินยังจะต้องมาขอโทษเธอถึงบ้านด้วยซ้ำ
[ว่ากันตามตรง เรื่องนี้ฉันขอยืนฝ่ายผู้บริโภค มาร์คหน้าเกิดปัญหา โรงพยาบาลมาบอกว่าลูกค้าสร้างข่าวลือ แบบนี้ก็ได้เหรอ]
[ดูจากประวัติการซื้อที่เธอโพสต์ ซื้อฮวาเสี่ยงหรงเป็นเงินตั้งมากขนาดนั้น หลายแสนเลยนะ ไม่จำเป็นต้องสร้างข่าวลือหรือเปล่า เธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร]
[งั้นก็รอดูไลฟ์สดวันพรุ่งนี้แล้วกัน]
คนที่สนใจข่าวไม่ได้มีแค่ชาวเน็ต ยังมีบริษัทคู่แข่งของโรงพยาบาลเซ่าเหรินด้วย
หนึ่งในนั้นคือเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเก่าแก่ของประเทศจีน โด่งดังในสมัยศตวรรษที่ยี่สิบ
แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง
โดยเฉพาะช่วงสองปีนี้ หลังจากที่อิ๋งจื่อจินสร้างแบรนด์ฮวาเสี่ยงหรงก็ครองเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
รายได้ของเหยียนหรูอวี้ลดลงทุกไตรมาสจนบอสชักร้อนใจ
โรงพยาบาลเซ่าเหรินกับซังอวี่ต่างมีเหตุผลของตัวเอง ทำให้พวกพนักงานยากที่จะตัดสิน
“ประธานตู้คะ” เลขาขมวดคิ้ว “โรงพยาบาลเซ่าเหรินเปิดเผยส่วนผสมออกมาแล้ว ดูท่าครั้งนี้จะเป็นการสร้างข่าวลือนะคะ”
ตอนที่โรงพยาบาลเซ่าเหรินเปิดเผยส่วนผสม ทางเหยียนหรูอวี้ก็รีบส่งไปให้ฝ่ายผลิตทันที เพื่อให้พวกเขาผลิตออกมาเร็วที่สุด
“ข่าวลืออะไร” ประธานตู้ยิ้มแบบที่ไม่เห็นด้วย “หรือพวกคุณคิดจริงว่า ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยนี้จะมีมาร์คหน้าที่แค่ใช้เจ็ดวันก็ขาวใสได้จริงๆ แถมราคายังถูกขนาดนั้น”
ล้อเล่นอะไรน่ะ
พวกแบรนด์หรูของเมืองนอกขายกันตั้งแผ่นละหนึ่งพัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแบบที่สั่งทำส่วนตัวโดยเฉพาะ ยิ่งแพงเข้าไปใหญ่
ส่วนฮวาเสี่ยงหรง
มาร์คหน้าขาวใสหนึ่งกล่องมีห้าแผ่น เพิ่งจะขายแค่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยวน จะไปใช้ส่วนผสมของดีอะไรได้
แต่ก็เห็นผลเร็วจริง
หลังจากประธานตู้เห็นส่วนผสมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความพิเศษอะไร และก็ไม่ได้ใส่สารอย่างนิโคตินาไมด์ที่ผลิตภัณฑ์ขาวใสชอบใส่กัน
เลขาแอบไม่เข้าใจ “ประธานตู้หมายความว่าไงคะ”
“หาลูกค้าที่ชอบซื้อฮวาเสี่ยงหรงใช้อีกสักสองสามคน ให้บอกว่าแพ้เหมือนกัน” ประธานตู้พูด “มีเสียงร้องเรียนเพิ่มก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยัน เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ขอแค่ฉุดแบรนด์ฮวาเสี่ยงหรงลงมาได้ ต้องเสียเท่าไรก็ยอม
ตอนนี้พวกเขามีส่วนผสมแล้ว ไม่กลัวว่าจะทำมาร์คหน้าขาวใสกับยาสระผมเร่งผมดกไม่ได้
…
วันต่อมา
เมืองแห่งโลก
ตอนนี้เป็นตอนเช้า แสงแดดกำลังดี ไม่ร้อนเกินไป
เมืองแห่งโลกมีภูมิอากาศแบบฤดูใบไม้ผลิตลอดปี ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางฤดู
ชาวเมืองต่างคาดเดาว่า ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน มีความสามารถพิเศษของผู้วิเศษคนหนึ่งที่ควบคุมสภาพอากาศได้
เวลานี้ ภายในคฤหาสน์ตระกูลอวี้
บรรดาอัศวินพกปืนต่างเฝ้าประจำแต่ละจุดอย่างเข้มงวด
โดยเฉพาะบริเวณที่พักของคุณนายผู้เฒ่าอวี้
พอมีคำสั่งของเซ่าอวิ๋นก็ยิ่งเพิ่มความเข้มงวดทั้งชั้นนอกและชั้นใน
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ถูกกักบริเวณไว้แบบนี้ แม้แต่จะลงไปข้างล่างก็ยังทำไม่ได้
เธอจะใช้วิธีอดอาหารประท้วงก็ไม่ได้เช่นกัน
ถ้าเธอไม่กินข้าว สาวใช้ก็จะทำตามคำสั่งของเซ่าอวิ๋น เอาเม็ดอาหารเสริมใส่ลงในน้ำให้เธอดื่ม
เม็ดอาหารเสริมแบบนี้คิดค้นโดยสำนักวิจัยที่อยู่ในสังกัดสำนักผู้วิเศษ กินเม็ดเดียวก็อยู่ได้สามวันโดยไม่ต้องกินข้าว
คุณนายผู้เฒ่าอวี้จำต้องยอมรับว่ามันผิดแผนไปหมด
เธอเองก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นฟู่หลิวอิ๋งยังตั้งท้องด้วย
ถ้ารู้เธอจะขังฟู่หลิวอิ๋งไว้ก่อน
รอคลอดเด็กเมื่อไรก็จะให้เป็นลูกของจูซา จากนั้นค่อยไล่ฟู่หลิวอิ๋งออกไป คงไม่มีทางเป็นเรื่องอย่างทุกวันนี้
เพราะถ้าไม่มีคนในเมืองพามา คนของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรก็ไม่มีทางหาทางเข้าเมืองแห่งโลกเจอ
เธอกับผู้เฒ่าอวี้จับตาดูอวี้เซ่าอวิ๋นไว้อย่างดี เขาอย่าได้คิดจะออกจากเมืองแห่งโลกแม้เพียงครึ่งก้าว
จูซายกถ้วยชา “คุณแม่ใจเย็นๆ ค่ะ โกรธไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ ได้ไม่คุ้มเสีย”
“ซาเอ๋อร์ มีแค่เธอที่เอาใจใส่แม่” คุณนายผู้เฒ่าอวี้รับมาดื่ม แต่ก็ยังโกรธไม่หาย “แม่ดูนะ หัวใจของเขาถูกนังจิ้งจอกคนนั้นครอบงำไปหมดแล้ว ทำไมตอนนั้นแม่ถึงไม่ห้ามไว้นะ”
นานมาแล้วก่อนที่อวี้เซ่าอวิ๋นจะเกิด ตระกูลอวี้ได้มีการหมั้นหมายไว้ให้เขาก่อนแล้ว
รอเขาอายุครบยี่สิบสี่ปีก็จะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ
ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ ก็มีฟู่หลิวอิ๋งโผล่มา
“คุณแม่คะ หัวใจของท่านหัวหน้าตระกูลมีเลือดเนื้อ” จูซายิ้มอย่างอ่อนโยน “นั่นเป็นลูกคนแรกของอาอวิ๋น คุณแม่จะให้เขาทิ้งลูกตัวเองไว้บนโลกนั้นไม่ได้นะคะ”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้แสยะยิ้ม “เขามันโง่ ไม่รู้ว่าใครดีกับเขา คนเป็นแม่มีเหรอจะปล่อยให้เขาสมองตาย แต่ลูกชายเขาสักวันจะมาเอาชีวิตเขา”
จูซารินน้ำชาอีกหนึ่งถ้วย “คุณแม่อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิคะ อาอวิ๋นบอกหนูว่า เด็กคนนั้นเก่งพอสมควร เป็นถึงประธานใหญ่ของเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลกนั้นเลยนะคะ”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้แสยะยิ้มอีกครั้ง “โลกนั้นเหรอ ซาเอ๋อร์ แม่ก็อยากจะรอดูนะว่า ไม่พูดถึงพวกคนที่บังเอิญพลัดหลงเข้ามา ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่สำนักผู้วิเศษรับเข้ามาเอง มีคนไหนบ้างที่สู้คนท้องถิ่นได้”
จุดนี้จูซาไม่เถียง เธอแค่ยิ้ม
เทคโนโลยีของเมืองแห่งโลกล้ำหน้ากว่าบนโลกไปถึงสองศตวรรษกว่า
นี่ยังไม่นับที่มีคนของเมืองแห่งโลกจำนวนไม่น้อยตัดสินใจไปบนโลกแล้วเอาเทคโนโลยีไปด้วย
วิชาเล่นแร่แปรธาตุตอนนั้นก็ใช่ ไซมอน แกรนด์ก็ด้วย
จูซานั่งเป็นเพื่อนคุณนายผู้เฒ่าอวี้อยู่สักพัก
หลังจากคุณนายผู้เฒ่าอวี้หลับแล้วเธอถึงออกไป
จูซาเดินไปที่ประตูใหญ่ หันมองเซ่าอวิ๋นที่เดินออกไปพร้อมคนคุ้มกัน
สีหน้าของเขาดุดัน บุคลิกเอาเรื่อง
จูซาก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเรียกพ่อบ้านมา “ท่านหัวหน้าตระกูลจะออกจากเมืองวันนี้เหรอ”
“ครับคุณนายใหญ่” พ่อบ้านตอบอย่างนอบน้อม “ท่านหัวหน้าตระกูลพาคนไปด้วยค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังเป็นอัศวินที่ฝีมือต่อสู้สูงมาก วันนี้สำนักผู้วิเศษเพิ่งอนุมัติครับ”
เรื่องของอวี้เซ่าอวิ๋นกับฟู่หลิวอิ๋งไม่ถือเป็นความลับอะไรสำหรับสำนักผู้วิเศษ
“อย่างนั้นเหรอ” จูซายิ้ม “ความต้องการของคุณนายผู้เฒ่าคือ ท่านหัวหน้าตระกูลเพิ่งรับตำแหน่งยังไม่ถึงปี เรื่องบางอย่างยังตัดสินใจอย่างแม่นยำไม่ได้”
เธอพูดแฝงความนัย “ดังนั้นให้ส่งคนไปอีกกลุ่มตามท่านหัวหน้าตระกูลไปด้วย”
พ่อบ้านสีหน้าเปลี่ยน “คุณนายใหญ่ ขัดคำสั่งของท่านหัวหน้าตระกูลไม่ได้นะครับ!”
“นี่จะเป็นการขัดคำสั่งได้ยังไง ฉันส่งคนไปปกป้องเขา” จูซายิ้ม “พ่อบ้านก็เห็นเซ่าอวิ๋นมาตั้งแต่เด็ก คงไม่อยากเห็นเขาถูกหลอกอีกใช่ไหม”
พ่อบ้านนึกถึงฟู่หลิวอิ๋งที่ทำให้อวี้เซ่าอวิ๋นต้องหมดสติไปนานถึงสามปี
ทั้งยังต่อต้านคนในตระกูลด้วยการอดอาหาร สุดท้ายถูกผู้เฒ่าอวี้บังคับเข้าโบสถ์แต่งงาน และยังจับกินยาของสำนักวิจัย
กว่าจะกลับมาอยู่กับร่องกับรอยไม่ใช่ง่ายๆ แต่กลับจะถูกหลอกไปอีกแล้ว
พ่อบ้านใจเย็นลงมาก “ครับคุณนายใหญ่ แต่จะส่ง…”
“พ่อบ้านไปที่สำนักผู้วิเศษ หาคนคุ้มกันของจักรพรรดินี” จูซาถอดกำไลออก “เธอจะอนุมัติ”
พ่อบ้านนอบน้อม “ครับคุณนายใหญ่”
จูซามองพ่อบ้านเดินออกไป ยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางใจดีเหมือนยามปกติ
…
อีกด้านหนึ่งที่เมืองฟลอเรนซ์
อิ๋งจื่อจินยังจัดการธุระไม่เสร็จ เธอจึงไม่ได้กลับจีน
ทางด้านโรงพยาบาลเซ่าเหรินได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรควบคุมความปลอดภัยทางด้านสุขอนามัยมาเพื่อให้ตรวจสอบไปพร้อมกับเธอ
อิ๋งจื่อจินเคยตรวจคนไข้ไม่เยอะมาก คนในประเทศจีนมีไม่กี่คนที่รู้สถานะนี้ของเธอ
รวมถึงผู้เชี่ยวชาญต่างๆ
“คุณอิ๋ง!” ผู้เชี่ยวชาญตะลึง พูดไม่ถูกไปชั่วขณะ “คะ…คะคุณก็คือหมอเทวดาเหรอครับ”
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าหมอเทวดาที่โด่งดังไปทั้งประเทศของโรงพยาบาลเซ่าเหรินจะเป็นอิ๋งจื่อจิน!
นักศึกษาอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยตี้ตู เศรษฐินีแห่งวงการบันเทิง แถมยังเป็นหมอเทวดาด้วยเหรอ
นี่มันโลกแฟนตาซีอะไรกัน
ผู้เชี่ยวชาญจำเธอได้ดี เพราะลูกสาวของเขาอยู่มหาวิทยาลัยตี้ตู ชอบกลับมาเล่าให้ฟังทุกวันว่าเทพอิ๋งเก่งอย่างนั้นอย่างนี้
นี่มันเกินคำว่าเก่งไปมากแล้ว
“สวัสดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินทักทายอย่างสุภาพ “รบกวนพวกคุณให้มากันตั้งไกลแล้วค่ะ”
“ไม่ๆๆ ไม่รบกวนครับ” ผู้เชี่ยวชาญกระแอมเสียง ยื่นกระดาษให้ใบหนึ่งด้วยมือที่สั่น “ขอลายเซ็นให้ลูกสาวได้ไหมครับ”
“…”
ชูกวงมีเดียรับหน้าที่ถ่ายทอดสด
เลขาสาวสงสัยเรื่องนี้ “บอสคะ บอสไปยุ่งเรื่องด้านการแพทย์ได้ยังไงคะ”
อิ๋งจื่อจินถือโทรศัพท์ “หืม ฉันไม่เคยบอกเหรอว่าถือว่าฉันเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ด้วย”
เลขาสาวเงียบก่อน ต่อมาก็กลุ้ม แอบบ่น “…บอส แอบมีคนอื่นลับหลังฉัน”
นี่เธอไม่ได้เป็นเลขาเพียงคนเดียวเหรอ
อิ๋งจื่อจิน “…”
ราวกับเธอได้เจอซีซาร์ ลอเรนท์ เวอร์ชันผู้หญิง
ในเมื่อเป็นเรื่องของบอสตัวเอง เลขาสาวก็เต็มที่ เตรียมไลฟ์สดให้ทันที
บรรดาชาวเน็ตที่เฝ้ารอกันมานานย่อมสังเกตเห็นสถานที่ที่แปลกตาจากสไตล์อาคาร
[ทำไมสถานที่ไลฟ์สดเป็นที่ฟลอเรนซ์ล่ะ]
[หมอเทวดาไม่อยู่ในจีนเหรอ เป็นคนต่างชาติเหรอ คนต่างชาติเรียนแพทย์แผนจีน ตลกน่า]
ผู้เชี่ยวชาญยังไม่หายตื่นเต้น
เขามองกล้อง ผ่อนลมหายใจแล้วถึงพูดขึ้น “การไลฟ์สดในวันนี้ พวกเราจะตรวจสอบส่วนผสมพร้อมทั้งทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในขณะไลฟ์สด คุณหมอเทวดาจะเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันกับทุกคนว่าทางโรงพยาบาลเซ่าเหรินไม่มีทางทำของปลอมครับ”
[อื้อหือ ฟลอเรนซ์! อยู่ๆ ฉันก็กล้าคิดอะไรบางอย่าง… ]
[ขอยกมือแบบแอบๆ ฉันก็เหมือนกัน]
[ฉันไม่สนหรอกว่าหมอเทวดาคือใคร ขอถามหน่อยว่าทำไมมีคนแพ้ตั้งเยอะขนาดนั้น จะปฏิเสธเหรอ เอาอย่างเทพอิ๋งบ้างได้หรือเปล่า ผิดก็ปรับปรุง]
[อย่าเอะอะก็เทียบกับเทพอิ๋งได้มะ]
“ทุกคนช่วยกันจับตาดูนะครับ” ผู้เชี่ยวชาญพูดจบก็ถอยหลังหนึ่งก้าว สวมถุงมือสำหรับใช้ทางการแพทย์
ในที่สุดกล้องก็จับไปที่อีกด้าน
เสียงทุกอย่างหยุดลงในเวลานี้
ข้อความเลื่อนบนหน้าจอก็หายไปไม่มีเหลือ