ตอนที่ 676 สะเทือนทั่วทุกสารทิศ คุณนายซู่เวิ่น
ดาบนี้ช่วยเลี่ยงการโจมตีของเซี่ยฮ่วนหราน
แต่ในขณะเดียวกันเย่ว์ฝูอีก็ถูกแรงสะท้อนทำให้ถอยหลังไปและกระอักเลือด
เธอกำดาบในมือแน่น สายตาจับจ้อง “พลังแข็งแกร่งมาก…”
เย่ว์ฝูอีเก็บตัวฝึกมาเกือบหนึ่งปี
ออกมาครั้งนี้เธอกลายเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์แล้ว
ปรากฏว่าโลกจอมยุทธ์กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดมืดฟ้ามัวดิน
ตระกูลเซี่ยถูกทำลายล้าง เซี่ยฮ่วนหรานขึ้นเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอด
เย่ว์ฝูอีใช้ดาบช่วยพยุงตัวยืนขึ้น เธอหันไปมองดวงตาเบิกโพลง “อาอิ๋ง!”
อิ๋งจื่อจินถูกฟู่อวิ๋นเซินกอดไว้ ใบหน้าซีดเซียว
ร่างกายของเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่กลับหมดสติไปแล้ว ไม่รู้สึกตัว
เซี่ยฮ่วนหรานก็สภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน
สองแขนของเขาทะลุเป็นรู มีเลือดไหลนอง สภาพชวนสยดสยอง
จอมยุทธ์ที่มุงดูต่างรู้สึกเหลือเชื่อ
อิ๋งจื่อจินเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์แต่กลับสามารถเล่นงานเซี่ยฮ่วนหรานที่เป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดได้ถึงขั้นนี้!
เป็นไปได้ยังไง!
ต่อให้เป็นหลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอก็ไม่มีความสามารถนี้
อิ๋งจื่อจินเป็นใครกันแน่
ฟู่อวิ๋นเซินปกป้องศีรษะของเธอไว้ มืออีกข้างก็กอดร่างของเธอแน่น พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ซื่อบื้อจริงๆ”
เธอเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยนึกถึงตัวเอง
แม้สุดท้ายจะต้องบาดเจ็บเละไปทั้งร่างกายก็ตาม
ในชั่วขณะนั้นสมองของฟู่อวิ๋นเซินมีภาพเหตุการณ์ต่างๆ แวบผ่านมากมาย
เขากำมือ สัมผัสได้ถึงพลังอันหนักหน่วงในร่างกาย
จากนั้นเขาก็ก้าวเดินไป อุ้มอิ๋งจื่อจินไปฝากเย่ว์ฝูอีไว้
“รบกวน” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ดูแลเธอให้หน่อย”
เย่ว์ฝูอีอึ้ง เช็ดเลือดที่มุมปาก รับอิ๋งจื่อจินไปแล้วพูดอย่างแน่วแน่ “ได้”
“ฝูอี!” นายใหญ่เย่ว์อยากห้าม “ทำอะไรน่ะ”
เย่ว์ฝูอีสีหน้าเย็นชา “คุณพ่อ นี่เพื่อนของลูก”
“ฝูอี ลูก!” นายใหญ่เย่ว์โมโหมาก “เธอเป็นเพื่อนลูก แต่เซี่ยฮ่วนหรานต้องการฆ่าเธอ ลูกขวางได้เหรอ”
ไม่มีใครขวางได้
“คุณพ่อคิดว่าพวกเราไม่ทำตัวเป็นศัตรูกับเซี่ยฮ่วนหรานแล้วตระกูลเย่ว์จะรอดเหรอคะ” เย่ว์ฝูอีพูดเสียงแข็ง “แต่ถ้าเซี่ยฮ่วนหรานอยากครอบครองโลกจอมยุทธ์ ตระกูลเย่ว์ก็คือเป้าหมายที่เขาต้องทำลาย พวกเราจะได้รับการยกเว้นเหรอคะ”
นายใหญ่เย่ว์อึ้ง เม้มริมฝีปาก “แต่ว่า…”
“มาอีกคนเหรอ”
มองฟู่อวิ๋นเซินที่เดินเข้ามา เซี่ยฮ่วนหรานก็โมโหมากไม่ต่างกัน
เขายังไม่เคยเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน
แถมยังเป็นฝีมือของเด็กสาว น่าอับอายสิ้นดี
เซี่ยฮ่วนหรานผนึกจุดลมปราณของตัวเองเพื่อห้ามเลือด แสยะยิ้ม “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้!”
เขาหันมองอิ๋งจื่อจินที่ถูกเย่ว์ฝูอีกอดไว้ รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย
ไม่ว่าอย่างไรนังเด็กนี่ก็ต้องตายแน่!
…
เวลานี้ที่เมืองแห่งโลก
ตระกูลเรนเกล
ภายในห้องรักษาตัว
คุณนายใหญ่ซู่เวิ่นนอนอยู่ในนี้มายี่สิบปีแล้ว
ในเวลานี้เองเสียงแจ้งเตือนฉุกเฉินได้ดังขึ้น
‘ติ๊ดๆๆ’
ดังรัวมาก
“เกิดอะไรขึ้น” หมอรีบร้อนเข้ามา พอเห็นสภาพในโลงน้ำแข็งก็ตะลึงตาค้าง
คุณนายที่รูปลักษณ์สวยงามยังคงนอนอยู่ ไม่มีเค้าลางว่าจะฟื้น
แต่น้ำตากลับไหลออกจากดวงตาของเธอไม่หยุด ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่ได้
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ซู่เวิ่นหมดสติมายี่สิบปี
อาการของคุณนายซู่เวิ่นแตกต่างจากอวี้เซ่าอวิ๋นที่สมองตายในตอนนั้น สภาพร่างกายของเธอปกติดี ก็แค่ไม่ยอมฟื้น
สำนักผู้วิเศษบอกว่านี่เป็นโรคใจที่ต้องเยียวยาทางใจ
แต่ตอนนี้เธอกำลังหลั่งน้ำตา
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณนายใหญ่” คุณนายสามรีบร้อนเดินเข้ามา ตวาดเสียงดุ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนายใหญ่พวกคุณรับผิดชอบไหวเหรอ!”
“กะ กำลังตรวจเช็กครับ” หมอกดปุ่มเครื่องมือด้วยความลนลาน “คุณนายสามใจเย็นก่อนนะครับ นี่ไม่ใช่สัญญาณเลวร้าย กลับเป็นข่าวดีด้วยซ้ำครับ”
“คุณนายซู่เวิ่นหลั่งน้ำตาได้ก็แสดงว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อภายนอก มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานก็จะฟื้นครับ!”
คำพูดนี้ทำให้คุณนายสามสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
แต่เธอก็ควบคุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนคำเรียก “พี่สะใภ้ใหญ่จะฟื้นแล้วจริงเหรอ”
ถ้าซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมา ต่อให้หัวหน้าตระกูลหายตัวไป อำนาจทั้งหมดของตระกูลเรนเกลก็จะกลับสู่มือของซู่เวิ่น
ไม่เท่ากับว่าความพยายามในช่วงยี่สิบปีนี้ของพวกเขาสูญเปล่าเหรอ
“ยังฟันธงไม่ได้ครับ” หมอปาดเหงื่อ “ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่คุณนายซู่เวิ่นหลั่งน้ำตา เครื่องมือก็ตรวจไม่พบ อีกทั้ง…”
หมอพูดถึงตรงนี้อยู่ๆ ก็หยุดไป
เพราะเขาสังเกตเห็นริมฝีปากของซู่เวิ่นขยับ ทั้งยังพูดบางอย่าง
สีหน้าของคุณนายสามเปลี่ยนไปมาก “เธอพูดว่าอะไร”
หมออึ้ง รีบโน้มตัวลงไป
“คุณนายซู่เวิ่นพูดว่า พูดว่า ‘ลูก’…” พอหมอได้ยินชัดเจนก็ตะลึง “เธอพูดแค่คำนี้ครับ”
“ลูก…” คุณนายสามกำมือแน่น นึกถึงเรื่องที่ซีนายออกจากเมืองไป สีหน้าบึ้งลง “หาวิธีทำให้คุณนายใหญ่ฟื้นก่อน”
ในเมื่อซู่เวิ่นต้องการลูก เธอหามาให้สักคนก็ได้แล้ว
คุณนายสามรีบร้อนเดินออกไป
ในเวลาเดียวกัน คฤหาสน์ตระกูลอวี้ที่อำนาจทัดเทียมกับตระกูลเรนเกล จูซายังคงนั่งอยู่ในสวนดาดฟ้า
อัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายบอกว่าหัวหน้าตระกูลให้เอาของแทนตัวมาขอความช่วยเหลือจากผู้บัญชาการหน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ”
สี่หน่วยอัศวินก็แก่งแย่งชิงดีกันเองเช่นกัน หน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์ก็ไม่ถูกกับหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์มาตลอด
“ครับ ผู้บัญชาการออกจากเมืองไปแล้ว” อัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ตอบ “แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าด้วยจุดประสงค์อะไรครับ”
“โอเค เข้าใจแล้ว” จูซาส่ายมือเบาๆ “ออกไปเถอะ”
จุดประสงค์คืออะไร ไม่ต้องตรวจสอบก็รู้
อวี้เซ่าอวิ๋นถึงขั้นขอความช่วยเหลือจากผู้บัญชาการหน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์ก็คงแค่เพื่อลูกชายของฟู่หลิวอิ๋ง
จะต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแล้วแน่นอน
จูซาหรี่ตาลงเล็กน้อย
เธอฟันธงได้เลยว่า มีความเป็นไปได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ลูกชายของฟู่หลิวอิ๋งจะกลับมาไม่ได้แล้ว
นี่เป็นเรื่องดี
จูซายกถ้วยชามาดื่มต่อ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มใจดีอย่างไร้ที่ติ
…
โลกจอมยุทธ์ บรรยากาศตึงเครียด
ตูมๆ!
ความเร็วของทั้งสองคนเพิ่มขึ้นสูงสุดในเวลานี้ เห็นเพียงเงาเป็นริ้วๆ
แม้จะเป็นจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์เกินสามร้อยปีแล้วอย่างหลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอก็ยังยากที่จะจับทิศทางเงาของฟู่อวิ๋นเซินกับเซี่ยฮ่วนหรานได้
หลินอู๋เลี่ยงตกใจร้องเสียงหลง “บะ บ้าไปแล้ว!”
เซี่ยฮ่วนหรานเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอด มีความเร็วขนาดนี้ก็เรื่องปกติ
แต่ทำไมฟู่อวิ๋นเซินก็ทำได้ด้วย
ตูม!
ต่อสู้จบไปอีกรอบ ฟู่อวิ๋นเซินถอยหลังหลายก้าว หายใจหอบอย่างรุนแรง
ร่างกายของเซี่ยฮ่วนหรานบาดเจ็บหนักกว่าเดิม แทบกลายเป็นมนุษย์อาบเลือด
นายใหญ่เย่ว์ตะลึง “สำเร็จแล้วเหรอ”
แววตาของเย่ว์ฝูอีขรึมลง “เปล่าค่ะ ยังไม่จบ”
เธอสัมผัสได้ว่าแม้เซี่ยฮ่วนหรานจะเจ็บหนักเจียนตาย แต่กำลังภายในในร่างกายของเขากลับไม่ได้อ่อนลง ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยซ้ำ
“พอแล้ว!” สีหน้าของเซี่ยฮ่วนหรานบิดเบี้ยว “ฉันไม่รู้ว่าพวกแกใช้วิธีไหนทำให้วรยุทธ์เพิ่มขึ้นได้มากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น”
“พวกแกอาจไม่รู้ว่า ตอนที่ฉันเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอด ฉันเองก็ได้รับประทานของขวัญจากธรรมชาติมาไม่น้อย! นั่นก็คือชีวิต!”
“นึกไม่ถึงว่าจะถูกพวกแกเค้นออกมา พวกแกทำได้ถึงขั้นนี้ ตายก็ถือว่าไม่เสียดายแล้ว”
ในขณะที่เซี่ยฮ่วนหรานพูดคำพูดพวกนี้ บาดแผลน้อยใหญ่ตามร่างกายของเขาก็เยียวยากลับสู่สภาพเดิมแล้ว
“!”
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินเริ่มจับจ้อง
เขาค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา กลับหัวเราะเบาๆ “เล่นสนุกเป็นเพื่อนไม่ได้แล้ว…”
“ดูซิว่าคราวนี้พวกแกยังจะมีฝีมืออะไรอีก!” เซี่ยฮ่วนหรานสีหน้าบึ้งตึง “ตายซะเถอะ!”
คราวนี้ไม่มีใครขวางได้อีกต่อไปแล้ว
หลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอเอาแต่มองดูอย่างไร้น้ำใจ
พวกเขาไม่มีทางพาตัวเองไปตาย
แต่ในขณะนี้เองได้มีคลื่นกำลังภายในที่แข็งแกร่งลูกหนึ่งพุ่งเข้าไปที่เซี่ยฮ่วนหราน
ตามมาด้วยเสียงพูดเย็นชา “รนหาที่ตาย!”
เซี่ยฮ่วนหรานร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายกระเด็นออกไปกระแทกพื้นอย่างแรง
พอเห็นแบบนี้หลินอู๋เลี่ยงก็ตะลึงตาค้าง
ตอนนี้เซี่ยฮ่วนหรานเป็นถึงจอมยุทธ์ชั้นยอด อยู่ในระดับที่สามารถเก็บซ่อนกำลังภายในได้ตามใจชอบ
แม้แต่เฉิงหย่วนก็ยังต้องพ่ายให้กับเซี่ยฮ่วนหราน
อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินทนการโจมตีของเซี่ยฮ่วนหรานมาได้นานขนาดนี้ ทั้งยังทำให้เซี่ยฮ่วนหรานเจ็บหนักได้ก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว
ใครมันเก่งถึงขั้นที่ตบเซี่ยฮ่วนหรานกระเด็นได้ด้วยฝ่ามือเดียว!
ฟึ่บ
กลุ่มเมฆสลายตัว มีเงาหนึ่งค่อยๆ ปรากฏ
ชายชราสวมหมวกงอบ ในมือมีเบ็ดตกปลาที่ยาวมาก
หากมองจากรูปลักษณ์ภายนอกเขาก็คือคนตกปลาธรรมดาๆ
ใบหน้าของเขาไม่มีความพิเศษ หน้าตาไม่โดดเด่น เป็นประเภทที่ถ้าอยู่ในกลุ่มคนก็คงกลมกลืนหาไม่เจอ
แต่มีคลื่นพลังอันหนักหน่วงแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา เจือด้วยความใจดีมีเมตตาอย่างไร้ขีดจำกัด
ราวกับท้องทะเลกว้างใหญ่ พร้อมให้อภัยทุกสรรพสิ่ง
นี่ต่างหากจอมยุทธ์ชั้นยอดที่เก็บซ่อนตัวตนได้อย่างแท้จริง
ไม่มีจอมยุทธ์คนไหนรู้จักเขา แต่กลับฟันธงได้ว่าเขาเป็นใคร
จอมยุทธ์ลึกลับอันดับหนึ่งของประเทศจีน
เฟิง ซิว!